Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 ตุลาคม 2546
"มูดี้ส์" ใกล้ขึ้นเรตไทยคาดปีนี้ได้เฮ             
 


   
search resources

มูดี้ส์ อินเวส-เตอร์ เซอร์วิส
ฟิทช์ เรตติ้งส์
ทักษิณ ชินวัตร
นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
สุชาติ เชาว์วิศิษฐ
พรรณี สถาวโรดม




"มูดี้ส์" ประกาศทบทวนเรตติ้งของไทยโดยมีความเป็นไปได้ที่จะอัปเกรดให้ ด้านคลังมั่นใจยักษ์ใหญ่จัดอันดับความน่าเชื่อถือรายนี้ต้องปรับเรตติ้งไทยไม่เกินสิ้นปีนี้ คาดนำร่องขึ้นอันดับตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่โบรกเกอร์ก็เตรียมปรับประมาณการราคาเป้าหมายกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย หากมูดี้ส์มีการอัปเกรดเครดิตแบงก์และประเทศเพิ่ม

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส หนึ่งในสถาบันชั้นนำของโลกด้านการจัดเครดิตเรตติ้ง ออกมาประกาศวานนี้ (2) ว่า นำไทยขึ้นบัญชีทบทวนโดยมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นอันดับความน่าเชื่อถือให้ เนื่องจากเห็นแนวโน้มเด็ดๆ ในเศรษฐกิจของไทย ไม่ว่าจะการส่งออกที่แข็งแกร่ง หรือ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงวี่แววความสามารถที่จะชำระคืนหนี้ต่างประเทศที่ดีขึ้นอย่างมากมาย

อย่างไรก็ตาม มูดี้ส์ไม่สู้จะวางใจนักกับประเด็นฐานะการคลังของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีแววมือเติบสร้างภาระหนี้สินภาครัฐให้บวมบึ้มขึ้นอย่างรวดเร็วนับจากที่รัฐบาลชุดนี้ขึ้นครองอำนาจในปี พ.ศ. 2544

"รูปการณ์ด้านหนี้ต่างประเทศของไทยกระเตื้องขึ้นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในหลายๆ ปีนับจากเหตุวิกฤตการเงินปี 2540 ... ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว ความเปราะบางต่อแรงกระแทกจากภายนอกประเทศจึงลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด" มูดี้ส์ว่าไว้อย่างนั้นในตอนหนึ่งของคำแถลงที่ปรากฏออกมาวันวาน (2)

การนำตัวเลขข้อมูลของไทยไปทบทวนเพื่อปรับเพิ่มเรตติ้งดังกล่าวนั้น เป็นไปเพราะ "เห็นเค้าลางความเข้มแข็งของฐานะการชำระหนี้ต่างประเทศของไทย เห็นผลงานการรักษาระดับการ ส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้นมากและเห็นโอกาสที่ไทยจะสืบเนื่องการเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไปได้" มูดี้ส์ระบุไว้

ขณะที่คำแถลงของมูดี้ส์ได้มองแนวโน้มแห่งเศรษฐกิจไทยในทางบวก อย่างไรก็ตาม สำหรับด้าน ฐานะการคลังของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว มูดี้ส์สะท้อนความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยไว้ แต่ก็มองผลงานการบริหารงบประมาณว่ากระเตื้องขึ้นและโปร่งใสดีขึ้น

ด้วยเหตุนี้ มูดี้ส์จึงชี้ว่าต้องรอเวลาอีกสักระยะ เพื่อให้รัฐบาลทักษิณลดสัดส่วนหนี้ลงสู่ระดับที่แลว่าแข็งแรงกว่าปัจจุบัน

"การทบทวนซึ่งอาจนำไปสู่การปรับขึ้นเรตติ้งให้ไทยครั้งนี้ จะเน้นที่ความสามารถของรัฐบาลที่จะธำรงไว้ซึ่งโครงสร้างนโยบายเศรษฐกิจมหภาคอันเข้มแข็ง พร้อมกับปรับปรุงความสามารถของไทยที่จะแข่งขันกับต่างประเทศ" คำแถลงของมูดี้ส์บอก

