โอลิเวีย เดอ มองแตล บอกกับ “ผู้จัดการ” ว่าเขามีส่วนเกี่ยวพันทางสายเลือดกับดาตาญังหนึ่งในอดีตสามทหารเสือที่เคยโด่งดังมากในประวัติศาสตร์จนกลายเป็นนิทานปรัมปรา
ตลอดจนได้มีการจัดทำภาพยนตร์มามาก
โอลิเวียเข้ามาเมืองไทยเมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน เขาไม่ได้พกดาบเข้ามาท้าดวลกับสำนักดาบพุทไธสวรรค์ของไทยหรอก
แต่เขาหอบเอาขวดทรงบานตรงปลายและคอค่อนข้างสูง ขวดนั้นชื่อว่า อาร์มายัค
โอลิเวียจะเข้ามาดวลเหล้ากับบรรดาเจ้าตลาดเก่าแก่ เช่น เฮนเนสซี่ เรมี่มาแตง
คูร์วาซิเอร์ และมาแตล
อาร์มายัค คือบรั่นดีที่ผลิตในแคว้นที่ชื่อาร์มายัคในมณฑลกาสโคนี่ทางแถบตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส
ส่วนคอนยัคก็ผลิตในดินแดนที่ชื่อคอนยัค
โอลิเวียเล่าว่า อาร์มายัคนั้นเป็นบรั่นดีที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส เริ่มผลิตตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1359 (พ.ศ.1902) หรือราวๆ สมัยหลังพ่อขุนรามคำแหงของเราสักนิด ส่วนคอนยัคนั้นผลิตหลังอาร์มายัคได้
200 ปี
ในตลาดโลกแล้วโอลิเวียเล่าว่ายอดขายอันดับแรกก็คงเป็นคูร์วาซิเอร์ตามมาด้วยมาร์แตล
และเฮนเนสซี่ สุดท้ายคือ เรมี่มาแตง
“แต่คุณคงไม่รู้หรอกว่าแม้กระทั่งเหล้าชื่อ แชนแนลของมาร์แตลยังต้องแอบซื้ออาร์มายัคของเราไปบรรจุ”
โอลิเวียเล่าเพิ่มเติม
โอลิเวียมั่นใจในอาร์มายัคของเขามาก เขาเล่าให้ฟังถึงการทำ blind test
โดยไม่มีการติดป้ายเหล้า ปรากฏว่าอาร์มายัคจะออกมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอเพราะมีรสชาติที่เข้มข้น
นุ่มนวล และกลมกล่อมด้วยกลิ่นที่หอมอบอวลกว่า
“คุณลองดื่มอาร์มายัคให้หมดแก้วแล้วดมก้นแก้วดูคุณจะได้กลิ่นลูกพรุน”
(ลูกพรัม) โอลิเวียสาธิตให้ดู
โอลิเวียปีนี้อายุ 44 (ปี 2527) เป็นพ่อม่าย มีลูกสาวที่น่ารักอายุ 8 ขวบคนหนึ่ง
“ผมชอบเล่นเทนนิสและเคยแข่งในวงจรมือสมัครเล่นที่วิมเบิลดั้นมาแล้ว”
หุ่นของโอลิเวียพอจะเป็นพระเอกหนังได้ถึงไม่ใช่ขนาดอเลน เดอลอง แต่ในส่วนสูง
6 ฟุต 2 นิ้ว และรูปร่างที่มองไม่เห็นไขมัน โอลิเวียจัดได้ว่าเป็นคนวัย 40
ที่รูปร่างและหน้าตาดี
Showmanship ของโอลิเวียเองก็ไม่เบาเพราะท่าทางที่เขาวิ่งขึ้นไปบนเวที
หลังจากที่สมศักดิ์ เตชะไพศาล กรรมการผู้จัดการซีแกรมแนะนำตัวเขาเหมือนกับดารานักร้อง
rock band ไม่มีผิด
