|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สงครามแป้งพัฟฟ์เข้มข้นขึ้นทุกขณะ เมื่อคิวท์เพรสเซตกลยุทธ์ 6P สู้บนเซกเมนต์แป้งพัฟฟ์ผสมบีบี เพื่อรับมือมิสทินและทเวลฟ์พลัสคู่แข่งที่โดดเข้าสู่ตลาดรายล่าสุด โดยส่ง message 'สวยครบจบในตลับเดียว' ย้ำภาพผู้เชี่ยวชาญด้านแป้งผสมรองพื้น พร้อมจับกระแส K-POP สร้างแบรนด์อิมเมจผ่านหนังโฆษณา หวังมัดใจวัยทีน หลังสำรวจพบมีพฤติกรรมใช้แป้งพัฟฟ์เร็วขึ้น สำหรับเกมรบนี้ คิวท์เพรสมั่นใจว่าจะสามารถขยับตัวเลขจาก 55% เป็น 60% จากเซกเมนต์แป้งพัฟฟ์ผสมบีบีในสิ้นปีนี้
ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ความแปลกใหม่ในตลาดแป้งผสมรองพื้น หรือแป้งพัฟฟ์ในบ้านเรา จะอยู่ที่การนำนวัตกรรมความงามที่เรียกกันว่า BB (Blemish Blam) จากประเทศเกาหลีที่ชูคุณสมบัติเรื่องการช่วยปกปิดริ้วรอยและจุดด่างดำมาเป็นส่วนผสมตัวสำคัญ ซึ่งตอนแรกดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงเทรนด์ที่ได้รับความนิยมช่วงสั้นๆเหมือนแฟชั่นทั่วไป แต่จากตลาดรวมแป้งพัฟฟ์ 1,000 ล้านบาท พบว่า แป้งพัฟฟ์ที่มีส่วนผสมของบีบีเป็นเซกเมนต์ที่มีสัดส่วนถึง 30% ทั้งที่เริ่มมีการทำตลาดเพียง 1 ปี กอปรกับจำนวนผู้เล่นที่กระโจนเข้าสู่สมรภูมินี้อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่คิวท์เพรส, มิสทิน, ชีนเน่ และล่าสุดคือ ทเวลฟ์พลัส ทำให้มั่นใจได้ว่า โปรดักส์ตัวนี้จะเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
'บีบีเป็นนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเกาหลี โดยตอนแรกเข้ามาในรูปแบบครีมรองพื้นหรือที่เรียกว่าบีบีครีม ซึ่งเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมมากจนเข้ามาแทนที่ตัวฟาวเดชั่นทั่วไปในช่วงเวลาเพียง 3-4 ปี ดังนั้น บริษัทจึงเชื่อว่าแป้งพัฟฟ์ที่ผสมบีบีก็จะเข้ามาแทนที่แป้งพัฟฟ์ธรรมดาด้วย' วรพรรณี ชัยพรหมประสิทธิ์ ผู้จัดการแบรนด์คิวท์เพรส บริษัท เอสเอสยูพี กรุงเทพ 1991 จำกัด กล่าวกับ ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์
ดังนั้น คิวท์เพรสจึงเดินเกมบุกอย่างรวดเร็ว ด้วยการเปิดตัว 'อิเวอร์รี่ บีบี พาวเดอร์ เอสพีเอฟ 25 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยใช้งบการตลาดทั้งปีมากถึง 80 ล้านบาท ถือว่าสูงสุดเมื่อเทียบกับการทำตลาดแป้งพัฟฟ์สูตรอื่นที่อยู่ภายใต้ซับแบรนด์อิเวอร์รี่ ประกอบด้วย สูตรพลัส วิตามิน อี (สีเหลือง) ที่ทำยอดขาย 52% สูตรไวท์เทนนิ่ง (สีขาว) กับสูตรออยล์ คอนโทรล (สีเขียว) มียอดขายรวมกัน 8% ส่วนสูตรบีบี (สีชมพู) ทำยอดขายที่ 40%
