|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและแนวโน้มพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคทั่วโลก กำลังกลายเป็นโอกาสครั้งสำคัญของ 'แคนนอน' ที่จะกลับมาเบียดขึ้นผู้นำตลาดกล้องวิดีโออีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้คู่แข่งขันสำคัญอย่าง โซนี่ พานาโซนิค หรือแม้แต่ ซันโย ทำแต้มทิ้งห่างไปหลายช่วงตัว
หากเอ่ยถึงผู้นำตลาดกล้องทุกคนต้องนึกถึงแบรนด์ 'แคนนอน' อย่างแน่นอน แต่หากถามว่าผู้นำกล้องวิดีโอนั้น คำตอบที่ได้กลับกลายเป็น 'โซนี่' ไม่ใช่แคนนอน บริษัทที่ทำตลาดกล้องวิดีโอเป็นรายแรกของโลก แต่กลับปล่อยให้บริษัทที่เข้าสู่ตลาดทีหลังแซงหน้ายึดส่วนแบ่งทางการตลาดที่เคยมีอยู่ไป
'ตอนแคนนอนเริ่มทำตลาดกล้องวิดีโอนั้นถือเป็นยุคของอะนาล็อก เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิตอล แคนนอนปรับตัวช้ากว่าคู่แข่งขัน ทำให้สูญเสียส่วนแบ่งทางตลาดกล้องวิดีโอให้กับคู่แข่งขัน' Takashi Kuniyoshi บอสใหญ่ผลิตภัณฑ์กล้องวิดีโอของแคนนอน อิงค์ กล่าวและยอมรับว่า 'ปัจจุบันนี้ผู้บริโภคมีความเชื่อถือในกล้องวิดีโอแบรนด์โซนี่อย่างมาก แคนนอนต้องพิสูจน์ตัวเองให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงเทคโนโลยีกล้องวิดีโอที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน เหมือนอย่างเช่นกล้องดิจิตอลแคนนอนที่แข็งแกร่งในทุกตลาดทั่วโลก'
อย่างไรก็ตาม จากกระแสการเปลี่ยนของเทคโนโลยีและรูปแบบพฤติกรรมการใช้งานบนกล้องวิดีโอนั้น มีสองประเด็นหลักที่แคนนอนน่าจะใช้เป็นช่วงโอกาสในการกลับมาเป็นผู้นำตลาดกล้องวิดีโอได้อีกครั้งหนึ่ง
แคนนอนมองว่าเทรนด์ของตลาดได้เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนจาก Standard Definition ไปสู่ High Definition และการเปลี่ยนสื่อบันทึกจากฮาร์ดดิสก์หรือดีวีดีหรือเทป ไปเป็นแฟลชเมมโมรี กำลังกลายเป็นโอกาสครั้งสำคัญของแคนนอน
ที่ผ่านมาแนวโน้มของตลาดกล้องวิดีโอ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้หน่วยความจำประเภทฮาร์ดดิสก์ขณะนี้มีส่วนแบ่งตลาดลดลงอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันมีไม่ถึง 50% และคาดว่าภายในสิ้นปี 2552 จะเหลือเพียง 20% จากนั้นจะค่อยๆ หมดไปจากตลาด อย่างเช่นประเทศสิงคโปร์ ขณะนี้กล้องวิดีโอจะเป็นประเภทแฟลชเมมโมรีทั้งหมดแล้ว
การลดลงของกล้องวิดีโอประเภทฮาร์ดดิสก์เป็นผลมาจากเทคโนโลยีนี้มาถึงทางตันที่ไม่สามารถพัฒนาต่อได้แล้ว นอกจากนี้ยังเกิดจากการเข้ามาแทนที่ของเทคโนโลยีแฟลชเมมโมรีที่สะดวกในการใช้งานเพียงถอดออกจากกล้องก็สามารถเสียบเข้ากับพีซีได้ทันที นอกจากนี้ยังทำให้น้ำหนักของตัวผลิตภัณฑ์เบาด้วย
'แคนนอนต้องการเป็นผู้นำตลาดกล้องวิดีโอระดับ High Definition และแฟลชเมมโมรี'