วันนั้นเป็นวันที่ซีแกรมเลี้ยงลูกค้าซีแกรมเพื่อแนะนำอาร์มายัค และโอลิเวียก็เล่นบทบาทที่น่าดูมากที่มีทั้งตะโกนไชโยและเดินไปโค้งคารวะชนแก้วกับบรรดาเอเย่นต์ตามโต๊ะต่างๆ
“ผมเคยทำงานอยู่บริษัทโฆษณาที่ชื่อ Plublics ซึ่งเน้นทางด้านการตลาดมาก
และรวมไปถึงการส่งเสริมการขายทำให้ผมเข้าใจข้อผิดพลาดของอาร์มายัคได้ดี”
“อาร์มายัคเดิมทีไปตั้งราคาไว้ถูกกว่าบรั่นดียี่ห้ออื่นทั้งๆ คุณภาพดีกว่า
VSOP ของเหล้าบรั่นดีอื่นๆ จะมีอายุเหล้าประมาณ 4-6 ปี แต่ VSOP ของเราเริ่มที่
8-10-12 และ 20 ปี ผมตั้งราคาใหม่ให้แพงขึ้น เปลี่ยนรูปร่างหีบห่อขวดให้สวยแล้วผม
position ใหม่ให้เป็นเหล้าหลังอาหาร” โอลิเวียอธิบายถึงรายละเอียดการทำการตลาดให้กับ
“ผู้จัดการ” ที่ชักจะเป๋เพราะแก้วที่ 4 ของอาร์มายัคแล้ว
เหล้าอาร์มายัคของโอลิเวียไม่เคยบุกเข้าตลาดสหรัฐฯ จนกระทั่งปี 2524 โอลิเวียตัดสินใจไปหาตัวแทนจำหน่ายเหล้าต่างประเทศในนิวยอร์ก
“พอผมบอกว่าจะให้เขาขายอาร์มายัคเขาหัวเราะโยกไปมา ผมเลยตั้งบริษัทขึ้นมาเองที่ถนน
42 และหาตัวแทนเหล้าเล็กๆ เข้ามาจำหน่ายผมใช้เงินค่าโฆษณาและส่งเสริมเพียง
50,000 เหรียญ (1 ล้าน 3 แสนบาท) เท่านั้น ปรากฏว่าปีแรกผมขายได้ 10,000
หีบ ซึ่งก็นับว่าดีมากและยอดก็ขึ้นเรื่อยๆ จนปีนี้เป็น 28,000 หีบแล้ว”
โอลิเวียตัดสินใจพาอาร์มายัคบุกเอเชียเป็นเป้าต่อมา “ผมเริ่มที่ญี่ปุ่นกับเมืองไทยก่อนแล้วค่อยไปมาเลเซียปีหน้า”
โอลิเวียไม่ต้องการเร่งอาร์มายัคในเมืองไทย เขาตั้งเป้าไว้ปีแรกเพียง 1,500
หีบ เท่านั้น เขาพูดอย่างอหังการว่า “ผมอยากจะโตช้าๆ ที่นี่ค่อยๆ สร้างกลุ่มคนดื่มอาร์มายัคที่ซื่อสัตย์และขายในหมู่ผู้มีอันจะกินเท่านั้น
ส่วนที่เหลือก็ให้พวกบรั่นดียี่ห้ออื่นรับไป”
บริษัท ซีแกรมประเทศไทย เป็นผู้จัดจำหน่ายให้กับอาร์มายัค และเท็ดเบทส์นั้นเป็นผู้ทำโฆษณา
ด้วยคำขวัญที่ว่า “ในอดีตกาลชาวฝรั่งเศสแบ่งปันแต่คอนยัคแล้วเก็บอาร์มายัคไว้ดื่มเอง”
“ผู้จัดการ” ถามนิพนธ์ สัจจวุธ ผู้บริหารโฆษณาของเท็ดเบทส์ซึ่งก็เคยสร้างวีรกรรมมากับโฆษณาเปรียบเทียบของคอลเกตกับดาร์กี้จนถึงโรงถึงศาลว่าจะไม่มีปัญหากับบรั่นดียี่ห้ออื่นหรือ
นิพนธ์ตอบว่า “ผมคิดว่าเป็นหน้าที่ผมที่จะต้องบอกผู้บริโภคว่าอะไรดีกับผู้บริโภค
แล้วให้ผู้บริโภคตัดสินใจเองซึ่งถ้าผมละเลยไปก็เท่ากับผมเป็นผู้บริหารโฆษณาที่ไม่ดี”
แล้วงานนี้ก็วัดดวงกันเองก็แล้วกัน “ผู้จัดการ” จะทำหน้าที่รายงานให้ทราบ