Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์24 ธันวาคม 2552
'เลอซาช่า' จับมือ 'ซันซิล' เอ็ดดูเคตเทรนด์สาวไทย             
 


   
www resources

Sunsilk

   
search resources

ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง, บจก.
Spa and Beauty
Sunsilk
Personal cares
คิวรอน, บจก.




เลอซาช่าผนึกพันธมิตรรอบทิศ ล่าสุดร่วมกับซันซิลจัดแคมเปญ 'ซันซิลค้นหา เลอซาช่าท้าให้เปลี่ยน' เอ็ดดูเคตเทรนด์ผมให้สาวไทยและขยายฐานผู้บริโภคให้กว้างขึ้น หลังจากบุกประชิดด้วยการจับมือกับกระทรวงศึกษาธิการสร้างเป็น 1 ในหลักสูตรการเรียนให้นักศึกษา เพื่อสร้างการรับรู้และความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง หลังสำรวจพบ สาวไทยกว่า 80% มีแค่ไดร์เป่าผมเป็นอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมเพียงชิ้นเดียว มั่นใจสิ้นปีโกยยอด 800 ล้านบาท

แม้ตลาดอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม (เฉพาะช่องทางโมเดิร์นเทรด) ที่มีมูลค่า 86 ล้านบาท แบรนด์เลอซาช่าจะเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่ง 59% อีกทั้งยังไม่มีผู้เล่นรายใดก้าวเข้ามาเป็นคู่แข่งชัดเจนก็ตาม ทว่าในช่วง 1-2 ปีนี้ ผู้บริโภคในบ้านเราจะเห็นว่าเลอซาช่าได้เปิดเกมรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่เรียกว่า ไม่ยอมให้คู่แข่งทั้งที่เป็นโลคัลแบรนด์และอินเตอร์แบรนด์มีโอกาสเข้ามาเบียดชิงพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มโลคัลแบรนด์ที่จะเน้นแค่เรื่องราคาและทำตลาดกลุ่มประตูน้ำมากกว่า แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ก็คือ เลอซาช่าต้องการขยายตลาดอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าโดยภาพรวมทุกช่องทางของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้คาดว่าจะมีมูลค่าหลักร้อยล้านก็ตาม แต่หากเจาะในช่องทางโมเดิร์นเทรดที่เลอซาช่าทำตลาดหลักอยู่ในตอนนี้มูลค่าเพียง 86 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวถือว่ายังเป็นตลาดที่เล็กมาก

ดังนั้น เลอซาช่าจึงเปิดเกมรุกเข้มมาตลอดทั้งปี โดยกลยุทธ์ที่ค่ายคิวรอนเน้นหนักชัดเจน คือ การผนึกกับพันธมิตร โดยจะเห็นว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาค่ายคิวรอนได้เข็นสินค้าต่างๆ ออกมาจับมือกับพันธมิตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเตารีดไอน้ำแบรนด์แอทโฮมก็นำไปจัดแคมเปญร่วมกับบรีสเอกเซล หรือเครื่องถอนขนถนอมผิวแบรนด์เอ็มจอย ค่ายนี้ก็นำไปจัดกิจกรรม Happy Arm ร่วมกับแบรนด์เรโซนา เมื่อครั้งลอนช์นวัตกรรม 'นาโน โกลด์เพลท' เพื่อตอบโจทย์สาวไทยที่มีปัญหาเรื่องผิวใต้วงแขนและให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสทดลองใช้สินค้ามากยิ่งขึ้น

