|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บีไอเอชซี เดินเกมรุกหนักปีหน้า เพิ่มงบตลาดร้านลอฟท์อีก 10% พร้อมลุยสาขาใหม่ที่พาราไดซ์พาร์คแน่ ปรับสัดส่วนสินค้าเจาะกลุ่มครอบครัวมากขึ้น ด้านรายได้สิ้นปีนี้คาดได้รวม 190 ล้านบาท เติบโต 12% เกินเป้าหมาย เหตุปรับสูตรสินค้าใหม่
นายชาญชัย เชิดชูวงศ์ธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีไอเอชซี เทรดดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้านลอฟท์ ในเครือบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอร์รี่เซ็นเตอร์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 2553 ว่า มีแผนที่จะปรับรูปแบบการนำเสนอสินค้าเข้ามาจำหน่ายในร้านใหม่ โดยจะแบ่งสัดส่วนเป็นสินค้าของซัปพลายเออร์ที่วางจำหน่าย เพิ่มเป็น 20% และสินค้าที่บริษัทฯจะนำเข้ามาจำหน่ายเองจากต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อเมริกา เกาหลี เป็นต้น เพิ่มขึ้นในสัดส่วน 20-25% นอกนั้นก็เป็นสินค้าจากซัปพลายเออร์ของไทยและที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ
ขณะเดียวกันเตรียมงบประมาณไว้ 30 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเปิดสาขาร้านลอฟท์ใหม่ พื้นที่ 1,600 ตารางเมตร ที่ศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค ถนนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์เดิม ซึ่งจะเป็นสาขาที่ 3 ของลอฟท์ในไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการตกแต่ง คาดว่าจะสามารถเปิดบริการได้ประมาณเดือนมีนาคม 2553 พร้อมกับการเปิดบริการของศูนย์การค้าฯ
อย่างไรก็ตาม นายชาญชัยกล่าวว่า การขยายสาขาใหม่นอกจากที่พาราไดซ์พาร์คแล้ว ยังไม่มีแผนเปิดเพิ่ม แต่ยอมรับว่า มีหลายศูนย์การค้าที่ติดต่อเพื่อให้บริษัทฯลงทุนเปิดร้านลอฟท์หลายแห่ง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและศึกษา ยังไม่มีการสรุปแต่อย่างใด
ส่วนแผนการตลาดนั้น ปี 2553 จะมีกิจกรรมเชิงรุกมากขึ้น และจะเพิ่มงบตลาดอีกอย่างต่ำ 10% จากปี 2552 ที่ใช้ประมาณ 20 ล้านบาท เนื่องจากว่ามีสาขาเพิ่มขึ้นมาอีกแห่ง และรองรับกับกำลังซื้อในปีหน้าที่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นกว่าปีนี้
สำหรับในส่วนของสาขาที่สาม พาราไดซ์ พาร์ค นั้น จะมีการปรับสินค้าที่จำหน่ายใหม่ให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายในบริเวณนั้นที่เป็นกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก และผู้บริโภคมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง โดยจะเพิ่มสินค้าประเภทตกแต่งบ้านมากขึ้น รวมทั้งการนำเข้าสินค้าเครื่องสำอางจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาวางจำหน่ายมากขึ้นด้วย โดยวางเป้าหมายรายได้สาขานี้ไว้ที่ 25 ล้านบาทต่อเดือน
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2552 นี้ นายชาญชัยกล่าวว่า บริษัทฯคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมประมาณ 190 ล้านบาท โดยเบ่งเป็นรายได้ที่มาจาก สาขาสยามดิสคัฟเวอร์รี่เซ็นเตอร์ 160 ล้านบาท และสาขาที่จตุรัสจามจุรีอีก 30 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่รายได้รวมอยู่ที่ 130 ล้านบาท โดยในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมนี้ ร้านลอฟท์มีรายได้รวมเติบโตประมาณ 12% แล้ว ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยมีสมาชิกรวม 45,000 ราย และคาดว่าในปีหน้าจะมีรายได้รวมที่ 500 ล้านบาท
ทั้งนี้การเติบโตที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากการที่บริษัทฯได้ปรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นมา หลังจากที่ช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัญหาการเมืองและปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเดือนเมษายนที่ยอดขายตกลงอย่างมากถึง 20%
โดยบริษัทฯได้ปรับเปลี่ยนการจัดเรียงสินค้าใหม่ และการนำเสนอสินค้าใหม่ๆเข้ามาจำหน่ายในร้านลอฟท์มากขึ้น จึงทำให้ยอดขายกลับมากระเตื้องขึ้น โดยที่สาขาจัตุรัสจามจุรีนั้น ได้ปรับสินค้าใหม่เนื่องจากว่า มีบริษัทที่เป็นธุรกิจเข้ามาตั้งสำนักงานจำนวนมาก และยิ่งมีกลุ่มบริษัทดีแทคเข้ามาอยู่ด้วย ส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายน่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ 70% มากกว่านักศึกษา 30% จึงได้เพิ่มสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่เป็นนักศึกษา 70% และพนักงานออฟฟิศ 30%
|
|
|
|
|