|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไลอ้อน ชูแผน 5 ปี สยายปีกสินค้าอุปโภคบริโภคตลาดอาเซียน รับอาฟต้าภาษีนำเข้าเหลือ 0% เดินเกมเป็นฐานการผลิตเสริมไลอ้อนแดนปลาดิบบุก 10 ประเทศ ปีหน้าอัดงบเกือบ 2,000 ล้านบาท สู้ศึกตลาดอุปโภคบริโภคระอุ ทัพสินค้าลุยการตลาดเต็มสูบหลังตลาดฟื้น รับเศรษฐกิจปีเสือขาขึ้น ลุยโซเชียล มาร์เก็ตติง-โฟกัสช่องทางขายตรง ปี 53 โกยยอดทะลุ 1 หมื่นล้านบาท
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดจากนี้ไป บริษัทมุ่งขยายตลาดส่งออกในภูมิภาคอาเซียนในระยะ4-5 ปี วางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก 10% เป็น 20% เพื่อฉกฉวยโอกาสทางการตลาดรับกับการเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียน หรืออาฟต้า มีผลทำให้ภาษีนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเหลือ 0% ในวันที่ 1 มกราคม 2553 ในเบื้องต้นมีผล 6 ประเทศจาก 10 ประเทศในอาเซียนก่อน โดยประเทศเวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา ภาษีนำเข้าเหลือ 0% ในปี 2558
สำหรับแผนการขยายตลาดอาเซียน บริษัทจะส่งออกสินค้าเสริมบริษัทไลอ้อน ประเทศญี่ปุ่นที่เข้าไปร่วมทุนผู้ประกอบการท้องถิ่น อาทิ ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กโคโดโมะ ซึ่งปัจจุบันไลอ้อน ประเทศไทย เป็นผู้ผลิตและส่งออกป้อนตลาดอาเซียนทั้งหมด หรือกระทั่งส่งออกกลุ่มยาสีฟันซอลล์และแปรงสีฟันซิสเท็มม่า นอกจากนี้บริษัทยังนำสินค้าแบรนด์ไทยที่ร่วมกันพัฒนากับญี่ปุ่นส่งออกไปยังตลาดอาเซียน อาทิ ผงซักฟอกเปา สบู่สมุนไพรฟลอเร่
นายบุญฤทธิ์ กล่าวว่า ตราสินค้าไทย ถือว่ามีความแข็งแกร่งในตลาดอาเซียน และได้รับการยอมรับทั้งจากในประเทศเวียดนาม พม่า กัมพูชา และลาว อย่างไรก็ตามแนวทางรองรับกับสินค้าคู่แข่งเข้ามาทำตลาดไทย ปีหน้าบริษัททุ่มงบการตลาดเกือบ 2,000 ล้านบาท เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรม เพื่อสร้างการรับรู้และตอกย้ำแบรนด์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าภายใต้คอนเซปต์ “เพื่อสุขภาพ” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 รองรับกับกระแสสุขภาพที่มาแรง และแนวโน้มประชากรผู้สูงอายุของประเทศที่ทยอยมีเพิ่มขึ้น
“การพัฒนานวัตกรรมใหม่ของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความซับซ้อนมากขึ้น สำหรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ บริษัทมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ซึ่งปีที่ผ่านมา สำหรับผงซักฟอกเปา ซิลเวอร์นาโน เจาะตลาดผู้บริโภคที่ต้องซักผ้าในเวลากลางคืน ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี”
อีกทั้งบริษัทยังวางแผนใช้สื่อออนไลน์ ภายใต้กลยุทธ์โซเชียล มาร์เก็ตติง เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการสื่อสาร ส่วนด้านช่องทางจัดจำหน่ายบริษัทขยายช่องทางขายตรงในเชิงรุก จากปัจจุบันเครือสหพัฒน์นำสินค้าจำหน่ายทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องเอส แชนเนล เนื่องจากมองว่าช่องทางขายตรงมีศักยภาพ จากการพบว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป หันมาซื้อสินค้าทางช่องทางขายตรงเพื่อลดเวลาในการเดินทาง ซึ่งคาดว่า 5 ปีจากนี้ สินค้าที่จำหน่ายในช่องทางขายตรงจะพัฒนาสู่ของใช้ส่วนบุคคลมากขึ้น
จากปัจจุบันเป็นสินค้าทั่วไป
สำหรับภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปีหน้านี้คาดว่า มีอัตราการเติบโตมากกว่า 5-6% จากปีนี้เติบโต 5-6% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่ดีท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย ด้านกำลังการซื้อของผู้บริโภคในปีหน้านี้คาดว่าจะฟื้นตัว ขณะที่ผลประกอบการปีหน้านี้ตั้งเป้าเติบโต 15% หรือทะลุ 10,000 ล้านบาท และสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 14% หรือมีรายได้ 9,400 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
|
|
|
|
|