การประกาศเช่นนั้นของแคนนอนเนื่องจากแคนนอนมีความพร้อมที่จะรองรับความต้องการที่เกิดขึ้นจากตลาด และเมื่อแคนนอนเชื่อว่าแฟลชเมมโมรีจะเป็นมาตรฐานของเทคโนโลยีประเภทหน่วยความจำ จึงได้ทุ่มทุนในการพัฒนาอย่างเต็มที่ รวมถึงการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ในการทำตลาดกล้องวิดีโอใหม่ โดยใช้แบรนด์ 'เลอเกรีย'(Legria) ทำตลาดในเมืองไทยและประเทศอื่นๆ
จุดเด่นของกล้องวิดีโอแคนนอน เลอเกรีย ถือเป็นกลยุทธ์ที่แคนนอนวางไว้เพื่อพิชิตคู่แข่งขันรายอื่นๆ ในตลาด คือการนำเอาสุดยอดเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพนิ่งต่างๆ ในกล้อง D-SLR ของแคนนอนมาพัฒนาให้กลายเป็นนวัตกรรมการบันทึกภาพวิดีโอความละเอียดสูงระดับ High Definition ทำให้กล้องวิดีโอแคนนอน เลอเกรีย สามารถสร้างภาพวิดีโอที่คมชัด สีสมจริง เก็บรายละเอียดของภาพได้ดีแม้ถ่ายในที่มืด พร้อมเทคโนโลยีการบันทึกข้อมูลแบบแฟลชเมมโมรี ทำให้กล้องมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา เก็บข้อมูลได้มากขึ้น ทนทาน และประหยัดพลังงาน
อย่างกล้องวิดีโอ เลอเกรีย รุ่นล่าสุด HFS 11 ถือเป็นกล้องวิดีโอไฮเทคที่มีประสิทธิภาพสูงให้ความละเอียดระดับฟูลไฮเดฟฟินิชั่น ประกอบขึ้นด้วยชิ้นเลนส์จำนวน 15 ชิ้น เรียงเป็นแถวตอนลึกรับแสงได้โดยตรง ช่วยลดความผิดเพี้ยนของภาพ รวมถึงมีระบบป้องกันการสั่นไหว สามารถ่ายภาพวิดีโอและภาพนิ่ง ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์รับภาพแบบซีมอส เซ็นเซอร์มีขนาดใหญ่
สิ่งที่แตกต่างจากกล้องวิดีโอแบรนด์อื่นๆ และน่าที่จะทำให้แคนนอนใช้เป็นจุดขายสำคัญกับกล้องวิดีโอ เลอเกรีย HFS11 ก็คือความสามารถในการถ่ายภาพนิ่งได้ถึง 8 ล้านพิกเซล ซึ่งกล้องวิดีโอที่วางจำหน่ายในตลาดปัจจุบันยังไม่มีผู้ผลิตรายอื่นๆ ทำตลาด นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายภาพนิ่ง 6 ล้านพิกเซลขณะกำลังถ่ายวิดีโอได้ด้วย แต่ถ้านำภาพวิดีโอมาทำเป็นภาพนิ่งจะได้ 2 ล้านพิกเซล
ก้าวต่อไปของแคนนอนคือ การสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคและตลาดทั่วโลกถึงจุดเด่นของกล้องวิดีโอเลอเกรีย พร้อมทั้งพยายามให้ผู้บริโภคได้ทดลอง ได้สัมผัสผลิตภัณฑ์เลอเกรีย เนื่องจากสามารถแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างกล้องวิดีโอเลอเกรียและกล้องวิดีโอแบรนด์ได้อย่างชัดเจน และน่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสร้างตลาดให้กับแคนนอนได้อีกทางหนึ่ง เมื่อผนวกกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีจึงน่าจะเป็นโอกาสให้แคนนอนแย่งตลาดคืนจากคู่แข่งขันได้
อัพเดดล่าสุด 12/24/2009 3:10:59 PM โดย Chaotip Kleekhaew
หมายเหตุ เส้นแบ่งข่าว หมายถึง ข่าวถูกแบ่งเป็นหน้า ๆ
keyword :
Close
|
|
|
|
|