|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
'ดีเซเว่น' เบนเข็มทิศมาร่วมชิงตลาดกาแฟพร้อมดื่มเซกเมนต์พรีเมียม วางหมากสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ขยับจากกาแฟพร้อมดื่มตลาดแมส ขยายฐานมาเจาะกลุ่มคนเมืองด้วย 2 แต้มต่อ กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ผ่านเซเลบริตี้ และบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบถ้วยพลาสติก และขวดแก้ว วางเป้าเพิ่มส่วนแบ่งจาก 25% เป็น 50% ภายใน 3 ปีขึ้นบัลลังก์ตลาดพรีเมียมแทน 'คอฟฟิโอ' ของโออิชิ
การเกิดขึ้นของตลาดกาแฟพร้อมดื่มเซกเมนต์พรีเมียมมูลค่า 400 ล้านบาท ที่เกาะกระแสมากับไลฟ์สไตล์การดื่มกาแฟคั่วบด ทำให้มีการเติบโตสูงถึง 25% และมีบรรดาผู้เล่นหลากหลายแบรนด์กระโจนเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กาแฟพร้อมดื่มเจาะตลาดแมสมูลค่า 9 พันล้านบาท กลับมีการเติบโตที่ลดลงตามกลุ่มหลัก Blue collar ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ
อีกทั้งปัจจัยในด้านลบที่หลังจาก 'ดีเซเว่น' วางตลาดกาแฟกระป๋องมา 2 ปี และเผชิญกับอุปสรรคด้านช่องทางขายจากการสกัดของเจ้าตลาด 'เบอร์ดี้' จากค่ายอายิโนะโมะโต๊ะ ที่ทำให้การกระจายสินค้าครอบคลุมพื้นที่เพียง 10% จากร้านค้าปลีกรายย่อย 2 แสนแห่งนั่นเอง เป็นสิ่งที่ทำให้ต้องสยายปีกมาชิงตลาดพรีเมียม
เกมรุกขยายตลาดสู่กาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียม นอกจากจะมีแนวโน้มการเติบโตที่เป็นโอกาสตลาดแล้ว การวางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ดีเซเว่น ด้วยเซเล็บเป็นผู้นำพาสินค้าและแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายถือว่าเป็นแนวรุกที่สำคัญยิ่ง
ล่าสุดการเปิดตัวซับแบรนด์ 'ดีเซเว่น เวิลด์ คอนเน็กชัน' เพื่อทำตลาดกาแฟคั่วบดพร้อมดื่มระดับพรีเมียม ชนิดขวดแก้ว 3 รสชาติ คือ มิลาโน เอสเปรสโซ่ บราซิเลียน มอคคา และซีแอตเติล ลาเต ราคาจำหน่าย 25 บาท ซึ่งเป็นการต่อยอดจากชนิดถ้วย สูตรชูการ์ฟรี ขนาด 180 มล. ลงสู่ตลาดไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา มีการนำกลยุทธ์เซเล็บมาใช้ในงบ 30 ล้านบาท เปิดตัว อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์' นักแสดงชื่อดังมาเป็นเซเล็บ เพื่อกระตุ้นให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนทำงานและชาวต่างชาติมากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เปิดแคมเปญ 'วัน ไนท์ โอนลี่ วิทธ์ อั้ม' ตั้งแต่วันนี้-28 ก.พ.53
ที่ผ่านมา ดีเซเว่น เคยประสบความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์เซเล็บ มาเป็นเครื่องมือเจาะตลาดกาแฟพร้อมดื่มในตลาดแมส ช่วง 2 ปีติดต่อกันนั้นสร้างการจดจำตราสินค้าโดยมี 'ป๋อ-ณัฐวุฒิ สะกิดใจ' มาเป็นเซเล็บ เข้าถึงฐานลูกค้าหลักตลาดต่างจังหวัดในภาคอีสานและภาคกลาง ด้วยสโลแกน 'กาแฟกระป๋อง ดีเซเว่น หอม เข้ม สะกิดใจ' ดังนั้นในตลาดระดับพรีเมียมที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนเมือง กลยุทธ์เซเล็บจึงเป็นเครื่องมือการตลาดที่ให้ความสำคัญเช่นกัน
แม้ว่า 'ดีเซเว่น' จะวางตำแหน่งแบรนด์ที่โฟกัสผลิตภัณฑ์กาแฟอย่างเต็มรูปแบบ ทว่าการเข้ามาในตลาดกาแฟที่มีจุดเริ่มต้นจากตลาดแมสราคา 12 บาท มีกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ระดับกลางจนถึงตลาดระดับล่างเช่นเดียวกับเครื่องดื่มชูกำลังนั้น นับว่าเป็นอุปสรรคสำหรับการไต่ระดับขึ้นไปสู่ตลาดพรีเมียมราคา 25 บาท นั่นเพราะปัจจัยด้านภาพลักษณ์คือ สิ่งสำคัญที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจเลือกซื้อ ซึ่งในจุดนี้เอง ดีเซเว่น จึงอุดจุดอ่อนด้วยการเปิดตัวซับแบรนด์ 'ดีเซเว่น เวิลด์ คอนเน็กชัน' และกลยุทธ์เซเล็บ ที่มาช่วยสร้างความแตกต่างจากกาแฟพร้อมดื่มเจาะตลาดแมส ที่มี 2 ผู้นำ ตลาด คือ เบอร์ดี้ และเนสกาแฟ ครองส่วนแบ่ง 60% และ 30% ตามลำดับ
