|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตอนที่สองสามีภรรยา Tom Twopeny และ So Laidlaw ตัดสินใจซื้อบ้านสองชั้นหลังนี้ซึ่งตั้งอยู่ บริเวณชานเมืองชั้นในของ Adelaide ประเทศออสเตรเลียนั้นจะพูดว่าเป็นความเขลาก็ไม่ผิดนัก แต่อีกสองปีถัดมากลับได้ข้อสรุปใหม่ว่าตัดสินใจถูกแล้วสำหรับการซื้อครั้งนั้น เพราะทำให้พวกเขามีเรื่องต้องคิดต้องสร้างสรรค์และบูรณะบ้านหลังนี้ใหม่จนกลายเป็นบ้านที่โชว์การตกแต่งภายในได้โดนใจทั้งๆ ที่เป็นสไตล์แหวกแนวไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของสังคมด้วยซ้ำ
Tom ให้ความเห็นด้วยสายตาของมัณฑนากรและนักออกแบบอุตสาหกรรมโดยอาชีพว่า "สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเราก็คือสัดส่วนของห้องต่างๆ คือไม่จำเป็นต้องบูรณะครั้งใหญ่ เพียงแต่เน้นงานตกแต่งมากขึ้นเท่านั้นเอง ที่สำคัญ เรายังมีเครื่องเรือนดั้งเดิมที่ได้มาพร้อมกับการซื้อบ้านอยู่แล้วมากชิ้นด้วยกัน"
แถมเมื่อบ้านข้างๆ ติดป้ายขายบ้าน พวกเขายังรีบซื้อ เอาไว้ทันทีเพื่อรองรับครอบครัวใหญ่ที่มีอยู่ด้วยกัน 5 ชีวิตคือ พวกเขา สองสามีภรรยาและลูกชายวัยหนุ่มฉกรรจ์อีก 3 คน จากนั้นก็ทำประตูเชื่อมบ้านสองหลังไว้ด้วยกัน
บ้านหลังนี้งามสง่าอย่างน่าพิศวงและโดดเด่นเป็นพิเศษบนถนนสายนี้ เพราะด้านหน้าเป็นสไตล์ stucco เก่าแก่ ส่วนประตู เป็นแบบฝรั่งเศสที่มีเสน่ห์แบบโบราณ ระเบียงไม้ชั้นบนนั้นตกแต่งด้วยลวดลายสวยงาม มีเพียงหน้าต่างทั่วทั้งบ้านเท่านั้นที่เริ่มไม่มั่นคงตามอายุขัยโดยเฉพาะยามต้องแรงลมจน Tom กับ So ต้อง ตั้งฉายาล้อเลียนว่าเป็น "คฤหาสน์ที่กำลังจะพังทลาย" ทำให้ Tom ต้องซ่อมหน้าต่างทั้งหมดเสียใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อแรกสร้างในปี 1850 บ้านหลังนี้มีสภาพเป็นบ้านชั้นเดียวเท่านั้น ต่อมาในปลายทศวรรษ 1800 จึงมีการเสริมสไตล์อิตาเลียน รวมทั้งเพิ่มเนื้อที่บ้านด้านหลังและต่อเติมให้เป็นบ้านสองชั้นด้วย พอถึงทศวรรษ 1930 ถูกแปลงสภาพให้กลายเป็นเกสต์เฮาส์ จากนั้นได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในทศวรรษ 1980 จนกลับมาเป็นบ้านพักอาศัยอีกครั้งหนึ่ง
ผลที่ออกมาจึงเป็นส่วนผสมของสไตล์อันหลากหลายและเป็นแหล่งรวมของห้องขนาดเล็กใหญ่อย่างแท้จริงดังที่ Tom อธิบายว่า
"การที่คุณเดินจากห้องที่ใหญ่กว้างขวางไปยังห้องเล็กๆ แล้วโผล่ออกไปยังห้องกว้างๆ อีกถือเป็นประสบการณ์ตื่นเต้นเร้าใจไม่เบา เพราะมันให้ความรู้สึกของการค้นพบดีๆ นี่เอง"
ตัวบ้านชั้นล่างแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นห้องทำงานทั้งของ Tom และ So มีห้องรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยผลงานศิลปะเอาไว้เสพสุขทางสายตา ห้องครัวนั้นแยกอยู่ต่างหากโดยมีประตูแบบฝรั่งเศสสำหรับเปิดออกสู่บริเวณกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำและส่วนต่อเติมพื้นที่กว้างขวาง
