Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา ธันวาคม 2552
เสน่ห์ “นครปฐม”             
โดย ธนิต วิจิตรพันธุ์
 


   
search resources

Tourism
Restaurant
Anya’s Place




รุ่นปู่ย่าตายายหิ้วเชี่ยนหมากติดตัวให้ลูกหลานหิ้วปิ่นโตเถาใหญ่บรรจุอาหารคาวหวานเดินตามไปวัดเพื่อทำบุญ ฟังเทศน์ สนทนาธรรม ทำจิตใจให้สงบ บิดามารดาเมื่อถึงวันหยุดจะนิยมพาลูกเข้าวัดไปเปิดหูเปิดตาดูความสวยงามของศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตชุมชน หรือเดินทางไปตากอากาศตามต่างจังหวัดอยู่เสมอ

จำได้ว่าเมื่อโรงเรียนปิดภาคเรียนใหญ่ซึ่งเป็นหน้าร้อนพอดิบพอดี จะไปตากอากาศกันทั้งครอบครัว สถานที่ตากอากาศ ที่ได้ไปอยู่เสมอคือบางปู โดยเฉพาะสถานที่ตากอากาศของปริศนา คือหัวหิน

ตลอดระยะเวลาการเดินทางเมื่อออกจากกรุงเทพฯ จะต้อง พาแวะนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ที่จังหวัดนครปฐมทุกครั้งไป

จังหวัดนี้เป็นจังหวัดเล็กๆ ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 56 กิโลเมตรเท่านั้น

ว่ากันว่า เมืองนครปฐมเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของไทยตั้งอยู่ริมทะเล มีความเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยทวาราวดี เป็นราชธานีที่สำคัญ

เชื่อกันว่า พระพุทธศาสนาและอารยธรรมต่างๆ จากอินเดีย เผยแพร่มาเมืองนี้เป็นแห่งแรก เป็นศูนย์กลางความเจริญ ชนชาติ ต่างๆ พากันอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน

เมื่อกระแสน้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทาง ทำให้เกิดความแห้งแล้ง ผู้คนจึงพากันไปตั้งหลักแหล่งอยู่ริมแม่น้ำ และสร้างเมืองใหม่ "นครชัยศรี" ทำให้นครปฐมกลายเป็นเมืองร้าง มาหลายร้อยปี

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ขณะยัง ทรงผนวช เสด็จธุดงค์ไปพบพระปฐมเจดีย์ซึ่งเป็นเจดีย์องค์ใหญ่มาก

เมื่อพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ จึงโปรดฯ ให้ก่อเจดีย์แบบลังกาครอบเจดีย์องค์เดิมไว้ และทรงปฏิสังขรณ์สิ่งต่างๆ รอบๆองค์พระปฐมเจดีย์ให้อยู่ในสภาพดีและยังโปรดฯ ให้ขุดคลอง "เจดีย์บูชา" เพื่อให้การคมนาคมสะดวกยิ่งขึ้น

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เริ่มทำทางรถไฟสายใต้

เมืองพระปฐมเจดีย์ในขณะนั้นยังเป็นป่ารกอยู่ จึงโปรดฯให้ย้ายเมืองจากตำบลท่านา นครชัยศรี มาตั้งอยู่ที่บริเวณพระปฐมเจดีย์เหมือนในอดีต

คลองเจดีย์บูชา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดฯ ให้ขุดขึ้นมีความยาวกว่า 12 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงจากฝั่งซ้ายแม่น้ำท่าจีน ตรงบริเวณตลาดต้นสน อำเภอนครชัยศรี ใกล้กับสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำท่าจีน ตัดตรงมุ่งสู่ตัวเมืองนครปฐม ผ่านด้านหน้าวิหารพระร่วงโรจนฤทธิ์ ทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์ไปออกทัพหลวงมุ่งสู่แม่น้ำแม่กลองที่อำเภอโพธาราม จังหวัด ราชบุรี และอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี

พื้นที่จังหวัดนครปฐมไม่มีภูเขา แต่เป็นที่ราบลุ่ม มีที่ดอน เฉพาะทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอเมืองกับอำเภอกำแพง แสนเท่านั้น ส่วนที่เป็นที่ราบลุ่มบริเวณแม่น้ำนครชัยศรี ได้แก่ ท้องที่อำเภอนครชัยศรี สามพราน และบางเลนมีความอุดมสมบูรณ์ เกษตรกรรมจึงเป็นอาชีพส่วนใหญ่ของคนที่นี่

การทำสวน ทำไร่ โดยเฉพาะสวนส้มโอ จนทำให้เมืองนครปฐมได้รับฉายานามว่าเมืองส้มโอหวาน

ส้มโอเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในมหัศจรรย์ผลไม้ไทย

ประเทศไทยมีการปลูกส้มโอหลากหลายพันธุ์ บางพันธุ์มีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่มีการปลูกต่างถิ่นต่างท้องที่ จึงมีชื่อเรียกที่แตกต่าง กันออกไป

พันธุ์ที่ปลูกกันแพร่หลายและเป็นที่นิยมของตลาดมีอยู่หลายพันธุ์ เช่น ขาวทองดี ขาวพวง ขาวแป้น

แต่ที่นิยมปลูกโดยเฉพาะที่นครชัยศรี สามพราน และพุทธมณฑลนั้น นอกจาก 3 พันธุ์ที่กล่าวมา ยังมีขาวน้ำผึ้ง และขาวหอมอีกด้วย