นโยบายอันรอบคอบเป็นเรื่องจำเป็นถ้าไทยอยากป้องกันปัญหาความอสมดุล ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อพัฒนาการดีๆ ที่ไทยได้รับมานับจากหลังวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปี 2540-2541 มูดี้ส์แสดงความเห็นอย่างนั้น

เมื่อเดือนที่แล้ว ฟิทช์ เรตติ้งส์ สถาบันการจัดอันดับค่ายลอนดอน ลงมือยกเกรดความน่าเชื่อถือให้ไทยในระดับประเทศไปแล้ว แถมยังสรรเสริญว่าไทยเป็น "โมเดลแห่งการปรับตัวรับการปัจจัยภายนอกประเทศ" หลังวิกฤตการเงินเอเชียปี 2540-2541

ขุนคลังคาดได้อัปเกรดในปีนี้แน่

ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รมว.คลัง เปิดเผยวานนี้ ถึงมูดี้ส์จะพิจารณาปรับอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งในและต่างประเทศของไทย ว่าเขาได้รับจดหมายจากมูดี้ส์ ที่ส่งให้วานนี้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี ที่มูดี้ส์อยู่ระหว่างพิจารณาปรับอันดับให้กับประเทศไทย จากปัจจุบัน อันดับความน่าเชื่อถือของไทย BBB- โดยที่ก่อนหน้านี้ ฟิทช์ เรตติ้งส์ และสถาบันจัดอันดับจากญี่ปุ่น ก็ได้เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือให้แก่ไทยไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แม้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือจะยังเป็นห่วงปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สถาบันการเงินในประเทศ แต่กระทรวงการคลังยืนยัน และชี้แจงให้สถาบันเหล่านี้ รับทราบมาตลอดว่า ขณะนี้ปัญหาดังกล่าว รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างแก้ไขต่อเนื่อง ล่าสุดการแก้ปัญหาหนี้ซึ่งโอนให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ก็แก้ไขปัญหาลุล่วงแล้วถึง 75% อีก 25% คาดว่าจะปรับโครงสร้างหนี้ได้หมดภายในสิ้นปีนี้

"ในส่วนของสถาบันการเงินหลายแห่ง ก็เอาหนี้เน่าออกไปบริหารกันเองมากแล้ว ส่วนที่ยังมีเหลืออยู่ ล่าสุดทางแบงก์ชาติกำลังดำเนินการแก้ไข ซึ่งเชื่อว่าจะเสร็จสิ้นภายในเร็วๆ นี้" ร.อ.สุชาติกล่าว

ความเป็นห่วงอีกเรื่องของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ คือการที่รัฐบาลนำเงินอัดฉีดสถาบันการเงิน เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจรากหญ้า โดยการใช้เงินธนาคารพาณิชย์รัฐ หรือเงินนอกเหนือจากงบประมาณกระตุ้น เรื่องนี้เขาก็ชี้แจงให้ทราบหลายครั้งแล้วว่า ต่างประเทศเป็นห่วงมากเกินไป ซึ่งเขายืนยันอีกครั้งว่า รัฐบาลใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าที่ผ่านมาไม่มากนัก เมื่อเทียบกับรายรับรัฐบาล

"ความจริง เรื่องนี้ต่างชาติกังวลกันมาก แต่เราก็ได้มีการชี้แจงจนความกังวลเหล่านี้ลดลงไปแล้ว แต่หากยังมีความเป็นห่วงกันอยู่ ก็จะชี้แจงให้ทราบว่า เงินจำนวนนี้น้อยมาก เช่น ในส่วนของโครงการธนาคารประชาชน รัฐได้ใช้ไปเพียง 10,000 ล้านบาทเท่านั้น เป็นภาระไม่มากนัก เมื่อเทียบกับรายได้ที่ได้รับเข้ามา ซึ่งการปล่อยกู้ในส่วนนี้นายกฯ ได้ยืนยันแล้วว่า มีอัตราการจ่ายจริงสูงมากถึง 97% โดยมีเอ็นพีแอลเพียง 2-3% ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าการปล่อยให้ภาคธุรกิจเสียอีก"