แม้ว่าคิวท์เพรสจะไม่ใช่แบรนด์แรกที่สร้างกระแสของนวัตกรรมบีบีก็ตาม เพราะมิสทินถือเป็นผู้เล่นที่อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้จุดพลุให้กับนวัตกรรมตัวนี้ ด้วยการนำเข้าผลิตภัณฑ์บีบีครีมจากเกาหลีเข้ามาจำหน่าย ซึ่งทำให้วัยรุ่นในบ้านเรารู้จักและนิยมใช้กันแพร่หลายอย่างรวดเร็ว แต่หากโฟกัสมาที่ตลาดแป้งพัฟฟ์ แน่นอนว่าคิวท์เพรสได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นรายแรกที่เปิดเซกเมนต์ดังกล่าว ที่สำคัญยังเป็นการย้ำภาพผู้เชี่ยวชาญด้านแป้งพัฟฟ์ได้เป็นอย่างดีด้วย ซึ่งตรงกับผลสำรวจฐานลูกค้า ที่พบว่า แป้งพัฟฟ์เป็นสินค้าในใจตัวแรกเมื่อนึกถึงแบรนด์คิวท์เพรส
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ผู้เล่นรายนี้ต้องการ คือ การขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น จากเดิมที่ลูกค้าคิวท์เพรสจะเป็นสาวทำงานไปจนถึงกลุ่มผู้ใหญ่เป็นหลัก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน พบว่า วัยรุ่นเริ่มใช้แป้งพัฟฟ์ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับ 5-6 ปีก่อนที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเริ่มใช้แป้งพัฟฟ์ช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยเป็นไปตามกระแสที่รับมาจากเกาหลี ญี่ปุ่น ที่สำคัญแป้งพัฟฟ์ยังเป็นเครื่องสำอางตัวแรกที่จะเริ่มใช้สูงถึง 70% ปัจจัยดังกล่าวทำให้คิวท์เพรสมั่นใจว่าแป้งพัฟฟ์ผสมบีบีตัวนี้จะได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น
เช่นเดียวกับผู้เล่นรายอื่นๆ ที่ต่างก็จับจ้องตลาดวัยรุ่นและทยอยโดดเข้าสู่เซกเมนต์นี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมิสทิน ชีนเน่ และทเวลฟ์พลัส โดยเฉพาะผู้เล่นรายหลังสุดนี้ ดูเหมือนว่าจะเข้ามาเขย่าตลาด สร้างความหนักใจให้กับผู้นำอย่างคิวท์เพรสได้ในระดับหนึ่ง เพราะนอกจากทเวลฟ์พลัสจะเป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโอสถสภาแล้ว ต้องยอมรับว่าทเวลฟ์พลัสเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากในตลาดวัยรุ่น วัดจากสินค้าทั้ง 3 กลุ่มของทเวลฟ์พลัส คือ แป้งเย็น โคโลญจน์ และโรลออน ล้วนติดอันดับท็อป 3 ในแต่ละตลาด ขณะที่แบรนด์มิสทินแม้จะเป็นผู้เปิดตลาดบีบีครีมในไทยรายแรก แต่ในการทำตลาดแป้งพัฟฟ์มิสทีนกลับอยู่ในฐานะเบอร์ 2 มีส่วนแบ่งห่างจากคิวท์เพรสเป็นเท่าตัว ส่วนชีนเน่ แบรนด์ภายใต้การดูแลของค่ายไอ.ซี.ซี. ที่เข้าสู่ตลาดเป็นลำดับ 3 ก็ซุ่มทำตลาดอย่างเงียบๆ
การเข้ามาของทเวลฟ์พลัสในตลาดแป้งพัฟฟ์ แม้จะเป็นครั้งแรกที่แบรนด์นี้โดดเข้าสู่ตลาดคอสเมติก ทว่าการออกตัวในครั้งแรกก็เรียกความสนใจจากวัยรุ่นได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการตั้ง 'มิราเคิล' เป็นซับแบรนด์เพื่อให้แยกออกจากสินค้ากลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์อย่างชัดเจน ทั้งนี้ วิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการตลาด บริษัท โอสถสภา กล่าวเมื่อครั้งเปิดตัวทเวลฟ์พลัส มิราเคิล เฟเชียล พาวเดอร์ ว่า สินค้าภายใต้ซับแบรนด์มิราเคิลจะชูนวัตกรรมจากเกาหลีเป็นจุดขาย โดยเฉพาะตัวแพกเกจจิ้งที่ตั้งใจออกแบบมาให้เหมือนสินค้าแบรนด์เกาหลี 100% ด้วย ซึ่งค่ายนี้ยอมลงทุนเรื่องแพกเกจจิ้งสูงกว่าคู่แข่ง เนื่องจากตลับแป้งเป็นเหตุผลข้อแรกที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อแป้งพัฟฟ์ของวัยรุ่น