ส้มโอของจังหวัดนครปฐมเป็นผลไม้ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาออกสิทธิบัตร "ผลไม้บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์"

ส้มโอพันธุ์ขาวทองดี รูปทรงกลมแป้นไม่มีจุก เปลือกผิว บางมีต่อมน้ำมันเล็ก เนื้อสีขาวอมชมพูฉ่ำ รสชาติหวานอมเปรี้ยว ชาวจีนจึงนิยมเพราะสีคล้ายสีทับทิม ใช้ไหว้เจ้าเป็นมงคล แหล่งปลูกอยู่ที่นครปฐม อาจจะพบที่ราชบุรีและสมุทรสาครอีกด้วย

พันธุ์ขาวพวง ลักษณะลูกหัวจุกยาว เปลือกหนา เนื้อออกขาวอมเขียว รสหวานอมเปรี้ยวนำ แหล่งปลูกนครปฐม ราชบุรี สมุทรสาครและปราจีนบุรี

พันธุ์ขาวแป้น ลักษณะผลกลมแป้น ฐานผลแบนเว้าเล็กน้อย เปลือกหนาติดแน่นกับเนื้อผล แกะยาก เปลือกขาวเหนียว เนื้อเหลืองอมขาว มีน้ำมาก รสหวานอมเปรี้ยว จังหวัดนนทบุรีเป็นแหล่งปลูกที่สำคัญ

พันธุ์ขาวน้ำผึ้ง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน กรอบ เนื้ออมเหลือง คล้ายน้ำผึ้ง ผลกลมมีจุก แต่เห็นไม่ชัดเจน เปลือกหนาขาว แหล่ง ปลูกส้มโอพันธุ์นี้ที่สามพราน นครชัยศรี บ้านแพ้ว กระทุ่มแบน ดำเนินสะดวก

ขาวใหญ่ กลมผิวเรียบ เปลือกหนา เนื้อในสีชมพูเรื่อ เนื้อสีขาวอมเหลืองจนน้ำตาลอ่อน หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมปลูกที่นครปฐมและสมุทรสงคราม

ขาวหอม ทรงกลม ผลเรียบ เปลือกหนาขาว เนื้อสีขาวอมเหลือง แกะจากผนังกลีบได้ง่าย รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยจะพบได้ที่สามพราน ดำเนินสะดวก บ้านแพ้ว

ขาวแตงกวา ผลกลมแป้นไม่มีจุก ผลป้านเว้าเล็กน้อย เปลือกขาว เนื้อสีขาวอมเหลือง ไม่แฉะ แกะง่าย รสจะออกหวาน อมเปรี้ยวเล็กน้อย พันธุ์ดังของชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์

ส้มโอพันธุ์ท่าข่อย ผลกลมสูงไม่มีจุกเด่นชัด เปลือกสีชมพู เนื้อมีขนาดใหญ่ ฉ่ำน้ำ สีชมพูเรื่อๆ รสหวานอมเปรี้ยว เมล็ดน้อย และลีบ นิยมปลูกที่พิจิตร พิษณุโลก ภาคเหนือตอนล่าง

ส้มโอเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก เนื่องจากมีเปลือกหนา เก็บได้นาน รสดีชุ่มคอ ชื่นใจ และให้ผลตลอดปี เนื้อ เปลือกเมล็ดใช้เป็นยา เปลือกมีน้ำมันหอมระเหย และยังนำเปลือกมาเชื่อมทานเป็นของหวานได้อีกต่างหาก

นอกจากผลไม้ที่สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัด ไม่ว่าจะเป็นมะพร้าว มะม่วง ชมพู่ องุ่น โดยเฉพาะส้มโอแล้ว ของฝากที่ยังเป็นที่กล่าวขวัญและซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝาก ที่ผู้รับชื่นชอบติดใจในรสชาติหวานมันอร่อย "ข้าวหลาม"

ข้าวหลามของจังหวัดนครปฐมกำเนิดแห่งแรกที่ชุมชนวัดพระงาม บรรพบุรุษในชุมชนอพยพมาจากถิ่นอื่น ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ย้ายถิ่นจากบริเวณลำลูกบัว ทุ่งสมอ และอุหล่ม อำเภอบางเลน คือ ชาวลาวโซ่ง ไทยทรงดำ โดยตั้งหลักปักฐานบริเวณทางรถไฟ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนำพระเจ้าโบดวงแห่งสวีเดน เสด็จทอดพระเนตรการทำข้าวหลามของแม่ทรัพย์ ซึ่งมีฝีมือในการทำข้าวหลามอร่อยมาก เมื่อปี 2503 ทำให้กลายเป็นยุคทองของข้าวหลามนครปฐมตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ขั้นตอนในการทำข้าวหลามของจังหวัดนครปฐมยุ่งยากพอสมควร ตั้งแต่การเริ่มเตรียมวัตถุดิบ การบรรจุ การเผา

การเลือกวัตถุดิบ ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกไม้ไผ่ ซึ่งจะใช้ไม้ไผ่ป่าที่ดี ไม้ต้องได้กำหนดเวลาตัด มีเยื่อหนา ความร้อนที่พอดี ขณะเผา และระยะเวลาที่เผา จะทำให้เยื่อแยกออกจากกระบอกไม้ไผ่ เมื่อเย็นลงจะหดตัวพันข้าวเหนียว ทำให้สามารถแกะเนื้อข้าวหลามจากกระบอกโดยไม่ต้องผ่า

