|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ศึกสินค้าสำหรับผู้ชายร้อนฉ่า เมื่อนีเวียยอมทุ่ม 30 ล้านบาท เพื่อย้ำฐานะ 'เบอร์ 1 ตัวจริง' ผ่านหนังโฆษณา 'ผู้นำตัวจริงต้องพิสูจน์ได้' ด้วยตัวเลขส่วนแบ่ง 77% สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค หลังพบลอรีอัลเปิดเกมสวมบทผู้นำ ล่าสุดฉวยจังหวะครองแชมป์ต่อเนื่องนาน 4 ปี ในเซกเมนต์ไวท์เทนนิ่ง อัดโปรโมชั่น 1 แถม 1 หวังเอาใจลูกค้าและขยับการเติบโตขึ้นอีก 20% และนี่คือหมัดสวนจากนีเวียที่ต้องการต้อนลอรีอัลให้จนมุม
การแข่งขันในสมรภูมิสินค้าสำหรับผู้ชายในปีนี้ ดูท่าจะร้อนแรงส่งท้ายปีระลอกใหญ่ เมื่อผู้นำอย่างนีเวียขอทิ้งบอมบ์ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ที่ครั้งนี้ลงทุนเบาะๆ เพียง 30 ล้านบาท สำหรับการออนแอร์หนังโฆษณาชุด 'ผู้นำตัวจริง' ในช่วงเวลา 1-2 เดือนนี้ เพียงเพื่อโต้กลับคู่แข่งที่กล้าหยิบเรื่องความเป็นเบอร์ 1 มาเป็นจุดขายเช่นกัน
ทั้งนี้ หากเปิดดูหนังโฆษณาของผู้เล่นบนสังเวียนนี้ จะเห็นว่า ลอรีอัล เมน เอ็กซ์เพิร์ท น่าจะเป็นผู้เล่นที่นีเวียเอ่ยถึง เพราะหนังโฆษณาที่มี โดม-ปกรณ์ ลัม เป็นพรีเซนเตอร์ชุดล่าสุดให้กับตัว 'ไวท์ แอกทีฟ' ก็มีการเคลมเรื่องยอดขายอันดับ 1 เช่นกัน ขณะที่ผู้เล่นรายอื่นที่ตอนนี้มีอยู่ในตลาด 36 แบรนด์กลับไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก ไม่ว่าจะเป็นด้านโฆษณา หรือการออกสินค้าใหม่ก็ตาม ซึ่งตรงกับที่ผู้บริหารค่ายไบเออร์สด๊อรฟ บอกว่า ตอนนี้มีคู่แข่งเพียง 1 รายเท่านั้นที่ส่ง message ดังกล่าว
การส่ง message ผ่านหนังโฆษณาของลอรีอัล เมน เอ็กซ์เพิร์ท ถือได้ว่าเป็นความอาจหาญของผู้เล่นเบอร์ 2 รายนี้อย่างมาก เพราะหากพลิกไปดู ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าสำหรับผู้ชายมูลค่า 1,400 ล้านบาท จะพบว่า นีเวีย เป็นแบรนด์ที่อยู่ในฐานะแชมป์ ครองพื้นที่มากถึง 77% ขณะที่แบรนด์ลอรีอัลมีส่วนแบ่งเพียง 5.5% และซีทีอาร์แอล 4.9% ซึ่งหากมองจากตัวเลขดังกล่าว ชัดเจนว่าเป็นเรื่องยากที่คู่แข่งจะก้าวขึ้นมาเขย่าบัลลังก์ เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นผู้นำที่มีส่วนแบ่งทิ้งห่างเบอร์ 2 และ 3 แบบหลายช่วงตัวเท่านั้น นีเวียยังเป็นแบรนด์ที่พูดได้ว่าแกร่งในทุกหมวดสินค้าสำหรับผู้ชายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สินค้ากลุ่มดิโอโดแรนต์ กลุ่มมอยส์เจอไรเซอร์ หรือคลีนเซอร์ก็ตาม ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้นีเวียครองเบอร์ 1 ตลาดสินค้าสำหรับผู้ชายได้อย่างเหนียวแน่นนั้น คือ การเป็นผู้เล่นรายแรกที่พัฒนานวัตกรรมสำหรับผู้ชายออกสู่ตลาดเสมอ เช่น กลุ่มไวท์เทนนิ่ง, กลุ่มลดริ้วรอย, อาย ครีม หรือการลอนช์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชายในรูปแบบซาเช่ หรือแบบซอง เพื่อเจาะตลาดต่างจังหวัด นีเวียก็เป็นแบรนด์แรกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเจาะลึกลงไปในแต่ละเซกเมนต์ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเฟรชแคร์ของผู้ชาย ที่แบ่งออกเป็น กลุ่มทำความสะอาดผิวหน้า และกลุ่มมอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งทางเอซี นีลเส็น ได้ทำการสำรวจเก็บข้อมูล พบว่า นีเวียก็ยังอยู่ในฐานะผู้นำที่มีส่วนแบ่งประมาณ 68.4% และ 61% ตามลำดับ หรือหากแยกย่อยไปที่ตลาดมอยส์เจอไรเซอร์ ในเซกเมนต์ไวท์เทนนิ่ง การสำรวจครั้งล่าสุด (ม.ค.-ก.ย.52) ก็ยังระบุว่า นีเวียมีส่วนแบ่งสูงถึง 93.1% (ทั้งในช่องทางโมเดิร์นเทรดและเทรดดิชันนัลเทรด) ที่สำคัญยังเป็นการครองแชมป์นานติดกันถึง 4 ปีด้วย
