ชิน คอร์ปฯ ส่วนแก้ปัญหาฟรีโฟลทผู้ถือหุ้นใหญ่รอจังหวะราคาเหมาะสมเหตุต้นทุนลงทุนหุ้น SHIN สูง ขณะปัจจุบันเทรดต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมถึง 24% ยันมีฐานะบริษัทสัญชาติไทย ชี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ "ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ " เป็นบริษัทไทย อ้างได้รับหนังสือรับรอง ตามพรบ.ต่างด้าว-พรบ.โทรคมนาคม ส่งผล "แอดวานซ์ อินโฟร์ " เดินหน้าประมูล-ลงทุน3 จีได้

นางสาวทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN เปิดเผยว่า บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นฯ ยังมีฐานะการเป็นบริษัทสัญชาติไทย ตามพระราชบัญญัติ(พรบ.)ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวปี 2524 และพรบ.โทรคมนาคมปี 2544 แก้ไขปี 2549 เพราะบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งถือหุ้นใหญ่ใน SHIN 54% นั้นเป็นคนไทย และบริษัทได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นบริษัทไทยอยู่ ดังนั้นการที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ ADVANC จะประมูลลงทุน 3จี นั้นยังคงสามารถทำได้ จึงไม่จำเป็นต้องนำหุ้นออกมาขายให้กับคนไทย

ทั้งนี้ ในเรื่องการแก้ไขปัญหาการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลท)ที่ยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯนั้นทางผู้ถือหุ้นใหญ่มีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดและราคาหุ้นว่าเหมาะสมที่ผู้ถือหุ้นใหญ่จะนำออกมาขายหรือไม่ เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่มีต้นทุนการลงทุนในหุ้น SHIN สูง โดยหากผู้ถือหุ้นใหญ่จะขายหุ้นออกมาฝ่ายบริหารพร้อมที่จะให้การสนับสนุน

สำหรับในเรื่องการลงทุนใหม่ ๆ ของบริษัทจะเป็นเรื่องการลงทุน 3 จี และบริษัทได้ตั้งหน่วยงานเกี่ยวกับการลงทุนขึ้นมา โดยจะเน้นลงทุนธุรกิจโทรคมนาคม และสื่อ หากมีความน่าสนใจบริษัทพร้อมที่จะเข้าไปลงทุน ด้านบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)หรือ THCOM ได้มีการออกหุ้นกู้ 7 พันล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้สกุลต่างประเทศนั้น จะทำให้จากนี้ไทยคมจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ไม่ติดปัญหาตามเงื่อนไขสัญญากับเจ้าหนี้ต่างประเทศ แต่จะจ่ายนั้นขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานบริษัท กระแสเงินสด และการลงทุน ซึ่งหากมีกระแสเงินสดสูง และไม่มีโครงการลงทุนบริษัทจะสามารถจ่ายปันผลได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าผลประกอบการปีหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ หากภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ประชาชนมีการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทจากที่บริษัทประกอบธุรกจิด้านการให้บริการ ส่วนราคาหุ้นของบริษัทที่มีการซื้อขายปัจจุบันที่ระดับ 26.75 บาทต่อหุ้น ถือว่ามีการซื้อขายที่ต่ำกว่าราคาตามมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทถึง 24% จากที่ราคาหุ้นตามมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทอยู่ที่ 35.21 บาทต่อหุ้น