ไม้ไผ่ป่าที่นำมาทำกระบอกนั้นได้มาจากกาญจนบุรี มีคุณภาพดีที่สุด รองลงมาเป็นไม้จากสิงห์บุรีและเขมร

การทำจุกสำหรับปิดปากกระบอกทำจากใบตองเพื่อให้เกิด ความหอมเมื่อเผาและกันเหล่ามด แมลง สิ่งแปลกปลอมอีกด้วย

ข้าวเหนียว น้ำตาล เกลือ กะทิ ถั่วดำ ส่วนผสมบรรจุลงกระบอก

การเผา เตาเผาเป็นราวยาว อาชีพเผาข้าวหลามต้องมีความอดทนต่อความร้อน เนื่องจากใช้เวลาเผานานเป็นชั่วโมงโดยเฉพาะเตาแรก

นครปฐมมีแม่น้ำท่าจีนหล่อเลี้ยงชีวิตชุมชน

ลุ่มน้ำท่าจีน เป็นลุ่มน้ำที่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบภาคกลางของประเทศ ลักษณะภูมิประเทศตอนบนของลุ่มน้ำเป็นที่ราบสูงต่อจากทิวเขาทางทิศตะวันตก

ส่วนบริเวณทางตอนกลางและตอนล่างเป็นที่ราบ ซึ่งทิศเหนือจะติดต่อกับลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง ทิศตะวันออกติดลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทิศใต้ติดอ่าวไทย ทิศตะวันตกคือแม่น้ำแม่กลอง

แม่น้ำท่าจีน มีมนุษย์เดินทางไปมาราว 5,000 ปีมาแล้วทาง ฝั่งตะวันตกในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่อำเภอด่านช้าง อำเภอหนองหญ้าไซ อำเภอดอนเจดีย์ ลงมาจนถึงอำเภออู่ทอง

ราว 3,000 ปีก่อน มีผู้คนตั้งหลักแหล่ง ตั้งชุมชนอยู่อาศัยบริเวณสองฝั่งลำน้ำจระเข้สามพัน ที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณ บุรี ใช้แม่น้ำท่าจีนเป็นเส้นทางคมนาคมติดต่อกับชุมชนอื่นๆ

แม่น้ำท่าจีนเป็นแม่น้ำสายหลัก ซึ่งไหลแยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ไปทางทิศใต้ขนานไป กับแม่น้ำเจ้าพระยา โดยผ่านจังหวัดชัยนาท จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดสมุทรสาคร ลงสู่อ่าวไทย ณ บริเวณตำบลหญ้าแพรก กับตำบลโกรกกราก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทร สาคร มีความยาวโดยประมาณ 315 กิโลเมตร

สำหรับแม่น้ำท่าจีนนี้จะมีชื่อเรียกเป็นตอนๆ ในพื้นที่ที่ไหลผ่าน ถ้าช่วงที่อยู่ในจังหวัดชัยนาท จะเรียกคลองมะขามเฒ่า

ถ้าไหลผ่านในช่วงของจังหวัดสุพรรณบุรี จะเรียกว่าแม่น้ำสุพรรณบุรี ถ้าอยู่ในจังหวัดนครปฐม จะเรียกกันว่าแม่น้ำนครชัยศรี และตอนที่อยู่ในจังหวัดสมุทรสาครเรียกแม่น้ำท่าจีน

แม่น้ำท่าจีนในส่วนพื้นที่ที่ไหลผ่านจังหวัดนครปฐม จะเรียก กันว่าแม่น้ำนครชัยศรี ซึ่งหมายถึงบริเวณที่ลุ่มของฟากฝั่งแม่น้ำบนพื้นที่อำเภอบางเลน อำเภอนครชัยศรี และอำเภอสามพราน ก่อนที่จะไหลต่อไปยังจังหวัดสมุทรสาคร

แม่น้ำนครชัยศรีมีความกว้าง 100 เมตรโดยประมาณและมีความยาวกว่า 40 กิโลเมตร มีความคดเคี้ยวมากขึ้นทางตอนใต้ บางตอนจะไหลคดเคี้ยวคล้ายรูปแอกวัว ยาวถึง 5 กิโลเมตร มีส่วน ที่ใกล้กันแคบเพียง 3 กิโลเมตร ลักษณะเช่นนี้จะมีอยู่ 3 แห่ง คือ

บริเวณอำเภอนครชัยศรี มีคลองลัดเชื่อม "คลองท่ามอญ"

บริเวณนครชัยศรีเชื่อมต่อสามพราน มีคลองลัดเชื่อม "อีแท่น" และบริเวณอำเภอสามพรานมีคลองลัดเชื่อม "ท่านา"

สองฟากฝั่งแม่น้ำส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม เหมาะกับการทำนาปลูกข้าว ทำสวนผลไม้ ฝั่งแม่น้ำคดโค้งมากๆ ริมตลิ่งจะเกิดน้ำไหลกัดเซาะผนังดิน เรียกว่า ฝั่งคุ้ง

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นฝั่งที่ดินงอกจากริมตลิ่ง คือฝั่งเลน

ฝั่งดินที่ชายเลนงอกออกมา จะมีดินตะกอนทับถมซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ในธาตุอาหาร เหมาะสำหรับการเพาะปลูก