การสร้างภาพลักษณ์กาแฟหรู ผ่านกลยุทธ์เซเล็บ ที่นำบุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นเครื่องมือเจาะตลาดกาแฟพร้อมดื่มในระดับพรีเมียม นับว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรุกเข้าไปในพื้นที่ใหม่ที่มี 'คอฟฟิโอ' ซึ่งมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งเป็นผู้ทำตลาดมาก่อน กอปรกับการทำตลาดกาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียมนั้นต้องอาศัยภาพลักษณ์แบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นจุดที่มีความแตกต่างจากตลาดแมส ทำให้ช่วงแรกก่อนจะปรับกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด 'คอฟฟิโอ' ที่เป็นซับแบรนด์ของโออิชิ ซึ่งมีความแข็งแกร่งในตลาดชาพร้อมดื่มนั้น ก็ให้ความสำคัญกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ โดยนำ บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ นักร้องวงกรู๊ฟไรเดอร์, ศรุดา นิ่มพิทักษ์พงษ์ ดีไซเนอร์ และวิชชพัชร์ โกจิ๋ว ผู้กำกับมาเป็นเซเล็บ ในหนังโฆษณาเช่นเดียวกัน
ไม่เพียงเดินเกมรุกตลาดระดับพรีเมียมด้วยกลยุทธ์เซเล็บเพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักของกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น ทว่าบรรจุภัณฑ์ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแตกต่างระหว่างกาแฟพรีเมียม และกาแฟเจาะตลาดแมส ถือว่ายังเป็นสิ่งที่เพิ่มโอกาส รวมถึงเป็นแต้มต่อ และทำให้ดีเซเว่น มีความแตกต่างจาก คอฟฟิโอ และผู้เล่นรายอื่นๆ ในตลาดกาแฟระดับพรีเมียมด้วยเช่นกัน
กลยุทธ์ทางด้านบรรจุภัณฑ์ที่มี 2 รูปแบบ ทั้งถ้วยและล่าสุด ขวดแก้ว 'ดีเซเว่น เวิลด์ คอนเน็กชัน'นั้นนับว่ามีความแตกต่างจากบรรดาแบรนด์ที่เข้ามาในตลาดกาแฟพรีเมียม ตั้งแต่ในยุคแรก 'เนสกาแฟ' เจ้าตลาดกาแฟ เริ่มเข้ามาบุกเบิกตลาดกาแฟพรีเมียมเป็นรายแรก เปิดตัว 'เนสกาแฟมิสตร้า' ออกมายึดหัวหาดตลาดกาแฟพรีเมียมในบรรจุภัณฑ์รูปแบบขวดเมื่อ 4 ปีก่อน ทว่าการทำตลาดไม่เข้าเป้า ซึ่งอาจจะเป็นเพราะจังหวะที่มาเร็วกว่าเทรนด์ผู้บริโภคนั่นเอง กระทั่งตามมาด้วยรูปแบบกระป๋อง คือ แบล็คแค็ท จนถึงปัจจุบันคือ ยูเอฟซี และในแบบกล่องยูเอชทีคือ อาฮ่าจากยูนิ-เพรสซิเดนท์, เบอร์ดี้ ที่ปั้นซับแบรนด์ริคโค่ ลงตลาดพรีเมียมด้วยบรรจุภัณฑ์กล่องเตตร้า เช่นเดียวกับคอฟฟิโอ ให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ 'คอฟฟิโอ' ตามเทรนด์ของพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบ ส่งผลทำให้กาแฟพรีเมียมบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ต มีสัดส่วน 70-80%
นับว่าจุดสำคัญของการทำตลาดกาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียม อยู่ที่การสร้างความแตกต่างให้ชัดเจน ทั้งมิติของตัวผลิตภัณฑ์ และการสร้างแบรนด์ รวมถึงความสำคัญของกลยุทธ์บรรจุภัณฑ์ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ให้แบรนด์ สะท้อนถึงความเป็นกาแฟพรีเมียมและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคคนเมือง ในเรื่องความสะดวกสบาย
พิชญ ส่งศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยแอทลาสโกลบอล ฟูด ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟสำเร็จรูป ดีเซเว่น (D7) กล่าวว่า การขยายตลาดลงสู่ตลาดกาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียม ของ ดีเซเว่น ภายใต้ซับแบรนด์ 'ดีเซเว่น เวิลด์ คอนเน็กชัน' ขวดแก้ว วางเป้าหมายภายใน 3 ปี สร้างส่วนแบ่งตลาดจาก 25% เป็น 50% เบียดคอฟฟิโอขึ้นผู้นำตลาดแทน โดยมีการวางเกมรุกตลาดอย่างเต็มรูปแบบเพื่อรองรับทิศทางกาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียม ที่คาดว่าในระยะ 3 ปี มูลค่าตลาดจะขยับจาก 400 ล้านบาทเพิ่มเป็น 500-600 ล้านบาท โดยมีการลงทุนซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายไลน์การผลิตกาแฟแบบขวดเพิ่มขึ้น ภายใต้งบประมาณ 100-200 ล้านบาท อีกทั้งเตรียมเปิดตัวกาแฟดีเซเว่น เวิลด์ คอนเน็กชัน อีก 2-3 รสชาติเข้ามาทำตลาดในไตรมาสแรกปี'53
|
|
|
|
|