|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เนื้อหาบางส่วนจาก Our Chance: A Plan to Solve the Climate Crisis
หนังสือเล่มใหม่ที่เขียนโดย Al Gore
อีกไม่นานหลังจากนี้ คนรุ่นลูกรุ่นหลานของเราจะมองกลับมาที่เราในวันนี้ วันที่เรากำลังตัดสินใจเลือก เพื่อที่พวกเขาจะถามคำถามใดคำถามหนึ่งใน 2 คำถามนี้ พวกเขา อาจจะถามว่า "พวกคุณกำลังคิดอะไรกันอยู่ ไม่เห็นหรือว่า น้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลายอยู่ต่อหน้าต่อตาพวกคุณ คุณไม่สนใจกันเลยหรือ"
หรือพวกเขาอาจจะถามว่า "คุณทำอย่างไร จึงได้มีความกล้าหาญทางจริยธรรม จนกล้าลุกขึ้นแก้ปัญหาวิกฤติ ที่มีแต่คนบอกว่า ไม่มีทางจะแก้ไขได้"
เราต้องเลือกว่า คำถามใดคือคำถามที่เราต้องการจะตอบ และเราต้องตอบตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่ด้วยคำพูด แต่ด้วยการกระทำ
คำตอบของคำถามแรก เรากำลังคิดอะไรกันอยู่เป็นคำตอบ ที่เจ็บปวดจนผมแทบจะเขียนออกมาไม่ได้
"เรากำลังเถียงกันเอง เราไม่ต้องการจะเชื่อว่า ปัญหานี้กำลังเกิดขึ้นจริงๆ เรารีรอนานเกินไป
เรามีปัญหาอื่นอีกเยอะแยะมากมายที่ต้องสนใจ แต่เราก็ได้พยายามแล้วจริงๆ เราขอโทษ"
คำถามที่ 2 เราแก้ไขมันได้อย่างไร เป็นคำถามที่ผมปรารถนาจะให้พวกเราได้ตอบมากกว่า และนี่เป็นคำตอบที่ผมหวังว่า เราจะตอบคนรุ่นหลังได้
"จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2009 ปีที่เริ่มต้นด้วยการมีประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้เปลี่ยนแปลงนโยบายหันมาให้ความสำคัญกับการเน้นการวางรากฐานสำหรับเศรษฐกิจใหม่ที่ใช้คาร์บอนต่ำ แรงต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนั้นดุเดือดรุนแรงนัก โดยเฉพาะที่มาจากบริษัททั้งหลายซึ่งทำเงินมหาศาลจากถ่านหิน น้ำมันและก๊าซ
"แต่ความจริงที่ว่าโลกกำลัง เผชิญปัญหาฉุกเฉินได้รับการยอมรับ หลักฐานที่มาจากนักวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้จะช้าในตอนแรก แต่หลังจากนั้น คนที่เคยไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงก็กลับเปลี่ยนแปลงตัวเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แต่มันได้สร้างความแตกต่างที่ทรงพลัง เมื่อคนที่เคยคัดค้านกลับกลายมาเป็นคนที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางใหม่ กระแสเริ่มเปลี่ยนทิศ คนอื่นๆ เริ่มทยอยเข้าร่วมทีละคนๆ ด้วยความรู้สึกที่เห็นพ้องต้อง กันเป็นเอกฉันท์อย่างมีพลังว่า เราจะต้องลงมือทำอย่างกล้าหาญ และรวดเร็ว เมื่อถึงสิ้นปี 2009 สหรัฐฯ สามารถผ่านกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงวิธีที่ธุรกิจและผู้นำพลเรือนใช้ในการวางแผนเพื่ออนาคต