ดังนั้น สองฟากฝั่งแม่น้ำจะเต็มไปด้วยสวนผลไม้จำพวกองุ่น มะม่วง ชมพู่ ฝรั่ง มะพร้าว และส้มโอ โดยเฉพาะฝั่งเลนสองฟากฝั่งแม่น้ำนครชัยศรี มีคลองสำหรับน้ำเข้าสวนและพื้นที่นา กว่า 370 คลอง จะมีน้ำไหลขึ้นไหลลงวันละ 2 ครั้งตามธรรมชาติ ริมตลิ่งตลอดสายน้ำจะมีพืชน้ำ เช่น ผักบุ้ง ผักตบชวา โดยเฉพาะ ในฤดูแล้งจะมีผักตบชวาอยู่เต็มแม่น้ำ ทำให้เกิดปัญหากีดขวาง ทางจราจร

ด้วยเหตุที่มีแม่น้ำลำคลองมากมายและมีผลผลิตทางการเกษตรและวิถีชีวิตชุมชนบางส่วนอยู่กับแม่น้ำ จึงเป็นเมืองที่มีการค้าขายทางน้ำหรือตลาดน้ำอยู่หลายแห่ง เช่น ที่อำเภอสามพรานจะมีตลาดดอนหวาย ตั้งอยู่ที่ตำบลบางระทึก เป็นตลาดที่ยังเหลือ สภาพตลาดเก่าในอดีตสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เห็นลักษณะตัวอาคาร เป็นอาคารไม้เก่าๆ ที่ติดริมแม่น้ำท่าจีน มีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือนำสินค้ามาจำหน่าย

ตลาดน้ำวัดกลางคูเวียง ตั้งอยู่ที่ตำบลสัมปทวน มีอาหาร ผลไม้นานาชนิด และแพปลา มีบริการล่องเรือชมวิถีชีวิตวัดวาอาราม ทิวทัศน์ริมแม่น้ำนครชัยศรี

หรือตลาดน้ำลำพญา ตั้งอยู่หน้าวัดลำพญา ริมแม่น้ำท่าจีน

ลำพญาเดิมเป็นชื่อของหมู่บ้านในสมัยที่ยังเป็นอำเภอบางปลา มณฑลนครชัยศรี

ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระยากรมท่า ขุดคลองบริเวณท้ายตลาดในปัจจุบัน เพื่อการจับจองที่นา ชุมชนชาวบ้านสองกลุ่ม คือ ชาวมอญอพยพมาจากสามโคกในปลายรัชกาลที่ 3 ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ทำอาชีพการเกษตร

ส่วนชาวจีนที่ตั้งบ้านเรือนทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ มีอาชีพค้าขาย บริเวณนี้จึงกลายเป็นตลาดริมน้ำ วัดลำพญามีมาตั้งแต่ปี 2400 อยู่คู่ชุมชนมายาวนาน ได้รับการบูรณะพัฒนาให้สวยงาม สงบร่มเย็นเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อมงคลมาลานิมิต พระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลาแลงพอกปูนและปิดทองทับ ตลาดน้ำลำพญาเป็นแหล่งรวมพืชผักผลไม้ ผลิตผลทางการเกษตร เครื่องจักสาน ผ้าทอ ผ้าย้อม อาหารไทย ก๋วยเตี๋ยวเรือ ขนมหวาน

เมื่อเดินทางถึงนครปฐม อันดับแรก ทุกคนไม่ลืมที่จะไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชิ้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เป็นที่ประดิษฐานองค์พระปฐมเจดีย์ที่ใหญ่และสูงที่สุดในประเทศไทย

พระปฐมเจดีย์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นองค์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2396 ในสมัยรัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้สร้างครอบองค์เดิมที่ชำรุดหักพัง แล้วเสร็จในรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2413 มีความสูง 233 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ วัดนี้ถือว่าเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6

พระร่วงโรจนฤทธิ์ ประดิษฐานในซุ้มวิหารทางทิศเหนือหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 6

พระเศียร พระหัตถ์ พระบาท ได้มาจากเมืองศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โปรดฯ ให้ช่างทำรูปปั้นขี้ผึ้ง ปฏิสังขรณ์ให้บริบูรณ์ เต็มองค์ ทำพิธีหล่อที่วัดพระเชตุพนฯ เมื่อปี พ.ศ.2456 เป็นพระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย และที่ฐานของพระพุทธรูปองค์นี้ เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเจ้าเกล้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

การนมัสการพระปฐมเจดีย์ถือเป็นสิริมงคลและได้อานิสงส์ เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และเชื่อว่าพระร่วงโรจนฤทธิ์มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ใครอธิษฐานขอพรสิ่งใดจะได้รับสิ่งนั้น สมปรารถนาทุกประการ

พระราชวังนครปฐมอยู่ทางทิศตะวันออกขององค์พระปฐม เจดีย์ สร้างเนื่องในการปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งบรรจุพระบรม สารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า สร้างแต่แรกพระพุทธศาสนาเข้ามาประดิษฐานในประเทศไทย จึงทรงมีพระราชศรัทธาโปรดฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์ทั่วบริเวณและจำเป็นต้องสร้างที่ประทับขึ้น ณ บริเวณพระปฐมเจดีย์ ทำนองเดียวกับพระราชวงศ์ซึ่งพระมหากษัตริย์ครั้งกรุงศรีอยุธยาทรงสร้างที่ริมบริเวณพระพุทธบาท และทรงพระราชทานนามว่า "พระนครปฐม"