สำหรับชั้นบนออกแบบให้มี 3 ห้องนอนและ 2 ห้องน้ำ ซึ่ง Tom เพิ่มเติมว่า
"บ้านของเราหลังใหญ่ก็จริง แต่ไม่ถึงกับใหญ่เกินไป เราใช้ประโยชน์จากห้องทุกห้องและอยู่อย่างสุขสบายเพราะทุกคนต่างก็มีที่ทางของตัวเอง ที่สำคัญเวลาแต่งบ้านเราไม่เคยรู้สึกอึดอัดเพราะข้อจำกัดของพื้นที่เลย เรามีที่ทางเหลือเฟือสำหรับโชว์งานประติมากรรมขนาดใหญ่สุด แถมผนังก็ใหญ่พอสำหรับแขวนผลงานศิลปะขนาดใหญ่กว่าปกติด้วย"
ดูเหมือนการมีห้องหลากหลายขนาดจะสมบูรณ์แบบสำหรับคู่สามีภรรยาจริงๆ เพราะสามารถรองรับคอลเลกชันของเก็บสะสมมากมายได้อย่างเหมาะเจาะ Tom เน้นว่าเฟอร์นิเจอร์ของครอบครัวเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งสำหรับแปลนตกแต่งบ้าน พวกเขามีเฟอร์นิเจอร์ยุค Victoria Regency และ Georgia ที่เป็นมรดกตกทอดสำหรับนำมาประดับตกแต่งทั่วทั้งบ้าน บางชิ้นก็นำมาโชว์หรือใช้งานในสภาพเดิมทุกอย่างไม่มีการดัดแปลงอะไรเลย เช่น เก้าอี้ที่โต๊ะอาหารซึ่งมีที่นั่งบุด้วยผ้าลายดอกนั้นเป็นงานฝีมือของคุณยายของ So พวกเขาจึงคงไว้อย่างนั้น ส่วนเก้าอี้อื่นๆ ซึ่งเป็นของเก่าที่ตกทอดมาจะได้รับการซ่อมใหม่ด้วยการบุด้วยผ้าลินินสีม่วงและผ้ากำมะหยี่สีเขียวเป็นหลัก
เมื่อซื้อบ้านหลังนี้มา พวกเขายังได้โต๊ะ "Tulip" ผลงานออกแบบของสถาปนิกอเมริกันชื่อดัง Eero Saarinen และเก้าอี้ทำด้วยไม้สำหรับทำเครื่องเรือนโดยเฉพาะแถมพกมาด้วย (ดูภาพ ประกอบ) ส่วนโซฟาของ Jardan บริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำของออสเตรเลียนั้นเล่าก็วางเคียงคู่กับโต๊ะกาแฟผลงานออกแบบของ Khai Liew นักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ผู้ถือกำเนิดในมาเลเซียแต่ไปสร้างชื่อโด่งดังจนกระฉ่อนไปทั่วโลกที่ออสเตรเลีย
บ้านนี้ยังเป็นที่โชว์ผลงานออกแบบโคมไฟหรือหลอดไฟอันหลากหลายด้วย นั่นเพราะเป็นของสะสมที่ Tom โปรดปรานเป็นพิเศษ มีทั้งโคมไฟมาตรฐานและไฟแขวนฝีมือออกแบบโดย Verner Panton, Marc Pascal, Flos, Frank Bauer และ Artemide
องค์ประกอบโดนใจเป็นพิเศษอีกอย่างหนึ่งของบ้านหลังนี้คือผ้า ซึ่งเจ้าของสามารถผสมผสานการใช้ประโยชน์ของผ้าลินิน กำมะหยี่ และงานเย็บปักถักร้อยกับเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างน่าทึ่ง Tom ให้เหตุผลว่า
"ผมสนใจผ้ามากกว่าหนัง เมื่อนำผ้ามาใช้ในงานตกแต่งตามห้องต่างๆ จะทำให้เกิดทั้ง texture และความน่าสนใจ ที่สำคัญผ้าที่นำมาตกแต่งจะช่วยเสริมความสวยงามให้กับห้องโดยไม่ข่มกันด้วย"
ในท้ายที่สุด Tom สรุปบ้านของครอบครัวในความคิดของเขาว่า
"บ้านต้องอยู่สบาย เราชอบนั่งมุมโน้นมุมนี้แล้วอ่านหนังสือ พิมพ์หรือไม่ก็หนังสือเล่มโปรด ดังนั้น ความสวยงามในความหมาย ของเราจึงมีความสบายเป็นองค์ประกอบส่วนที่สำคัญมาก กล้าพูด ได้เลยว่าห้องของเราทำให้คุณอยากเข้าไปสัมผัสจริงๆ"
|
|
|
|
|