ล่าสุด กับการนำแบรนด์เลอซาช่า ผลิตภัณฑ์กลุ่มจัดแต่งทรงผมออกมาจับมือกับแบรนด์ซันซิล เพื่อจัดกิจกรรม 'ซันซิลค้นหา เลอซาช่าท้าให้เปลี่ยน' โดยกำหนดจัดขึ้นในช่วงสิ้นเดือนธันวาคมนี้ไปถึงเดือนมีนาคมปี 2553 ซึ่งเลอซาช่ามั่นใจว่าแคมเปญดังกล่าวจะสามารถพาแบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริหารค่ายนี้มั่นใจ คือ ความแข็งแกร่งในด้านชื่อเสียงของซันซิล กอปรกับการเป็นผู้นำในตลาดแชมพูบ้านเราย่อมเป็นตัวหนุนความมั่นใจให้กับสาวไทยกล้าตัดสินใจทดลองใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมของเลอซาช่าได้ไม่ยาก เป็นที่น่าสังเกตว่าแบรนด์สินค้าที่ค่ายคิวรอนเลือกเป็นพันธมิตรจะอยู่ภายใต้ร่มเงาของยูนิลีเวอร์ทั้งสิ้น

'บริษัทมองว่ายูนิลีเวอร์มีสินค้ากลุ่มแมสหลายกลุ่มที่ตรงกับสินค้าของเรา เช่น แบรนด์เรโซนาที่เน้นเรื่องการดูแลผิวใต้วงแขนก็ตรงกับดีเอ็นเอของแบรนด์เอ็มจอย ที่วางจุดขายเป็นเครื่องถอนขนถนอมผิวเช่นกัน ซึ่งเป็นการทำตลาดร่วมกันที่ Win-Win ทั้ง 2 ฝ่าย' เป็นคำกล่าวของ เดชฤทธิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ผู้อำนวยการตลาด บริษัท คิวรอน จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมแบรนด์เลอซาช่า

สำหรับการจับมือระหว่างเลอซาช่ากับซันซิลในครั้งนี้ จะเห็นว่า ทางซันซิลส่งตัวสูตรผมมีน้ำหนักจัดทรงง่าย (สีชมพู) ซึ่งตรงกับแบรนด์เลอซาช่าที่ชูจุดขายว่าเป็นอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมที่ไม่ทำร้ายและยังปกป้องเส้นผมจากความร้อนด้วย โดยเฉพาะเครื่องหนีบผมที่ค่ายนี้พยายามจะเข็นเข้ามาบุกตลาดและสร้างเทรนด์ให้ผู้บริโภคหันมาใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในการช่วยจัดแต่งทรงผมในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพราะจากการสำรวจพบว่า สาวไทยกว่า 80% จะมีแค่ไดร์เป่าผมเป็นอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมเพียงชิ้นเดียว ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับสาวเกาหลีที่กว่า 80% จะมีอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมเฉลี่ยคนละ 7 ชิ้น เช่น ไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผม โรลม้วนผม และทั้งหมดนี้จะสามารถจัดแต่งทรงผมด้วยตนเอง ต่างจากสาวไทยที่กว่า 70% จะต้องใช้บริการร้านซาลอน

ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ทำให้สาวไทยไม่นิยมใช้เครื่องหนีบผม คือ ความกังวลเรื่องผมเสียที่เกิดจากความร้อนของตัวอุปกรณ์ ดังนั้น การเลือกจับมือกับซันซิลโดยโฟกัสไปที่สูตรผมมีน้ำหนักจัดทรงง่ายนั้น เชื่อได้ว่า เลอซาช่าต้องการอาศัยภาพของซันซิลสูตรดังกล่าวมาช่วยตอบโจทย์ของคุณผู้หญิงที่รักผม เพราะไม่เพียงแต่ตัวอุปกรณ์ที่จะช่วยจัดแต่งทรงผมโดยไม่ต้องห่วงผมเสียแล้ว แต่ยังมีซันซิลที่จะเป็นผู้ช่วยดูแลและถนอมเส้นผมอีกขั้นตอนหนึ่งด้วย ในทางกลับกันซันซิลก็ได้เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคเช่นเดียวกันด้วย ซึ่งหากจำภาพยนตร์โฆษณาที่มี อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ เป็นพรีเซนเตอร์ ในชุดที่กล่าวถึงการเปลี่ยนทรงผม 4 ทรงใน 1 วัน ไม่ได้สร้างความกังวลหรือความหนักใจให้กับตัวพรีเซนเตอร์แม้ว่าเส้นผมจะต้องถูกจัดแต่งทรงด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผมก็ตาม หากมีการใช้แชมพูสูตรดังกล่าวช่วยดูแลผม จะเห็นว่าทั้งภาพและ message ของหนังโฆษณาชุดนี้ค่อนข้างตรงและสอดคล้องไปกับโปรดักส์ของเลอซาช่าได้อย่างลงตัว