เนินวัดพระงามห่างจากพระปฐมเจดีย์ไปเล็กน้อย เป็นซากพระเจดีย์ที่มีขนาดสูงใหญ่วัดหนึ่งในสมัยทวาราวดี เพราะโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบในบริเวณนี้ล้วนแต่เป็นของเก่าแก่ฝีมือสมัยทวาราวดีทั้งสิ้น มีพระพุทธรูปศิลาหักพัง พระเสมาธรรมจักร พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ กวางหมอบ พระพิมพ์ดินเผา ปัจจุบันเก็บไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหลายองค์ และที่แตกหักเก็บไว้ที่องค์พระปฐมเจดีย์

และไม่ลืมที่จะแวะชมพระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งมีพื้นที่ถึง 888 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวา พระราชวังแห่งนี้รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดฯ ให้สร้างขึ้นตั้งแต่ยังทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งมีเหตุจูงใจมาจากการบูรณ-ปฏิสังขรณ์องค์พระปฐมเจดีย์ ทำให้ทรงพอพระราชหฤทัยเมืองนครปฐมเป็นอย่างยิ่ง

ทรงเห็นว่าเป็นเมืองที่เหมาะสมสำหรับประทับพักผ่อน เนื่องจากมีภูมิประเทศงดงามร่มเย็น

พระราชวังสนามจันทร์ เริ่มสร้างในปี พ.ศ.2450 มีพระยาศิลปะสิทธิ์ (น้อย ศิลปี) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง มีอาณาเขตกว้างขวาง ประกอบด้วยสนามใหญ่อยู่กลาง มีถนนโอบเป็นวงโดยรอบและมีคูน้ำล้อมอยู่ภายนอก ส่วนพระที่นั่งต่างๆ นั้น รวม กันอยู่ส่วนกลางของพระราชวัง เท่าที่ปรากฏในปัจจุบัน ได้แก่

พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งองค์แรกที่สร้างขึ้น อาคารก่ออิฐถือปูน เป็นตึก 2 ชั้นแบบตะวันตก ประกอบด้วยห้อง บรรทม ห้องเสวย ห้องภูษา ห้องสรง ฯลฯ

พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี เป็นตึก 2 ชั้น อยู่ด้านทิศใต้พระที่นั่ง พิมานปฐม

พระที่นั่งวัชรีรมยา ตึก 2 ชั้น งดงามมาก สถาปัตยกรรมแบบไทยหลังคาซ้อน เช่น ยอดปราสาท มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีงดงาม ช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง หางหงส์ครบถ้วน พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่บรรทมเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว

พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ เป็นศาลาโถงรูปทรงไทย ยกสูงจากพื้นดิน 2 เมตร เดิมเป็นท้องพระโรงเวลาเสด็จออกพบขุนนาง เป็นที่ประชุมข้าราชการและเหล่าเสือป่า และใช้เป็นโรงละครสำหรับแสดงโขนอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ มารีราชรัตนบัลลังก์ เป็นเรือนไม้ 2 ชั้น พระตำหนักทับแก้ว ทับขวัญ เทวาลัย คเณศวร์ หรือที่เรียกกันว่า ศาลพระพิฆเณศวร์ สร้างเพื่อเป็นที่สถิตของพระคเณศวร์ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ

อนุสาวรีย์ย่าเหล เป็นรูปหล่อโลหะขนาดเท่าตัวจริงของสุนัข ซึ่งมีความผูกพันใกล้ชิดกับรัชกาลที่ 6 เป็นสุนัขพันทาง เป็นสุนัขเฉลียวฉลาดและจงรักภักดีจนเป็นที่โปรดปราน เป็นเหตุให้มีผู้อิจฉาริษยาและถูกยิงตายในที่สุด

พระราชวังเดิม เมืองนครปฐมเคยเป็นเมืองที่มีพระมหากษัตริย์ครอบครองมาแต่โบราณ แต่ปราสาทราชวังในครั้งนั้นสร้างด้วยไม้ถูกทิ้งให้รกร้างมานาน จึงเหลือแต่ซาก ร่องรอยพอจะสันนิษฐานได้ คือตรงบ้านเนินปราสาท อันเป็นที่ตั้งพระราชวังสนามจันทร์

ปัจจุบันมีเนินดินและลำคูล้อมรอบ ว่ากันว่าพระที่นั่งองค์เก่ามีฐานปราสาท ห้องพระโรง โบสถ์พราหมณ์ สระน้ำ กำแพงชั้นในชั้นนอกยังหลงเหลืออยู่บ้าง แต่เสียหายไปมาก มีเนินดิน ซากโบราณเกี่ยวกับโบสถ์พราหมณ์ ลายกนกปูนปั้นเหลือเป็นพยาน ลักษณะลวดลายและฝีมือเป็นของเก่า

ใช้ศิลาแลงเป็นแกน และปูนประกอบอีกขั้นหนึ่ง มีสระน้ำจันทร์ใกล้กับเนินดิน เป็นที่ขังน้ำจืดคล้ายกับน้ำในทะเลชุบศร เมืองลพบุรี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมืองนครปฐมเดิมนั้นคงใหญ่โตมาก เพราะบริเวณพระราชวังอยู่ห่างจากพระเจดีย์องค์เดิม 2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นศูนย์กลางของตัวเมือง

