|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หลายคนอาจมองว่าเป็นคราวเคราะห์ของกลุ่ม "ชาญอิสสระ" เมื่องานเปิดตัวเฟสแรกของโครงการ "ศรีพันวา" บ้านพักตากอากาศสุดหรูของภูเก็ต ซึ่งควรจะกึกกองด้วยเสียงดนตรีเฉลิมฉลองอย่างรื่นเริง กลับถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องร่ำไห้จากคลื่นยักษ์สึนามิที่ถาโถม แต่ความสำเร็จจนถึงเฟส 4 ในเร็ววันนี้ ดูจะกลบเกลื่อนโชคร้ายครั้งนั้นจนไม่เห็นรอย
ด้วยความหรูหราของทัศนียภาพพระอาทิตย์ตกเหนืออ่าวมะขาม มองจากคลับเฮาส์สุดหรูริมสระน้ำที่ตั้งบนสันเขาของแหลมพันวา ทำให้ "บาบา พูลคลับ" ภายในโรงแรมศรีพันวา ซึ่งใช้งบก่อสร้างกว่า 200 ล้านบาท กลายเป็นแหล่งชิลล์เอาต์แห่งใหม่ของภูเก็ต
พื้นที่อีกส่วนใช้งบร่วม 100 ล้านบาท สำหรับการขยายพื้นที่ของสปา
ทั้งพูลคลับและสปา ไม่เพียงเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่แขกของโรงแรม แต่ยังช่วยสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านพักตากอากาศที่ขายอยู่ในโครงการ ศรีพันวา
ขณะเดียวกันแขกระดับ วี.ไอ.พี. บุคคลที่มีชื่อเสียง ดารานักแสดงต่างชาติ และผู้มีเกียรติชั้นสูงระดับพระราชวงศ์ต่างประเทศที่แวะเวียนมาใช้บริการที่พักที่โรงแรมศรีพันวา ก็ยิ่งช่วยสร้างภาพลักษณ์ความเป็นพรีเมียมให้กับบ้านพักตากอากาศในโครงการได้ยิ่งขึ้น
ขณะที่สนนราคาค่าที่พักเฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อคืน โดยปีที่แล้ว ราคาค่าห้องในหน้า ไฮซีซั่นของศรีพันวาก็ฮิตเรตสูงสุดในภูเก็ตด้วยราคาราว 9.8 หมื่นบาทต่อคืน ดูเหมือนราคาขาย (แบบเช่าระยะยาว) บ้านพักตากอากาศของโครงการนี้ก็แพงติดอันดับต้นๆ ของภูเก็ตเช่นกัน
โดยเฉพาะเฟส 4 ที่กำลังลงทุนสร้าง ซึ่งวรสิทธิ์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด เจ้าของโครงการศรีพันวา ตั้งสมญาให้กับบ้านพักตากอากาศทั้ง 6 หลังในเฟสสุดท้ายนี้ว่า "Big Boy" หรือ "พี่ใหญ่" ของโครงการ ซึ่งจะเสนอ ขายในราคา 280-380 ล้านบาท ขึ้นไป มูลค่าโครงการในเฟสนี้ร่วม 2 พันล้านบาท
เพราะที่ดินใหม่ที่มีทำเลสวยๆ ในภูเก็ตที่จะนำมาพัฒนามีน้อยลง ขณะที่ราคาซื้อขายก็ถีบตัวสูงขึ้นมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ราคาบ้านพักตากอากาศในภูเก็ต จึงแพงเหลือเกิน แต่ดูเหมือนกลุ่มผู้มีกำลัง ซื้อที่สนใจเป็นเจ้าของบ้านพักในภูเก็ตก็ยังมีอยู่ บ้านพักเฟสสุดท้ายที่กำลังสร้างของศรีพันวาจึงถูกจองไว้แล้ว โดยหนึ่งในลูกค้า กระเป๋าหนักเหล่านั้นเป็นนายธนาคารจากอินเดีย
"บ้านพักเฟส 1-2 ก็ไฮเอนด์แล้ว แต่เฟสนี้จะยิ่งพรีเมียมกว่าเดิม ถือว่าเป็นรุ่นใหญ่สุด เชื่อว่ายังไงก็ขายได้เพราะมันมีลูกค้าอยู่แล้วเพียงแต่ขึ้นอยู่กับว่าจะไปหาที่ไหน" วรสิทธิ์กล่าวอย่างมั่นใจ
สำหรับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ซื้อบ้านพักในโครงการศรีพันวา โดยเฉพาะ Big Boy เขามองว่าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่ไม่ซื้อเพื่อไว้เป็นบ้านหลังแรก หรือหลังที่สอง และไม่ได้ซื้อเพื่อทำกำไร แต่น่าจะเป็นการซื้อเพื่อเก็บไว้ในคอลเลกชั่น ขณะที่ลูกค้าบางส่วนที่ปล่อยเช่าก็ไม่ใช่เพื่อหวังรีเทิร์น
เทียบจากเฟสแรก ลูกค้าเป้าหมายของบ้านพักตากอกาศโครงการศรีพันวาถูกมองเป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเอเชียสามารถบินมาพักภูเก็ตในช่วงวันหยุดสั้นๆ หรือระยะยาวและกลุ่มชาวยุโรป ที่อาศัยอยู่ภูเก็ตเป็นเวลานานและมีแนวโน้มจะอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร
หากเฟสสุดท้ายแล้วเสร็จโครงการศรีพันวาบนเนื้อที่ทั้งหมดราว 80 ไร่ จะมีมูลค่ารวมสูงถึง 6 พันล้านบาทเลยทีเดียว
"ผมกล้าพูดเลยว่าศรีพันวาน่าจะเป็นโครงการที่มีมูลค่ายอดขายเยอะที่สุดในเครือชาญอิสสระแล้ว" วรสิทธิ์กล่าวด้วยความภูมิใจ
ย้อนกลับไปปลายปี 2547 เฟสแรก ของศรีพันวามีวิลล่าเพียง 20 ยูนิต โดย 9 ยูนิต มีไว้สำหรับขายในสนนราคาราว 20-120 ล้านบาท อีก 11 หลังมีไว้สำหรับเป็นโรงแรมที่พักด้วยสนนราคาสูงกว่า 3-5 หมื่นบาทต่อคืน มูลค่าลงทุนยังอยู่เพียง 1.2 พันล้านบาท
หลังการมาถึงของคลื่นสึนามิทำให้ความคึกคักของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งชะงัก แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยหนึ่งในนั้นก็คือศรีพันวา ที่ดูเหมือน จะยิ่งฮอตกว่าเดิมเนื่องจากตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งไม่กระทบกับภัยสึนามิ
ว่ากันว่า จริงๆ แล้ว สงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัทชาญอิสสระ ดีเวล๊อปเม้นท์ มีความคิดที่จะพัฒนาบ้านพักตากอากาศในภูเก็ตมาก่อนนี้ แต่กว่าจะค้นหาจนเจอทำเลที่ถูกใจใช้เวลากว่า 9 ปี จนมาพบที่ดินบนสันเขาของแหลมพันวาที่มีทะเลล้อมรอบทั้ง 2 ฝั่ง และตัดสินใจซื้อเมื่อปี 2545 จากนั้นเริ่มขึ้นโครงการศรีพันวาในปีถัดมา
"ยุคนั้นหลายคนมองข้ามที่ดินแปลงนี้ไป เพราะส่วนมากจะมองจากฝั่งออกไปทะเล ก็จะเห็นเหมือนกันหมด แต่ผมมองจากทะเลมาหาฝั่งจึงเห็นความงดงามของที่ตรงนี้ได้อย่างเต็มตา" สงกรานต์เห็นที่แปลงนี้ขณะแล่นเรือใบมายังแหลมพันวา
หลายคนเชื่อว่าที่ดินแปลงนี้น่าจะสวยที่สุดบนแหลมพันวา เพราะมีมุมให้เลือกดื่มด่ำกับฉากท้องทะเลที่มีพระเอกเป็นดวงอาทิตย์ทั้งยามขึ้นและลับขอบฟ้า
เพื่อใช้ทุนธรรมชาติที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดประกอบกับผลการสำรวจ ของวรสิทธิ์ที่พบว่า กว่า 6 ปีก่อนบ้านพัก ตากอากาศแบบพูลวิลล่าที่มีในภูเก็ต ดูจะยังหรูไม่พอที่จะตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย บ้านพักของศรีพันวาจึงถูกออกแบบให้หรูหราด้วยดีไซน์ วัสดุตกแต่ง และทิวทัศน์ที่มองเห็นทะเลได้ จากทุกจุดของวิลล่า ไม่ว่าจะเป็นจากเตียงนอน จากอ่างจากุซซี่ ห้องนั่งเล่น ระเบียงริมสระ หรือขณะว่ายน้ำในสระส่วนตัวและสระส่วนกลาง