แม้ว่าการเคลมยอดขายอันดับ 1 ของแบรนด์ลอรีอัลที่มี โดม-ปกรณ์ ลัม เป็นพรีเซนเตอร์ชุดล่าสุดนี้ จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของนีเวียก็ตาม แต่ ธนชัย ชัยกิตติวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายสินค้าสกินแคร์นีเวีย อธิบายเพิ่มเติมว่า บริษัทก็ต้องให้ความสำคัญ โดยต้องเร่งตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ ทั้งนี้เพราะแบรนด์มีผลต่อความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอันดับต้นๆ ของผู้บริโภค โดยปัจจุบันผู้ชายที่ตัดสินใจซื้อสกินแคร์ด้วยตนเองมีมากถึง 90% ดังนั้น ค่ายไบเออร์สด๊อรฟจึงลอนช์หนังโฆษณา 'ผู้นำตัวจริง' ที่พร้อมยืนยันตัวเลขยอดขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว กลุ่มไวท์เทนนิ่งสูงถึง 93% ซึ่งทำการสำรวจโดย เอซี นีลเส็น มาการันตีกับผู้บริโภคด้วย
การออกมาตอบโต้ของนีเวียในยกนี้ ดูเหมือนจะเป็นความตั้งใจต้อนคู่แข่งอย่างลอรีอัลให้จนมุม ชนิดที่ไม่สามารถหายใจหายคอได้สะดวก เพราะการนำตัวเลขยอดขายโดยระบุที่มาจาก เอซี นีลเส็น ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้การยอมรับในเรื่องการสำรวจและหาข้อมูล แน่นอนว่าย่อมสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
ทว่า การออกมาโต้ตอบของนีเวียที่มีการยกตัวเลขส่วนแบ่งมาชนกับลอรีอัลในครั้งนี้ จะเห็นว่าเป็นการโชว์ส่วนแบ่งในเชิงปริมาณ ขณะที่ความเป็นเบอร์ 1 ของลอรีอัลนั้น แหล่งข่าวจากค่ายลอรีอัล อธิบายว่า ยอดขายอันดับ 1 ที่สื่อสารออกมาหมายถึง ยอดขายเชิงมูลค่าที่มีมากสุด เมื่อเทียบกับผู้เล่นในตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเซกเมนต์ไวท์เทนนิ่งสำหรับผู้ชาย
ดังนั้น เพื่อไม่ให้คู่แข่งมีเวลาพักหายใจ พร้อมกับดึงความสนใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง นีเวียจึงปล่อยหมัดสอง ด้วยการอัดโปรโมชั่น 'ซื้อ 1 แถม 1' ออกมากระชากใจผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากคู่แข่งและกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยซื้อนีเวียมาก่อน แม้จะเป็นแคมเปญที่นีเวียหวังว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มการเติบโตสิ้นปีนี้อีก 20%
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านีเวียยังต้องการใช้แคมเปญนี้เป็นตัวสร้างแรงเหวี่ยงไปถึงลอรีอัลด้วย เพราะหากย้อนไปดูที่มาที่ไปของแคมเปญดังกล่าวจะเห็นว่า มาจากการฉลองความสำเร็จด้านยอดขายที่นีเวียครองอันดับ 1 นานติดต่อกัน 4 ปี ด้วยส่วนแบ่ง 93% ในเซกเมนต์ไวท์เทนนิ่ง
ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำของนีเวีย ที่แม้จะเจาะลึงลงไปที่เซกเมนต์ไวท์เทนนิ่ง นีเวียก็ยังอยู่ในฐานะผู้นำเช่นเดิม เรียกว่างานนี้นีเวียต้องการตีลอรีอัลซ้ำอีกรอบโดยจำกัดวงไปที่เซกเมนต์ไวท์เทนนิ่งเพื่อให้เห็นภาพของผู้นำตัวจริงแบบชัดเจนยิ่งขึ้น
|
|
|
|
|