นอกจากนั้น นครปฐมยังมีวัดเก่าแก่ให้ได้สักการะอีกมาก มาย เช่นพระเมรุ สร้างในสมัยทวาราวดีไม่น้อยกว่า 1,000 ปี พระ ประโทนเจดีย์ เป็นปูชนียสถานที่เก่าแก่ และใหญ่โตเป็นอันดับสอง รองจากพระปฐมเจดีย์ ตั้งอยู่ที่วัดประโทน เชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุทะนานทองที่ใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เดิมเป็นเจดีย์เก่าแก่และได้ปฏิสังขรณ์ในรัชกาลที่ 4 โบราณวัตถุที่ขุดพบ ลูกประคำ พระพุทธรูป พระพิมพ์ดินเผาสมัยทวาราวดี และครุฑโลหะสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่

เนินธรรมศาลา วัดธรรมศาลา เป็นโบราณสถานที่เก่าแก่อีกแห่ง เนินพระหรือเนินยายหอม เป็นโบราณสถานที่เก่าแก่

เมื่อปี พ.ศ.2479 หลวงพ่อเงิน เจ้าอาวาสพบศิลาเหลี่ยมเขียวสองต้นสูง 4 เมตร มีลายจำหลักที่ปลายเสา คล้ายกับเสาประตูสัญจิเจดีย์ของพระเจ้าอโศกมหาราช กับกวางหมอบ ทำด้วย ศิลา 1 ตัว พระพุทธรูปศิลาสมัยทวาราวดี พระเสมาธรรมจักรทำด้วยหิน ตอนบนเป็นง่ามสำหรับวางพระเสมาธรรมจักร ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่และสำคัญ

วัดไร่ขิง สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงพระราชทานนามให้ว่า วัดมงคลจินดาราม แต่ชาวบ้าน เรียกว่าวัดมงคลจินดารามไร่ขิง จนในที่สุดเรียกวัดไร่ขิง เป็นวัดราษฎร์ สร้างแต่ปี 2334 โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) อัญเชิญ พระพุทธรูปจากวัดศาลาปูนมาประดิษฐานไว้ที่วัดไร่ขิง "หลวงพ่อวัดไร่ขิง" ปางมารวิชัย พุทธลักษณะเป็นสมัยเชียงแสน สันนิษฐาน ว่าเป็นฝีมือช่างสมัยไทยล้านนาและลานช้าง ตามตำนานว่าลอยน้ำมาจึงเชิญขึ้นไว้ที่วัดศาลาปูน

พุทธมณฑล เป็นที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาตั้งอยู่ที่ตำบล ศาลายา อำเภอนครชัยศรี และตำบลบางระทึก อำเภอสามพราน มีพื้นที่ 2,500 ไร่ สร้างขึ้นเมื่อปี 2500 ในโอกาสที่พุทธศาสนารุ่งเรืองมาได้ถึง 2,500 ปี

จุดศูนย์กลางพุทธมณฑล เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา ซึ่งเป็นพระประธานของพุทธมณฑล มีความสูง 13.75 เมตร (2,500 กระเบียด)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานว่า "พระศรีศากยทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์" รอบองค์พระประธานเป็นสถานที่จำลองของสังเวชนียสถาน 4 ตำบล คือที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน

เมื่อเสร็จสิ้นจากการกราบไหว้บูชา และมีความรู้สึกมีมงคลต่อชีวิตแล้ว

จากพุทธมลฑลมุ่งหน้าสู่ถนนพระบรมราชชนนี วิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนขึ้นสะพานยกระดับมุ่งหน้ามาทางมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ชิดขวากลับรถแล้วชิดซ้ายสู่ถนนบรมราชชนนีขาเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ขับไปได้สักครู่ ชิดซ้ายแล้วเลี้ยวซ้าย (ก่อนข้ามสะพานข้ามคลองทวีวัฒนา) เข้าสู่ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา จะพบ กับความร่มรื่นสงบร่มเย็น มาได้ประมาณ 1 กิโลเมตรซ้ายมือจะสังเกตเห็นหมู่บ้านมัณฑนา เลยไปอีก 200 เมตรจะเห็น Anya's Place สีสันสะดุดตา นี่คือจุดหมายปลายทาง เป็นร้านอาหารเย็น ของเราสำหรับ Trip นี้

เป็นที่ตั้งของยูไนเต็ดแฟชั่นแอนด์เอาท์เล็ต โรงงานผลิต เสื้อผ้าเด็กจำหน่ายและส่งออก ทำมากว่า 20 ปีแล้ว ณ ที่แห่งนี้ เมื่อความเจริญเข้ามาสู่บริเวณแถบนี้ อานนท์ ฮุนตระกูล ซึ่งเป็นเขยใหญ่ของครอบครัวนี้เลยคิดเปิดร้านอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบและผูกพันมาตั้งแต่เกิดและจำความได้

จากช่างไม้สู่ช่างถ่ายรูป สำหรับเมืองไทยซึ่งเป็นเทคโนโลยี ใหม่ทันสมัยในยุคนั้น ปู่ยิ้ม ฮุนตระกูล แห่งฉายาจิตรกร ตรงข้าม ศาลาเฉลิมกรุง กับเพื่อนๆ ร่วมหุ้นกันทำร้าน หลังจากนั้นได้ดำเนินกิจการแต่เพียงผู้เดียว