ด้วยการกำหนดราคาที่ต้องจ่ายเมื่อสร้างมลพิษซึ่งเป็นสิ่งที่เคยถูกละเลยในอดีต สหรัฐฯ ได้สร้างสิ่งจูงใจครั้งใหญ่ที่ทำให้ประวัติศาสตร์เริ่มเปลี่ยนแปลง สิ่งจูงใจใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงการผลิตพลังงานของเรา จากเชื้อเพลิงจากซากพืชซากสัตว์ไปเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และความร้อนใต้พิภพ ก่อให้เกิด คลื่นแห่งการปรับปรุงเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน
เมื่อทุกคนเริ่มมีจิตสำนึกเกี่ยวกับวิกฤติโลกร้อน ทำให้ผู้คนทั่วโลกที่เป็นห่วงคนรุ่นหลังซึ่งก็คือพวกเธอ ต่างหาวิธีกดดันผู้นำของพวกเขา ก่อเกิดเป็นเครือข่ายคนรากหญ้านับแสนนับล้าน เครือข่าย
แม้ว่าจะมีหลายๆ ประเทศได้ก้าวขึ้นเป็นมาเป็นผู้นำ แต่ทันทีที่สหรัฐฯ ตื่นขึ้นมารับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน สหรัฐฯ ก็ได้ฟื้นการทำหน้าที่ทางจริยธรรมของตน อันเป็นสิ่งที่โลกคาดหวัง จะได้เห็นจากประเทศนี้อีกครั้ง
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนทิศทางในการแก้ปัญหาโลกร้อน เป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูด จู่ๆ วิธีคิดของเราเปลี่ยนไป โลกเริ่มเข้ามายึดครองความคิดของเรา เราเกิดความรู้สึกว่า เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อีกต่อไปที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมของโลก
ผมรู้ว่ารีรอนานเกินไป ผมคิดว่าเราควรลงมือทำเร็วกว่านั้น แต่ตอนนี้อนาคตข้างหน้าของพวกเธอก็ดูสดใสแล้ว บาดแผลที่เราสร้างไว้กับชั้นบรรยากาศและระบบนิเวศของโลกได้รับการเยียวยารักษาแล้ว
และน่าประหลาดใจที่สิ่งที่เราได้ทำในช่วง Great Transformation เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกไปสู่เศรษฐกิจที่ใช้คาร์บอนต่ำ ได้กลับกลายเป็นสิ่งที่ช่วยฟื้นความรุ่งเรืองมั่งคั่งทางเศรษฐกิจให้แก่เรา ทันทีที่เราเริ่มเดินไปบนเส้นทางแห่งการพิทักษ์โลกและปกป้องอนาคตของพวกเธอ งานใหม่นับสิบๆ ล้านตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงอาชีพใหม่เอี่ยมที่ไม่เคยมีมาก่อน ก็ได้เริ่มเกิดขึ้น
ผมขอร้องพวกเธอสักอย่างได้ไหม หลังจากที่พวกเราได้ทำเพื่อพวกเธอมาแล้ว โปรดส่งต่อความกล้าหาญและความ มุ่งมั่นนี้ไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปด้วย เพื่อให้พวกเขาลงมือแก้ปัญหาอย่างกล้าหาญและชาญฉลาด เมื่อใดก็ตามที่กำลังจะเกิดอันตรายต่ออนาคต พวกเธอจะต้องเผชิญกับการท้าทาย เหมือนกับที่พวกเราเคยเผชิญมาก่อนเช่นกัน แต่ผมรู้ว่า พวกเธอจะไม่ทำให้คนรุ่นหลังต้องผิดหวัง เช่นเดียวกับที่พวกเราไม่เคยทำให้พวกเธอผิดหวัง
การเลือกครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดและจะคงอยู่ ไปชั่วนิรันดร์ มันอยู่ในมือของคนรุ่นนี้ เป็นการตัดสินใจที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงและเป็นการเลือกที่อาจถูกประณามหรือได้รับการสดุดีจากคนรุ่นหลังของเราตลอดไป"
แปล/เรียบเรียง เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
เรื่อง นิวสวีค 9 พฤศจิกายน
|
|
|
|
|