|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
TTA ฟุ้งรายได้-กำไรปี 53 เติบโตโดดเด่น ชี้เก็บผลพวงจากกิจการที่ซื้อมา ทั้ง UMS เหมืองถ่านหินฟิลิปปินส์ และธุรกิจที่เวียดนาม เผยมีเงินสดในมือ 6 - 7 พันล้านบาท เพื่อลงทุนซื้อกิจการหวังเกื้อหนุนต่อยอดธุรกิจ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาขอซื้อกิจการอีก 4 - 5 ดีล พร้อมปรับสัดส่วนรายได้จาก 3 ธุรกิจขนส่งเดินเรือ พลังงาน สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและโลจิสติกส์ เท่ากันในปี56 ยกระดับโฮลดิ้งคัมปะนี เต็มตัว
ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA กล่าวว่า คาดว่าแนวโน้มกำไรและรายได้ในปี 2553 จะปรับตัวดีขึ้นจากปีนี้ เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ เข้าไปซื้อกิจการใหม่ในปีนี้ที่จะเป็นตัวเสริมผลการดำเนินงาน ประกอบด้วยธุรกิจเหมืองถ่านหินที่ฟิลิปปินส์ ธุรกิจที่เวียดนาม ซึ่งเป็นธุรกิจสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่มีคลังสินค้าเพื่อต่อยอดจากธุรกิจด้านโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจปุ๋ยที่ยังมีแนวโน้มการทำกำไรได้ต่อเนื่องจากปีนี้ โดยจะเริ่มเห็นแนวโน้มการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งรายได้และกำไร ตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 53 เป็นต้นไป ซึ่งหลังประกาศงบสิ้นเดือนมี.ค. จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมีการรับรู้รายได้และกำไรจากการข้าไปถือหุ้นของ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS ที่แนวโน้มผลประกอบการเติบโตขึ้น โดยปีนี้ UMS มีต้นทุนในเรื่องค่าใช้จ่ายสูง จากการทำสัญญาล็อคค่าระวางเรือไว้ โดยสัญญาดังกล่าวจะครบกำหนดช่วงปลายปีนี้จนถึงม.ค. 2553 ส่วนบริษัท เมอร์เมด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจด้านพลังงานมีโอกาสที่จะขยายการลงทุนเพิ่มมากขึ้น จากแนวโน้มราคาน้ำมันในปีหน้าที่ประเมินว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 75 - 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำหรับแนวโน้มของภาพรวมธุรกิจเดินเรือปี 2553 จะยังคงทรงตัวจากปีนี้ ซึ่งคาดว่าค่าระวางเรือปีหน้าจะใกล้เคียงกับปีนี้อยู่ที่ระดับ 1.1 หมื่นดอลลาร์ต่อวันต่อลำ เนื่องจากอุปทานของเรือยังมีอยู่จำนวนมากเมื่อเทียบกับอุปสงค์ความต้องการเรือที่อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี บริษัทมีนโยบายที่จะกระจายธุรกิจโดยเริ่มต้นจากปีนี้ และจะเริ่มการเห็นผลชัดเจนในปีหน้า ขณะที่บริษัทตั้งเป้าว่าสัดส่วนรายได้จาก 3 ธุรกิจหลักในปี 2556 สัดส่วนรายได้จะกระจายในสัดส่วนที่เท่ากัน
ม.ล.จันทรจุฑา กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาถึงการซื้อกิจการ 4 - 5 ดีล ซึ่งอยู่ในภูมิภาคเอเชีย โดยเน้นการซื้อกิจการที่ต่อยอดให้กับ 3 ธุรกิจหลักของบริษัทฯ ประกอบด้วยธุรกิจขนส่งเดินเรือ พลังงาน สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและโลจิสติกส์ โดยช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ จะยังไม่มีการซื้อกิจการเพิ่มเติมหลังจากที่มีการปิดดีลไปแล้ว 3 ดีล ส่วนดีลที่เจรจาอยู่ยังประเมินระยะเวลาได้ยากว่าจะสรุปความชัดเจนได้
สำหรับเม็ดเงินที่จะใช้ลงทุนนั้น หากบริษัทฯ มีความจำเป็นที่จะใช้เงินลงทุนเกินกว่าจำนวนเงินสดในมือและวงเงินกู้ที่มีอยู่ บริษัทฯ ยังมีความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มได้อีกจากปัจจุบันที่มีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำ 0.2 ต่อ 1 เท่า ขณะที่นโยบายของคณะกรรมการบริษัทฯ ได้กำหนดเพดาน D/E ไว้ที่ ไม่เกิน 1.5 ต่อ 1
ทั้งนี้ ความคืบหน้าในการทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer) จากผู้ถือหุ้นเดิมของ UMS ในขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ และหลังจากการเสร็จขั้นตอนดังกล่าวยังไม่สามารถประเมินจำนวนเม็ดเงินได้ว่าจะทำ Tender Offer เท่าไร อีกทั้งหลังจากที่บริษัทเข้าถือหุ้นของ UMS แล้วยังไม่มีแผนที่จะถอน UMS ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
อนึ่ง การกระจายรายได้จาก 3 ธุรกิจของ TTA เป็นลักษณะการทำธุรกิจที่เป็น Holding Company ซึ่งเป็นนโยบายที่บริษัทวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ โดยกระจายในการประกอบ 3 ธุรกิจหลักดังกล่าว จากเดิมที่เป็น Holding Company ในธุรกิจเดินเรือเพียงอย่างเดียว ขณะ ปัจจุบันบริษัทฯ มีเงินสดอยู่ในมือประมาณ 6,000 - 7,000 ล้านบาท รวมทั้งล่าสุดยังได้รับอนุมัติวงเงินกู้ 200 ดอลลาร์จากธนาคาร 4 แห่ง เพื่อซื้อกิจการต่อยอดเกื้อหนุนธุรกิจ
|
|
|
|
|