เมื่อธุรกิจถ่ายรูปอยู่ตัว ก็เริ่มมองหากิจการใหม่ๆ ทำ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม แต่ไม่เฟื่องฟูเท่าที่ควร อากร ฮุนตระกูล ลูกชายที่คร่ำหวอดในวงการไฟแนนซ์ จึงออกมาช่วยดูแลกิจการโรงแรมอย่างเต็มตัว ทำให้กิจการโรงแรมของครอบครัวดังกระฉ่อนรู้จักกันทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในเครืออิมพีเรียล แถมไปดำเนินกิจการร้านอาหารที่ Paris และ London ในชื่อร้าน Khun Akorn (สาขาลอนดอนปิดตัวไปแล้วเมื่อปี 1999) อีกด้วย

อานนท์ ฮุนตระกูล หรือ "เค" หลานชายของอากร ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสตั้งแต่เด็ก ช่วยงานบิดามารดาและครอบครัวในร้านอาหารมาตลอด เติบโตคร่ำหวอดในงานการบริการ ร้านอาหารและโรงแรม โดยฝึกปรือได้ประสบ-การณ์ในทุกตำแหน่งหน้าที่

เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์จากสถาบันที่มีชื่อของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษกลับเมืองไทย

เพราะเป็นคนที่ชอบการเดินทางท่องเที่ยว งานศิลปะ การ ถ่ายรูป การตกแต่ง ซึ่งเป็นงานที่สร้างสรรค์ทั้งสิ้น

โดยเริ่มทำงานเกี่ยวกับศิลปะการถ่ายภาพ และงานเสื้อผ้าอยู่ 5 ปี เข้าหุ้นกับเพื่อนๆ ทำไอศกรีมค็อกเทลผสมแอลกอฮอล์ยี่ห้อ amaltery เน้นไปที่ไอศกรีมสำหรับผู้ใหญ่ เปิดอยู่ที่เอราวัณและเซ็นทรัลเวิลด์

อดุลย์ ฮุนตระกูล จึงทำนายอนาคตของลูกชายคนนี้ว่า "หนีไม่พ้นอาหารหรอก" ซึ่งหนีไม่พ้นคำทำนายของบุพการีจริงๆ แน่นอนและถูกต้องที่สุด

"เค" เปิดร้านอาหาร Anya's Place บนถนนเลียบคลองทวีวัฒนา ศาลายา โดยนำเอาสิ่งที่ได้รับรู้เรียนรู้มาใช้ในการบริหารร้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริการ หรือที่สำคัญต้องรู้ถึงความต้องการของผู้แสวงหาความสุขในเรื่องของการกิน

โดยส่วนตัวแล้วชอบทำและชอบเสาะแสวงหาที่รับประทานอาหารอยู่เป็นประจำ เคจึงทำให้ร้าน อัญญา เพสส เป็นร้านอาหารไทยและยุโรปที่สมบูรณ์เพียบพร้อมไปด้วยรสชาติบรรยากาศแห่งความสุขไม่แพ้ร้านแถบสุขุมวิท

ชื่อ "อัญญา" นั้น คือชื่อลูกสาวคนเล็ก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อและคอนเซ็ปต์ของร้าน คือการสร้างบรรยากาศของสถานที่นั่งพักผ่อนสบายๆ เป็นกันเอง ราคาอาหารที่ใจรับได้ ไม่เวอร์

มีรายละเอียดของความพิถีพิถันใน เรื่องของการตกแต่งตามนิสัยของคนรักบ้าน จึงเสมือนได้มารับประทานอาหารใน บ้านพ่อ-แม่ของอัญญา ทุกอย่างเคสร้าง สรรค์อย่างเต็มที่และลงตัว เช่น สีของบ้านกำแพงของร้าน โต๊ะ เก้าอี้ ดูแลเอาใจใส่ทุกเม็ด อย่างหมอนอิง ผ้าเช็ดปาก ผ้ารองแก้ว เสื้อผ้าที่พนักงานสวมใส่ ล้วนแล้วแต่ได้รับการออกแบบโดยบุญธิดา แม่ของอัญญา และผลิตในโรงงานของคุณ พ่อ (ตา)-แม่ (ยาย) (พันโทบุญชัย และจันทรา สุนทรญานกิจ) ทั้งสิ้น

โดยการนำเอาผ้าที่เหลือใน Stock มาใช้ให้เกิดประโยชน์และอย่างคุ้มค่าที่สุดนั่นเอง

คลองทวีวัฒนาเป็นนามพระราชทานในรัชกาลสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สมัยนั้นข้าวเป็นสินค้าที่สำคัญของประเทศ การขุดคลองทำให้เกิดการขยายพื้นที่ทำนามากขึ้น และเป็นการระบายน้ำเข้าสู่พื้นดิน

คลองที่ขุดใหม่เป็นคลองแรกคือคลองทวีวัฒนา เนื่องจากคลองมหาสวัสดิ์ และคลองภาษีเจริญเริ่มตื้นเขินเป็นอุปสรรคในการสัญจร