ทางด้านนางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ กล่าวว่า ในส่วนของมูดี้ส์ กระทรวงการคลังได้รับรายงานเรื่องการพิจารณาจะปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ 1 เดือนที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งคาดว่ามูดี้ส์จะปรับเพิ่มเรตติ้งไทยภายใน 1-3 เดือน หรือไม่เกินสิ้นปีนี้

สำหรับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ คาดว่าจะเน้นหนักตราสารหนี้ระยะสั้นภายในประเทศและต่างประเทศ ควบคู่กัน เพราะถือเป็นการประเมินสถานะความมั่นคงของรัฐบาล ส่วนกรณีมูดี้ส์ทบทวนความน่าเชื่อถือสถาบันการเงินด้วยหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่มูดี้ส์ต้องดำเนินการอยู่แล้ว เพราะการปรับความน่าเชื่อถือของมูดี้ส์ต่อประเทศไทย ต้องรวมภาคการเงินด้วย

เตรียมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นกลุ่มแบงก์

นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) กล่าวว่า หากสถาบันจัดอันดับเครดิตยักษ์ใหญ่ อัปเกรดเรตติ้งหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่ และเรตติ้งประเทศเพิ่มขึ้น จะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยเสริมทางบวก เชื่อว่าน่าจะปรับระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งหุ้นกลุ่มธนาคาร น่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น

"การที่มูดี้ส์เริ่มปรับอันดับเครดิตจะมีผลต่อสถาบันการจัดอันดับเครดิตอื่นๆ โดยมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มตามด้วยมุมมองของนักลงทุนต่างชาติต่อตลาดหุ้นไทยตอนนี้อยู่ในเชิงบวก" นายนิเวศน์กล่าว ส่วนการประชุมเอเปกกลาง ต.ค.นี้ หากการประชุมผ่านไปด้วยดี เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ประเทศ ว่าสามารถควบคุมการก่อการร้ายได้ดี ทำให้ต่างประเทศเชื่อมั่นไทยมากขึ้นด้วย

ทางด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ยูไนเต็ด กล่าวว่าการที่มูดี้ส์มีแนวทางจะปรับเครดิตธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทย จะมีผลให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นได้ และทำให้นักวิเคราะห์ต้องปรับประมาณการราคาเป้าหมายกลุ่มแบงก์ใหม่อีกครั้ง แต่ทั้งนี้คงต้องพิจารณากันเมื่อมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

"หากพิจารณาที่ปัจจัยพื้นฐานของแบงก์ขนาดใหญ่แล้ว ไม่ได้มีการเปลี่ยงแปลง และภาพรวมของกลุ่มแบงก์ในระยะยาวมีทิศทางที่ดีขึ้น การปรับเครดิตในครั้งนี้แสดงให้เห็นสัญญาณเชิงบวกว่า แบงก์ไทยมีศักยภาพในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้นจากเดิม" นักวิเคราะห์กล่าว

สำหรับหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่มีราคาเป้าหมายกับราคาหุ้นในปัจจุบันขณะนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกันในบางแห่ง ซึ่งคงจะต้องพิจาณาอีกครั้งควรจะปรับราคาเป้าหมายเพิ่มหรือไม่ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ราคาเป้าหมายในปีนี้อยู่ที่ 11 บาทต่อหุ้น และราคาเป้าหมายในปี 2547 มีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยเข้ามามีผลกระทบกับหุ้นคือเรื่องของการเพิ่มทุนจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง

หุ้นธนาคารกสิกรไทย ราคาเป้าหมายปีนี้ 45 บาท มีโอกาสจะปรับเพิ่มขึ้นอีก หากผลประกอบการในงวดไตรมาส3/46 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนหุ้นของธนาคารไทยพาณิชย์ ราคาหุ้นที่เหมาะสมปีนี้อยู่ที่ 43 บาท หุ้นของธนาคารกรุงเทพ ราคาเป้าหมายปีนี้อยู่ที่ 79 บาท มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีกหากพื้นฐานเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของธนาคารพาณิชย์ในปี 2547 น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน เพราะจะมีการไถ่ถอน Slip/Cap และผลการดำเนินงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us