โสภิญ เทพจักร ศูนย์ข่าวศรีราชา – คาดการแข่งขันด้านธุรกิจที่พักในเมืองพัทยาปีขาลจะรุนแรงขึ้น หลังทุนส่วนกลางและท้องถิ่นแห่ขยายการลงทุนรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ และรอรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งพัทยายังมีจุดเด่นสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง “กลุ่มไดอาน่ากรุ๊ป” ชิ่งหนีภาวะแข่งขัน ด้วยการหันจับตลาดคนพิการและผู้สูงอายุต่างชาติ ที่ยังคงมีสวัสดิการที่ดีและต้องการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพัทยาแทนการแชร์ตลาดหลักทั้งในยุโรป และเอเชีย

นางโสภิญ เทพจักร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มโรงแรมในเครือไดอาน่ากรุ๊ป ที่ประกอบด้วยโรงแรมไดอาน่าการ์เด้น รีสอร์ท โรงแรมไดอาน่าอินน์ และไดอาน่าดรากอน อพาร์ตเมนต์ ที่มีห้องพักรวมกันกว่า 300 ห้องโดยดำเนินธุรกิจโรงแรมในเมืองพัทยามานานกว่า 30 ปี เผยว่า สถานการณ์ทางการตลาดของธุรกิจโรงแรมในเมืองพัทยา ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการทั้งจากส่วนกลางและท้องถิ่น แห่ผุดห้องพักเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จะแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการแต่ละรายจะต้องมีทิศทางการตลาดที่โดดเด่นจึงจะสามารถประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้ เนื่องจากปัจจุบันจำนวนห้องพักในเมืองพัทยามีมากกว่า 8 หมื่นห้อง ไม่นับรวมจำนวนห้องพักที่จดทะเบียนในลักษณะคอนโดมิเนียมที่เปิดให้เช่า และผู้ประกอบการที่ไม่จดทะเบียนเพื่อดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง ซึ่งหากนับรวมทั้งหมดแล้วเมืองพัทยาก็จะมีห้องพักไม่น้อยกว่า 1 แสนห้องอย่างแน่นอน

“การบริหารธุรกิจภายใต้ปัจจัยลบที่มีอยู่รอบด้าน ทั้งจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่นิ่งและภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังไม่กระเตื้องขึ้นอย่างชัดเจน ย่อมทำให้ในปี 2553 การแข่งขันเพื่อแชร์กลุ่มลูกค้าทั้งที่เป็นลูกค้าหลักและลูกค้าใหม่ย่อมเป็นไปด้วยความยากลำบาก ”นางโสภิญกล่าวและว่า

โดยเฉพาะในปี 2552 เห็นได้ชัดว่าโรงแรมระดับ 5 ดาวหลายแห่งต้องปรับลดราคาห้องพักให้เทียบเท่าระดับ 3-4 ดาวเพื่อรักษาตัวเลขการเข้าพัก แต่แม้ภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองในปี 2552 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขการเข้าพักของโรงแรมต่างๆ ลดลง เช่นเดียวกับกลุ่มไดอาน่า ที่ผลประกอบการในปีนี้กำไรลดลงไม่น้อยกว่า 40% แต่ผู้ประกอบธุรกิจส่วนใหญ่ก็มีความเชื่อว่าในระยะยาวแล้วการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาจะดีอย่างแน่นอน จึงยอมที่จะขาดทุนในตอนนี้เพื่อรอรับการเติบโตทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

นางโสภิญ ยังกล่าวอีกว่าการที่เมืองพัทยายังคงมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวที่สูงมากรวมทั้งการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ เมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวหลักอื่นๆ จึงทำให้ในช่วงที่ผ่านมาแม้แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งจะซบเซา แต่เมืองพัทยา กลับยังคงสามารถประคองตัวอยู่ได้ และจุดนี้เองทำให้นักลงทุนส่วนกลางแห่ขยายเชนโรงแรมเพื่อแชร์ส่วนแบ่งตลาด ขณะที่กลุ่มทุนท้องถิ่นที่ดำเนินธุรกิจมานานก็พร้อมที่จะทุ่มงบลงทุนใหม่เพื่อขยายศักยภาพของตนให้ครบวงจร

เช่นเดียวกับไดอาน่ากรุ๊ป ที่วางแผนจะขยายการลงทุนด้านห้องพักเพิ่มอีกประมาณ 50 ห้อง ด้วยการผุดโรงแรมใหม่ในพื้นที่ด้านหลังของโรงแรมไดอาน่า การ์เด้นรีสอร์ท ที่ปัจจุบันได้เปิดให้บริการสนามไดรฟ์กอล์ฟ เพื่อเพิ่มงานบริการให้แก่กลุ่มลองสเตย์ และยังเพิ่มห้องสัมมนาเพื่อรองรับการจัดสัมมนาของกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในเมืองพัทยาและกรุ๊ปสัมมนาชาวไทย

“ในปีหน้าเราจะใช้งบลงทุนประมาณ 20-30 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่สำหรับรองรับกลุ่มวีลแชร์ และกลุ่มคนสูงอายุชาวต่างชาติที่นิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองพัทยา และส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เลือกที่จะพักนานตั้งแต่ 1 เดือนจนถึง 1 ปี โดยโรงแรมใหม่นี้จะมีห้องพัก ห้องน้ำที่กว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ และหากคนพิการและผู้สูงอายุต้องการเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ในเมืองพัทยาเราก็จะจัดรถบริการให้ ซึ่งการฉีกตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ส่วนหนึ่งก็เพื่อหนีการแข่งขันที่จะต้องแชร์ตลาดหลักทั้งจากยุโรปและเอเชีย จากโรงแรมต่างๆ และโรงแรมที่เกิดใหม่ ซึ่งเรามองว่าตลาดวีลแชร์และผู้สูงอายุมีโอกาสเติบโตสูง เพราะคนกลุ่มนี้มีสวัสดิการที่ดีจากประเทศของเขา”

ที่สำคัญ ในปี 2553 การที่กลุ่มศรีมงคล ซึ่งเป็นบริษัททัวร์รายใหญ่ในเมืองพัทยา ได้รับสัมปทานระดับวีไอพี ในการจัดเส้นทางท่องเที่ยวพัทยา- ลาว ด้วยการให้บริการเดินรถขนาด 24 ที่นั่ง ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในเมืองพัทยาใช้เวลาในการเข้าพักยังโรงแรมต่างๆ น้อยลง ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่เร่งมองหาตลาดใหม่ และสร้างจุดเด่นทางการตลาดที่ชัดเจนก็จะต้องประสบปัญหาการถูกแชร์จำนวนห้องพักซึ่งก็จะส่งผลกระทบถึงผลประกอบการตลอดทั้งปีได้