แม้ว่าแคมเปญดังกล่าวจะไม่ใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ซันซิล รวมถึงความแข็งแกร่งในช่องทางจำหน่ายของยูนิลีเวอร์ ทำให้ผู้บริหารเลอซาช่ามั่นใจว่าจะสามารถขยายตลาดและเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้น เช่นเดียวกับการจับมือกับบรีสเอกเซลเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่ช่วยให้เตารีดไอน้ำแบรนด์แอทโฮมเติบโตขึ้น 33%

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการตลาดค่ายคิวรอน บอกว่า เพื่อให้เกิดการรู้จักและสร้างความภักดีต่อแบรนด์ระยะยาว แบรนด์เลอซาช่ายังได้เข้าร่วมกับทางกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยการเข้าไปขอบรรจุหลักสูตรการเรียนเกี่ยวกับการทำผมในวิทยาลัยสารพัดช่าง ซึ่งเริ่มไปแล้ว 39 เขต โดยนักศึกษาจะสามารถเริ่มเรียนได้ในปี 2553 ทั้งนี้ การเข้ามารุกในช่องทางนี้ ถือว่าเป็นเกมที่ทางเลอซาช่าต้องการปูทางให้แบรนด์ในระยะยาว ด้วยการให้กลุ่มเป้าหมายได้รู้จักแบรนด์ตั้งแต่ในช่วงวัยเรียนและต่อเนื่องไปจนถึงวัยทำงาน

นอกจากเป้าหมายดังกล่าวแล้ว จะเห็นว่าเลอซาช่ามองไปไกลกว่านั้น คือ การเลือกบุกช่องทางร้านซาลอนอย่างจริงจัง ที่เป็นเช่นนี้เพราะสถานศึกษาที่ทางเลอซาช่าขอบรรจุเข้าไปนั้น คือวิทยาลัยสายอาชีพ ที่เน้นการเรียนเพื่อออกมาประกอบอาชีพโดยตรง ดังนั้น การเลือกบรรจุหลักสูตรทำผมโดยมีแฮร์สไตลิสต์ที่เลอซาช่าส่งเข้าไปช่วยสอนย่อมเป็นการสร้างแบรนด์ลอยัลตี้ตั้งแต่เริ่มต้นด้วย และเมื่อนักศึกษาเหล่านั้นกระจายไปสู่ตลาดร้านเสริมสวย แน่นอนว่าแบรนด์เลอซาช่าย่อมถูกผูดติดไปด้วยไม่มากก็น้อย โดยปัจจุบันช่องทางร้านเสริมสวยทำรายได้ให้แบรนด์เลอซาช่าราว 60% ช่องทางโมเดิร์นเทรด 40%

พร้อมกันนี้เพื่อผลักดันช่องทางซาลอนให้เติบโตขึ้น การออกสินค้าในปีหน้าทางเลอซาช่าก็เตรียมลอนช์สินค้าเพิ่มอีก 10 เอสเคยู โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มโปรเฟสชันนัล ซึ่งนอกจากจะเจาะช่องทางร้านซาลอนแล้ว ค่ายคิวรอนมองว่าสินค้ากลุ่มนี้ยังสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคโดยตรงได้อีกด้วย เพราะจากการสำรวจพบว่า สาวไทยที่นิยมทำผมด้วยตนเองต้องการอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับที่ใช้ในร้านซาลอน ซึ่งเลอซาช่ามั่นใจว่าจะได้การตอบรับที่ดีเช่นกัน สำหรับการรุกครั้งนี้ เลอซาช่ามั่นใจว่าในปีหน้าจะสามารถเพิ่มการเติบโตได้อีก 16% หลังจากที่ปีนี้ปิดยอดขายได้ที่ 800 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us