|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ในฉบับปิดท้ายปี 2552 นี้ ผมอยากจะคุยเรื่องประเด็นในวงการเทคโนโลยีสารสนเทศประเด็นหนึ่งที่เรียกว่า technological determinism
technological determinism เป็นคำที่เริ่มต้นใช้โดย Thorstein Veblen ซึ่งมีชีวิตอยู่ระหว่างปีคริสต์ศักราช 1857-1929 หรือเกือบหนึ่งร้อยปีที่แล้ว
ความหมายของ technological determinism ส่วนใหญ่ที่ใช้กันจะมีสองแนวทาง คือ
หนึ่ง การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี ไปตามเส้นทางที่คาดการณ์ไว้ โดยแนว ทางการพัฒนาจะอยู่เหนืออิทธิพลทางด้านการเมืองและวัฒนธรรม
สอง เป็นความหมายในแง่ว่า ในทางกลับกันเทคโนโลยีจะมีผลกระทบต่อสังคมที่มีการนำเทคโนโลยีนั้นไปใช้ หรือสังคมได้จัดโครงสร้างของสังคมให้เป็นไปในลักษณะที่ช่วยสนับสนุนและส่งเสริมการ พัฒนาเทคโนโลยีใดๆ ก็ตามที่ถูกนำมาใช้
สำหรับคนที่เชื่อมั่นในเรื่องแนวคิดของ technological determinism มากๆ แล้ว จะไม่เชื่อในความแตกต่างของอิทธิพล ของเทคโนโลยีซึ่งกิดจากการใช้มากหรือน้อยหรือสามารถใช้มันได้หรือไม่ แทนที่จะคิดว่า เทคโนโลยีมีผลกระทบต่อกิจกรรม ของมนุษย์ คนเหล่านี้เชื่อว่าเทคโนโลยีเป็นพื้นฐานสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์
แนวคิด technological determinism จึงสามารถสรุปได้ว่าเป็นความเชื่อที่ว่า
3. เทคโนโลยีเป็นกุญแจสำหรับการจัดการในสังคม (Merritt Roe Smith)
4. การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Bruce Bimber)
5. เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดและการที่คนเราจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ได้อย่างไร หรือกล่าวได้ว่าเทคโนโลยีเป็นตัวตัดสินประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ (Raymond Williams)
6. การพัฒนาทางด้านสังคมถูกผลักดันโดยนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี (Michael L. Smith)
7. ฯลฯ
ในยุคโบราณที่ยังไม่มีเรื่องอิเล็กทรอนิกส์และดิจิตอลอย่างทุกวันนี้ เทคโนโลยีของมนุษยชาติเริ่มต้นจากสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น หินปลายแหลมที่ใช้ในการหั่นหรือตัด, ท่อนไม้ที่ใช้ในการขนส่งก้อนหินขนาดใหญ่ที่ใช้ในการก่อสร้าง, การก่อไฟโดยใช้หินหรือเรื่อยมาถึงยุคที่มนุษย์สรรหาวิธีการบังคับสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นช้าง ม้า ลา เพื่อใช้ในการคมนาคมขนส่ง ไปจนถึงการสร้างเรือพาย
ในสมัยโบราณ เทคโนโลยีง่ายๆ อย่างที่กล่าวมาก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับมนุษยชาติได้แล้ว โดยเฉพาะทำให้มนุษย์สามารถสร้างสังคมขึ้นมาได้ การรวมกลุ่มกันเพื่อปกป้องพื้นที่ทำมาหากินซึ่งทำให้มนุษย์ตั้งถิ่นฐานและอยู่ติดที่มากขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถผลิตอาหารได้มากกว่าความต้องการ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้า เกิดเป็นการค้าขาย ทำให้ระบบเศรษฐกิจมีขนาดใหญ่ขึ้นๆ ตามขนาดของกลุ่มคนในสังคมและความสามารถในการผลิตอาหารที่มากขึ้น
เมื่อความต้องการบริโภคอาหารได้รับการเติมเต็มอย่างเหลือเฟือ ทำให้มนุษย์ เริ่มมองหาสิ่งที่มาเติมเต็มความต้องการทางจิตใจมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในรูปการสร้าง อาวุธสงครามเพื่อขยายอาณาเขต การแลก เปลี่ยนซื้อขายสินค้าประเภทโลหะมีค่าไปจนถึงการสร้างยานพาหนะที่สามารถเดินทางได้ไกลขึ้นในเวลาที่น้อยลง และมีความแข็งแรงและอดทนในการเดินทางมากกว่าการใช้สัตว์เป็นพาหนะที่มีข้อจำกัดทางด้านศักยภาพทางด้านร่างกาย
เมื่อระบบเศรษฐกิจขยายตัวขึ้น กอปรกับมนุษย์มีเวลาที่จะคิดสร้างสรรค์มากขึ้นเพราะไม่ต้องคอยห่วงปากท้องตัวเองมากมายนัก ก็ทำให้เทคโนโลยีมีการพัฒนาในลักษณะก้าวกระโดด โดยเฉพาะการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคน ซึ่งทำให้ชีวิตของมนุษย์ไม่เหมือน เดิมนับจากวันนั้นเป็นต้นมา
การพัฒนาที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การถือกำเนิดของเครื่องพิมพ์โดยกูเทนเบิร์ก ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ
การมีเครื่องพิมพ์ทำให้สามารถเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารได้รวดเร็วขึ้นและกว้างขวางขึ้น กอปรกับความก้าวหน้าทางด้านอิเล็กทรอนิกส์และการสร้าง หน่วยเก็บข้อมูลและหน่วยประมวลผลข้อมูล ทำให้เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อนำอินเทอร์เน็ตมาใช้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ทำให้เกิดการเติบโตแบบแพร่กระจายไปทั่วโลก