ด้วยความสวยงามของทำเลและดีไซน์ของวิลล่า ในฐานะเซลส์แมน วรสิทธิ์ ถึงกับพูดว่าถ้าเขาไม่สามารถขายของได้ก็ถือว่าไร้ฝีมือ แม้ว่าราคาจะสูงชนเพดานเพราะสินค้านั้นสวยเหลือเกิน
จากที่สงกรานต์ตั้งใจสร้างบ้านขายเพียงอย่างเดียว วรสิทธิ์เสนอให้แบ่งบางส่วนทำโรงแรมด้วย เพราะเชื่อว่าทั้งสองอย่างนี้จะเกื้อกูลซึ่งกันได้ดี เพราะกลุ่มเป้าหมายของโรงแรมก็คือคนกลุ่มเดียว กับผู้มีกำลังทรัพย์พอจะซื้อวิลล่าได้ ในการส่งเสริมการขาย เขาจึงใช้วิธีให้ลูกค้ามาทดลองนอนพักที่วิลล่าโรงแรมแล้วบริการเต็มที่ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์การดูแลที่จะได้รับด้วยตัวเอง โดยเกือบ 90% ของลูกค้าที่มาลองมักตัดสินใจซื้อทันที
นอกจากนี้ การลงทุนด้านโรงแรมควบคู่กับการสร้างบ้านพักตากอากาศ ทำให้บริษัทสามารถนำเงินที่ได้จากการขายบ้านพักมาใช้ลงทุนหมุนเวียนในกิจการโรงแรมได้ด้วย
หลังจากศรีพันวาเฟส 1 ขายหมด ทันทีที่เริ่มเปิดขายเฟส 2 ในราคาที่สูงขึ้นโดยสูงกว่า 30-250 ล้านบาท ซึ่งก็ยังสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อปลายปี 2551 โครงการศรีพันวาก็ลงทุนสร้างวิลล่าโรงแรมเพิ่มเติม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาพักที่โรงแรมแห่งนี้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจากวิลล่าโรงแรมราว 48 ห้องน่าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำว่า 100 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ วรสิทธิ์ตั้งข้อสังเกตว่า 2-3 ปีหลังเริ่มมีลูกค้าคนไทยนิยมเข้ามาพักที่โรงแรม ศรีพันวามากขึ้น
สำหรับก้าวต่อไปของโรงแรมศรีพันวา วรสิทธิ์ตั้งใจว่าจะพัฒนาแบรนด์โรงแรมศรีพันวาให้ติดอันดับหนึ่งของรีสอร์ตที่ดีที่สุดและพัฒนาเชนโรงแรมขึ้นมา ตลอดจนยังคงมองการลงทุนในภูเก็ตไว้อีก 4-5 แปลง ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของภูเก็ตในความเป็น World Class Destination
"ภายใน 3 ปีนี้ เราคงจะยังโฟกัสที่ศรีพันวา และที่ภูเก็ตอย่างเดียว"
ปัจจุบันศรีพันวาถือเป็น flagship สำหรับธุรกิจโรงแรมและที่พักตากอากาศของกลุ่มชาญอิสสระ ซึ่งมักดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาเชิญชวนวรสิทธิ์ไปร่วมลงทุนยังต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในจีน ดังนั้นในอนาคตศรีพันวาก็คงไม่ใช่ "มวยไทย" ที่รอเปรียบมวยนอกอยู่บนสังเวียนในบ้าน แต่อาจจะกลายเป็น "มวยสากล" ที่ไปท้าชิงกับแบรนด์ต่างชาติบนสังเวียนนอกบ้านก็เป็นได้
|
|
|
|
|