เมเจอร์ฯเตรียมแผนรุกตลาดปี 53 ด้วยการวางเม็ดเงิน 1,000 ล้านบาท ผุดโรงภาพยนตร์โมเดลใหม่ หวังสร้างความหลากหลายเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง พร้อมปรับโฉมโมเดลเก่า สู้ศึกโรงภาพยนตร์ปีเสือ
ภาพรวมของอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงยากลำบากของผู้ประกอบการ หลากหลายปัจจัยลบเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ที่แม้จะไม่กระทบกับประเทศไทยโดยตรง แต่ก็พลอยโดนหางเลข เพราะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจนต้องชะลอกำลังซื้อ เรื่อยมาถึงปัญหาทางการเมืองของไทย ที่มีความผันผวน หรือ มีการประท้วง ชุมนุม และ ปัญหาเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดภาวะชะงัก จนทำให้โรงภาพยนตร์เงียบเหงามาตลอด ทำเอาผู้ประกอบการทุกเจ้าถึงกับกุมขมับ
อย่างไรก็ตามในไตรมาส 4 เหตุการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น บวกกับการมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง ทรานฟอร์เมอร์, 2012, ทไวไลท์ นิวมูน รวมไปถึงภาพยนตร์ไทย รถไฟฟ้ามาหานะเธอ ที่ทุกเรื่องสามารถกวาดรายได้กว่า 100 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ค่ายเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป เจ้าของ4 แบรนด์โรงภาพยนตร์อย่าง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, อีจีวี, พารากอน ซีนีเพล็กซ์ และ เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ ยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ในธุรกิจโรงภาพยนตร์มีการทำตลาดกันอย่างหนักมาตลอดทั้งปี ทั้งการจัดกิจกรรม, การปรับปรุงโรงภาพยนตร์, การขยายสาขาใหม่ เพราะนอกจากต้องฟ่าฟันกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยแล้ว ยังต้องแข่งขันช่วงชิงผู้ชมกับคู่แข่งสำคัญอย่าง เอสเอฟ ที่มีการรุกหนักไม่แพ้กัน ล่าสุดเมเจอร์ เปิดแนวรบใหม่ในย่านชานเมือง เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ งามวงศ์วาน-แคราย เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยเงินงบประมาณในการก่อสร้างกว่า 1,000 ล้านบาท
เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ งามวงศ์วาน-แคราย ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 60,000 ตารางเมตร มีรูปแบบการก่อนสร้างในสไตล์ นีโอ-โกธิค จำนวน 7 ชั้น ประกอบไปด้วยโรงภาพยนตร์ 16 โรง 4,000 ที่นั่ง ลานโบว์ลิ่ง 24 เลน, คาราโอเกะ 13 ห้อง และไอซ์สเกต ซับซีโร่ ลานสเก็ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร ดำเนินการร่วมกับสยามฟิวเจอร์ดีเวลล้อปเมนต์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในด้านศูนย์การค้า โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ วัยรุ่น คนทำงาน และกลุ่มที่กำลังสร้างครอบครัว ในย่านชานกรุงเทพฯ ทิศเหนือ นนทบุรี จนถึงปทุมธานี ซึ่งเป็นทำเลที่มีแนวโน้มเติบโตได้อีกมากทั้งการขยายตัวของโครงการที่พักอาศัย และการเปิดศูนย์ราชการบนถนนแจ้งวัฒนะ เมเจอร์ฯ วางเป้าหมายการขายบัตรในสาขานี้ว่าจะมีผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการมากกว่า 2ล้านใบ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต
ขณะเดียวกันเมเจอร์ฯก็ได้เตรียมแผนที่จะบุกตลาดในปี 2553 โดยวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์กรุ้ป จำกัด(มหาชน) เผยว่า ปัจจุบันเมเจอร์ฯมีแบรนด์โรงภาพยนตร์จำนวน 4 แบรนด์ และมี 4 รูปแบบในการเปิดให้บริการ เริ่มตั้งแต่แบบสแตนอโลน, ไปกับดิสเคาท์สโตร์ อาทิ เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี, ไปกับห้างสรรพสินค้า อาทิ สยามพารากอน และ ไปกับสยามฟิวเจอร์ดีเวลล้อปเมนต์ ซึ่งความหลากหลายของรูปแบบที่เปิดให้บริการ ถือเป็นความได้เปรียบทางธุรกิจ เพราะสามารถสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้หลากหลาย และในปี 2553 เมเจอร์ฯ ก็มีแผนการที่จะเพิ่มรูปแบบของโรงภาพยนตร์ในแบบใหม่ๆ ขึ้นอีก
เมเจอร์ฯ วางงบประมาณลงทุนในปี 2553 ไว้ที่ 800 -1,000 ล้านบาท เพื่อนำไปขยายโรงภาพยนตร์ ทั้งที่เป็นสาขาเก่าและสาขาใหม่อีกราว 30-40 โรงทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนของสาขาใหม่ๆที่จะทำการเปิดนั้นได้มีการมองหาทำเลทั้งในเขตกรุงเทพฯและตามต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่
“เราวางแผนไว้ว่าในปีหน้าจะมีการพัฒนาโรงภาพยนตร์ทั้งที่มีอยู่แล้ว และสร้างรูปแบบใหม่ๆ เพราะเราพบว่าลูกค้าชอบที่จะเห็นความหลากหลายของแบรนด์ โดยการปรับปรุงสาขาที่เปิดบริการไปแล้ว จะมีทั้งในส่วนของการเพิ่มโรงภาพยนตร์ และปรับปรุงส่วนต่างๆ ซึ่งเราได้มีการทยอยทำอย่างต่อเนื่อง ส่วนการเปิดสาขาใหม่ๆ นั้น ต้องดูความเหมาะสมของทำเลเป็นสำคัญ”
วิชามั่นใจว่าแนวโน้มของปี 2553 อุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์จะกลับมาเติบโต เป็นผลมาจากการมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เตรียมจะเข้าฉายทุกไตรมาส เช่น ทไวไลท์ นิวมูน ภาค 3, แฮรี่ พอตเตอร์ ภาคจบ, นเรศวร และองค์บาก โดยคาดว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมในปีหน้าจะกลับมาเติบโต 10-12% ขณะที่เมเจอร์ฯจะมีการเติบโตราว 10-12% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นรายได้ที่มาจากค่าบัตรเข้าชม 2,900 ล้านบาท
ปัจจุบันเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีแบรนด์โรงภาพยนตร์จำนวน 4 แบรนด์ ประกอบไปด้วย เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ , อีจีวี, พารากอน ซีนีเพล็กซ์ และเอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รวมจำนวนสาขาที่ให้บริการมี 47สาขาทั่วประเทศ 354 โรง แบ่งออกเป็นแบรนด์ เมเจอร์ฯ34 สาขา จำนวน 233 โรง, อีจีวี 10 สาขา จำนวน 77 โรง, พารากอน ซีนีเพล็กซ์ 1 สาขา 16 โรง และ เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ 2 สาขา จำนวน 28 โรง ขณะนี้โบว์ลิ่ง เปิดให้บริการทั้งสิ้น 30 สาขา จำนวน 480 เลน, บริการคาราโอเกะ 358 ห้อง และ ไอซ์สเก็ต 2 สาขา
|