ด้วยแรงเหวี่ยงที่เกิดจากการเข้ามาของทเวลฟ์พลัส ทำให้คิวท์เพรสต้องวางเกมรับมืออย่างเต็มที่ ด้วยกลยุทธ์ 6P ประกอบด้วย 1.Product คุณภาพของสินค้าที่ถือเป็นจุดขายสำคัญ ซึ่งในช่วงหลังคิวท์เพรสจะเน้นย้ำภาพความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแป้งพัฟฟ์ ด้วยการส่ง message 'สวยครบจบในตลับเดียว' โดยไม่ต้องใช้ฟาวเดชั่น เบสครีม และครีมกันแดด ซึ่งจุดขายข้อนี้เชื่อว่าคิวท์เพรสต้องการยิงถล่มคู่แข่งอย่างทเวลฟ์พลัสที่มีภาพการเป็นสินค้าเพอร์ซันนัลแคร์ 2.Price ราคาที่เข้าถึงง่าย ซึ่งคิวท์เพรสกำหนดราคาถูกกว่าคู่แข่งกลุ่มเพรสทีจแมสราว 30-50% 3.Promotion ที่มีการจัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค เช่น การจัด Single Price 199 บาท จากปรกติราคา 249 บาท หรือการแถมกระเป๋ามูลค่า 300 บาทเมื่อซื้อแป้งอิเวอร์รี่บีบีฯ
4.PR การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่มีให้เห็นทั้งบีโลว์เดอะไลน์และอะโบฟเดอะไลน์ เพื่อสื่อถึงตัวสินค้าที่นำเข้าวัตถุดิบจากเกาหลี 100% ขณะที่ภาพลักษณ์ยังคง DNA ของแบรนด์คิวท์เพรส คือ การเป็นแบรนด์สำหรับผู้หญิงทุกคนที่รู้จักตามเทรนด์อย่างทันสมัย ซึ่งคือเหตุผลที่ทำให้คิวท์เพรสไม่เลือกใช้นางแบบหรือบุคคลมีชื่อเสียงเป็นพรีเซนเตอร์เหมือนมิสทินและทเวลฟ์พลัส5.People หมายถึง พนักงานขาย (BA) ที่ต้องมีความเชี่ยวชาญ ให้คำแนะนำลูกค้าได้ถูกต้อง ซึ่งเป็นจุดที่คิวท์เพรสพยายามสร้างให้เป็นเครื่องมือชนกับสาวมิสทินที่ปัจจุบันกลายเป็นเครือข่ายและจุดแข็งของคู่แข่งรายนี้ 6.Place ชอปที่มีให้บริการ 186 สาขาทั่วประเทศ อีกจุดแข็งข้อหนึ่งที่ช่วยพรีเซนต์แบรนด์อิมเมจได้เป็นอย่างดี
เมื่อเบอร์ 1 วางเกมรุกป้องกันที่เข้มขึ้น ทำให้พอมองเห็นเค้าลางออกว่า ตลาดแป้งพัฟฟ์ที่มีส่วนผสมบีบีคงเป็นศึกใหญ่ที่จะมีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะนอกจากคิวท์เพรสต้องการจะขยับส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 55% เป็น 60%จากตลาดแป้งพัฟฟ์ผสมบีบีมูลค่า 300 ล้านบาทในปีนี้แล้ว แน่นอนว่ามิสทินคงต้องทุ่มสรรพกำลังอย่างเต็มที่เช่นกัน เพื่อต้านแรงของทเวลฟ์พลัสที่ต้องการจะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ก่อนข้ามไปชิงชัยกับคิวท์เพรสต่อไป
อัพเดดล่าสุด 12/11/2009 2:05:13 PM โดย Chaotip Kleekhaew
หมายเหตุ เส้นแบ่งข่าว หมายถึง ข่าวถูกแบ่งเป็นหน้า ๆ
keyword :
Close
|
|
|
|
|