เทคโนโลยีที่มนุษย์นำมาใช้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ยุคโบราณมาถึงยุคที่เริ่มนำพลังงานในลักษณะต่างๆ มาใช้จนถึงปัจจุบันที่คอม พิวเตอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา เปรียบเสมือนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของบางสังคมไปแล้วนั้น เทคโนโลยีเหล่านี้ได้มาเปลี่ยน แปลงวิถีชีวิตของคนเราในช่วงระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
technological determinism น่าจะมาอธิบายการเปลี่ยนแปลงเชิง เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองภายหลังการเข้ามามีบทบาทของอินเทอร์เน็ตได้อย่างค่อนข้างชัดเจน
อินเทอร์เน็ตทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจของโลก รวมถึงแต่ละหน่วยย่อยในระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป อินเทอร์ เน็ตเพิ่มช่องทางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ทำให้ระบบเศรษฐกิจขยายใหญ่ออกไปอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้อินเทอร์เน็ตยังช่วยขยายตลาดเดิมที่มีอยู่แล้วให้ใหญ่ขึ้นโดยการเพิ่มช่องทางการซื้อขายแลกเปลี่ยน สำหรับสินค้าที่มีตลาดจำกัด อินเทอร์เน็ตก็ทำให้ตลาดที่จำกัดนั้นสามารถถูกเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้เรื่อง Long Tail กลายเป็นทฤษฎีสำคัญทางการตลาดไปแล้ว
อินเทอร์เน็ตทำให้สังคมผสมผสานความหลากหลายได้อย่างลงตัวที่สุด อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงสังคมของมนุษย์ให้สามารถติดต่อสื่อสาร และสร้างสังคมย่อยซ้อนกับสังคมใหญ่อย่างซับซ้อนในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อินเทอร์เน็ตสร้าง สังคมในลักษณะที่ทำให้มนุษย์เราสวมหมวกแสดงบทบาทในสังคมหลากหลายมากขึ้นๆ
นอกจากนี้สังคมอินเทอร์เน็ตยังมีความกว้างขวางใหญ่โตกว่าที่เคยมีมาก่อน คนจากสังคมอื่นๆ สามารถมาร่วมสร้างสังคมใหม่ๆ ของตัวเองซ้อนทับกับสังคมที่ตัวเองสังกัดอยู่มากมายได้อีกหลายชั้น
นอกจากนี้อินเทอร์เน็ตซึ่งทำให้เกิดเครือข่ายชุมชน หรือ social network ผ่าน Facebook, Hi5, Twitter รวมถึงอีกหลายๆ เว็บไซต์ก็กำลังจะทำให้พลังของคนตัวเล็กๆ ในสังคมเริ่มมีปากมีเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ และคนตัวเล็กๆ ที่เคยเป็นบุคคลโนเนมในสังคมกำลังจะมากำหนดทิศทางความเป็นไปในเรื่องต่างๆ ของโลกมากขึ้นเรื่อยๆ
เช่นเดียวกับอิทธิพลของฝูงชน หรือ crowd ที่กำลังจะมีบทบาทต่อการเปลี่ยน แปลงทั้งทางด้านสังคม การเมือง และเศรษฐกิจของโลกเราในที่สุด
สำหรับด้านการเมืองแล้ว อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทอย่างสำคัญยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของดุลอำนาจในเวทีโลก ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งล่าสุดนั้น อาจกล่าวได้ว่า อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทใน ทุกๆ ขั้นตอนของการเลือกตั้งครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่การหาเสียง การโฆษณาประชา สัมพันธ์นโยบายของผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่ละคน การลงคะแนน ไปจนถึงการสร้างผู้ลงคะแนนเสียงที่มีความรู้และอินเทอร์เน็ตกำลังจะทำให้คะแนนเสียงของประชาชนมีความสำคัญมากขึ้นๆ เพราะเป็นคะแนนเสียงที่ลงคะแนนโดยมีความรู้และข้อมูลพื้นฐานเป็นสำคัญ
เช่นเดียวกับบทบาทของอินเทอร์เน็ตในเวทีการเมืองระหว่างประเทศและเวทีโลก เสียงของประชาชนแต่ละคนบนโลกกำลังจะมีผลต่อการกำหนดนโยบายความเป็นไปในด้านต่างๆ บนเวทีโลก หลายๆ ครั้ง การแสดงความคิดเห็นของประชาชนบนอินเทอร์เน็ตถูกนำมาใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณากำหนดนโยบาย หรือริเริ่มทำอะไรหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมที่กลายเป็นประเด็นสากลที่ต้องร่วมกันถกเถียง
อินเทอร์เน็ตจึงให้ภาพของ technological determinism ที่ชัดเจนว่า ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงสังคมและความเป็นไปในอนาคตอย่างชัดเจนในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะเราสามารถมองเห็นคำตอบที่ชัดเจนในชั่วระยะเวลาเพียงสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้เท่านั้น
และเราคงไม่สามารถหาเทคโนโลยีไหนที่ให้ผลรวดเร็วและชัดเจนเท่านี้มาก่อน ในอนาคตอันใกล้นี้
อ่านเพิ่มเติม:
1. http://www.coursework.info/University/Mass_Communications_and_Documentation/Media_Studies/Electronic_Media_Studies/Cultural_and_Technological_ Determinism_A_L94069.html
2. http://en.wikipedia.org/wiki/Technological_determinism
3. Smith, Merritt Roe; and Leo Marx, eds. (1994). Does Technology Drive History? The Dilemma of Technological Determinism. Cambridge: MIT Press.
|
|
|
|
|