รูปถ่ายวิถีชีวิตชาวคลองที่หลากหลายสวยงาม ปรากฏบนผนังร้านนั้น เป็นฝีมือของเค บางภาพถ้าใครไม่เคยชินหรือมีประสบการณ์ร่วมจะมองไม่ออกเลยว่า นี่คือคลองทวีวัฒนา ซึ่งเขา และ "ตี๋" พ่อตา พากันล่องเรือตลอดลำคลองจนออกคลองบางกอกใหญ่ถึงรอยต่อแม่น้ำเจ้าพระยา เก็บภาพบรรยากาศมุมมองต่างๆ อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ลูกค้าได้ชื่นชม

นอกจากอดุลย์ ฮุนตระกูล ช่วยกันคิดสร้างสรรค์เมนูอาหารฝรั่ง ยังมีเชฟอาหารฝรั่งไฟแรงมาร่วมงาน โดยก่อนจะเปิดร้านให้บริการได้นำเชฟมาอยู่ทำอาหารให้ครอบครัวทดลองทานก่อนเป็นเวลากว่า 3 เดือน

จนเข้าที่เข้าทางและกลายเป็นสูตรของทางร้านอัญญาเอง

ส่วนเมนูอาหารไทย คุณแม่ยาย "ตุ่น" ช่วยคิดและแนะนำ โดยใช้ประสบการณ์ในการที่ชอบพาครอบครัวตัวเอง และชักชวนครอบครัวเพื่อนสนิท ตระเวนกินทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงเสน่ห์ปลายจวักของตัวเองที่ติดตัวมาแต่เกิด

วัตถุดิบในการประกอบอาหารจะเน้นเรื่องความปลอดภัย ปลอดสารพิษ ต้องใหม่และสดทุกวัน

อาหารของอัญญา เพสส เน้นอาหารฝรั่งและไทย แต่ไม่ลืม ที่จะสร้างสรรค์อาหารจานเดียว จานด่วน ซึ่งเหมาะสำหรับเวลาเร่งรีบ ในช่วงพักกลางวัน นิสิตนักศึกษา หรือผู้ที่ชอบปลด ปล่อยอารมณ์กับบรรยากาศริมคลองธรรมชาติซึ่งคล้ายนั่งอยู่ตามชนบท หรือสำหรับสังสรรค์ในหมู่พรรคพวกเพื่อนฝูง สนุกสนานสร้างความสัมพันธ์กันในครอบครัว ซึ่งรองรับได้มากกว่า 200 ชีวิต ในบรรยากาศมุมมองที่หลายหลาก

ข้าวผัดต่างๆ ผัดไทย เส้นลังกวินี ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเนื้อสเต๊ก หมูหมัก พาสต้า

สลัดผัก ซุป หรือหอยแมลงภู่อบกระเทียม หน่อไม้ฝรั่งม้วนแฮม สำหรับเรียกน้ำย่อย

อาหารจานหลักอย่างแซลมอนย่างกับมัสตาร์ดซอส กุ้งซอส เนยกระเทียม สเต๊กไก่ ซอสผงกะหรี่ สเต๊กอกเป็ดซอสส้ม

อาหารไทย เช่น ปลากะพงพริกไทยดำ หมูเส้นผัดพริกสด หรือน้ำพริกคุณยาย ซึ่งมีอาหารหลากหลายเกือบ 100 เมนู

แต่ที่อยากจะแนะนำ คือสเต๊กปลากะพงซอสเนยมะนาว สเต๊กหมูซอสแอปเปิล สปาเกตตีเบคอนกรอบใส่พริกสด อาหารไทยๆ อย่างปีกไก่อบ สูตรหมักของคุณแม่อัญญา หรือปลาอินทรีทอดขมิ้น โดยเฉพาะจานเด็ดจานนี้ที่ทำให้เราไม่ต้องบินไปทานถึงที่ร้าน Khun Akorn ในปารีส และยังคงเป็นสูตรดั้งเดิมอยู่คือ อกเป็ดราดซอสมะขาม ทางร้านยังคงมีเมนูขนมเค้ก (จาก Bake Ministry) ฝีมืออารินทร์ ฮุนตระกูล ลูกผู้น้อง และไอศกรีมจาก Amaltary ที่น่าลองอีกหลายเมนู

ตลอดจน Frozen Cocktail จากการค้นคิดของผู้ชายอารมณ์ศิลป์สุนทรีย์ โดยใช้เพลงดังๆ ที่คุ้นหูตั้งชื่อ เช่น Hit the Road Jack (Ray Charles) หรือ Killing me Softly (Roberta Flach) ต้องลองแล้วจะเข้าใจ

นั่งดูอยู่หลายชั่วโมง เห็นความตั้งใจจริงของเขาแล้ว ต้องยอมรับว่าเขาทำด้วยความรักจริงๆ ยิ่งเห็นทั้งพ่อตา-แม่ยาย ภรรยา น้องเขย น้องสาว น้องชาย (ภรรยา) ลงแขกช่วยกันทุกแรงเข็งขัน ทำให้รู้สึกว่าโดนกับคอนเซ็ปต์ของ Anya's Place จริงๆ

นอกจากจะได้ชิมอาหาร สัมผัสบรรยากาศที่ประทับใจ ท่านอาจจะได้เสื้อผ้าสวยๆ แบบและสีสันอินเทรนด์ ติดไม้ติดมือกลับบ้าน สำหรับลูกชายหญิงวัยไม่เกิน 10 ขวบ

ซึ่งมีห้องโชว์อยู่ภายในบริเวณร้านนั่นเอง แต่วันที่ห้ามไปเยี่ยมเยือนคือวันพุธ เพราะเป็นวันครอบครัวของเขาเอง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us