|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ที่ผ่านมาความเคลื่อนไหวของการแข่งขันธุรกิจการให้บริการความบันเทิงแม้จะไม่หวือหวาเหมือนธุรกิจค้าปลีกทั่วไปก็ตาม ซึ่งน่าจะเกิดจากข้อจำกัดที่ธุรกิจความบันเทิงไม่สามารถใช้เงินท่องเที่ยวได้ทุกวัน กอปรกับมีสินค้าแบบเดิมๆ เปิดให้บริการซึ่งกว่าจะถึงเวลาเปลี่ยนใหม่ก็ต้องใช้เม็ดเงินลงทุนที่ค่อนข้างสูง ตลอดจนช่วงระยะเวลาในการประกอบติดตั้งที่ยาวนาน
ว่ากันว่ากลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวประเภทครอบครัวซึ่งเป็นเป้าหมายหลักกลับไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวประเภทให้ความบันเทิงกลับมีอยู่อย่างจำกัด ส่งผลให้คู่แข่งขันแต่ละค่ายต่างเตรียมความพร้อมเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดนี้เอาไว้ในมือให้ได้นานที่สุด
ณ วันนี้การเริ่มขับเคลื่อนและปรับทัพองค์กรต่างมีให้เห็นกันอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยเฉพาะธุรกิจสวนสนุกที่ดูจะมีสีสันมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงโอกาสที่จะสามารถโกยเงินได้ตลอดทั้งปี จึงไม่แปลกที่ปลายปี'52 จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของธุรกิจสวนสนุกออกมาพร้อมๆ กับอัดเม็ดเงินส่งเสริมการตลาด หวังดึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กลับเข้าไปใช้บริการ
หลายปีที่ผ่านมา 'สวนสยาม' นับเป็นธุรกิจที่โดนมรสุมถาโถมมากที่สุด แต่ในยามวิกฤตมักมีโอกาสเกิดขึ้นเสมอ...แม้ว่ายอดตัวเลขนักท่องเที่ยวจะวูบหายไปเกือบเท่าตัวก็ตาม แต่ความพยายามกอบกู้ชื่อเสียงให้กลับคืนมาของ ชัยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ผู้ก่อตั้งสวนสยามก็มิได้ท้อถอยแต่อย่างใด
การผุดเครื่องเล่นระดับโลกกว่า 10 ชนิด รวมถึงปรับปรุงพื้นที่บางส่วนให้เป็นดินแดนท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นในยุคของไดโนเสาร์ หรือแม้แต่ป่าแอฟริกาก็ยังถูกจำลองมาไว้ในสวนสยามกลายเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ถูกปรับเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมๆ
ปัจจุบันสวนสยามกำลังเปลี่ยนไป ด้วยโมเดลที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด (ยกเว้นสวนน้ำ) การปูพรมชูจุดขายใหม่ด้วยเครื่องเล่นจำนวนมากพร้อมสิ่งปลูกสร้างใหม่ที่ถูกเนรมิตออกมาไม่ทำร้ายธรรมชาติสิ่งแวดล้อม อาทิ แอฟริกา แอดเวนเจอร์ รวมถึงหลายส่วนในพื้นที่ต่างถูกหล่อหลอมให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้แบรนด์ใหม่ที่ใช้ชื่อว่า 'สยามปาร์คซิตี้'
ที่ผ่านมาแบรนด์ 'สวนสยาม'ถูกใช้มากว่า 27 ปี ภายใต้สโลแกนเดิมๆ คือทะเลกรุงเทพฯ แต่ในปัจจุบันการบริหารจัดการของทายาทรุ่น 2 ต่อจากชัยวัฒน์กำลังถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะมีภารกิจที่ต้องสร้างแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ 'สยามปาร์คซิตี้' ให้เป็นที่รู้จักไปพร้อมๆ กับปรับแผนการตลาดแบบเดิมๆ (ระบบครอบครัว) ไปสู่อินเตอร์
ช่วงระยะเวลา 3 ปีจากนี้ไป นับเป็นสิ่งท้าทายไม่น้อย สำหรับการปรับโฉมอย่างเต็มรูปแบบของ สวนสยาม ให้ก้าวไปสู่อินเตอร์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการหยิบจับเครื่องเล่นแต่ละชนิดมาใช้เป็นจุดขาย ถือเป็นกลยุทธ์ที่สวนสยามจะใช้นำร่องออกมาโปรโมตไปพร้อมๆ กับสวนน้ำ
ล่าสุด สิทธิศักดิ์ เหลืองอมรเลิศ ประธานกรรมการบริหาร และวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ประกาศร่วมกันพร้อมปรับแผนการตลาดใหม่ทั้งหมด โดยจ้างมืออาชีพจากบริษัทในประเทศสิงคโปร์ให้เป็นผู้วางแผนการตลาดและสร้างแบรนด์สวนสยามให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก หลังจากนั้นจึงเริ่มขยายตลาดไปในภูมิภาคเอเชีย
แม้ว่าตลาดสวนสนุกในเอเชียจะมีการแข่งขันกันสูงก็ตาม แต่สำหรับกลยุทธ์ของสวนสยาม ว่ากันว่ามองไปที่ตลาดใหม่ๆ ในเอเชีย โดยเบื้องต้นเน้นโฟกัสที่ประเทศจีน และอินเดีย ขณะที่ตลาดในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเข้าไปทำตลาดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาสวนสยามมีรายได้รวมปีละ 200 ล้านบาทเท่านั้น รายได้ส่วนใหญ่มาจากสวนน้ำที่ยังไม่ได้รับการโปรโมตเท่าไรนัก ซึ่งปีที่ผ่านมามีคนเข้ามาใช้บริการเพียงแค่ 2-3 ล้านคน และหลังจากที่ติดตั้งเครื่องเล่นครบ กอปรกับภาครัฐให้การสนับสนุนโปรโมตตลาดต่างประเทศ เชื่อว่าจะทำให้คนที่เข้ามาเที่ยวมีการใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท จากเดิมที่มีเพียง 200-300 บาท/คนเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้สวนสยามมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกมหาศาล
จึงไม่แปลกที่ผู้บริหารสวนสยามคาดว่าภายใน 5 ปี จะมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันมีเพียง 10% และปัจจุบันมีตลาดคนไทยตลอดปีประมาณกว่า 90% ที่เข้าไปใช้บริการในสวนสยาม อย่างไรก็ดี หลังจากปรับตัวครั้งใหญ่เชื่อว่าสวนสยามจะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 320 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในปี 2553 กลายเป็นปีที่สวนสยามเปิดเกมรุกตลาดมากขึ้น และสิ่งแรกที่จะเริ่มทำเพื่อกระตุ้นให้มีรายได้เข้าสู่บริษัทคือแผนการปรับโครงสร้างราคาตั๋วใหม่ในรอบ 20 ปี ด้วยการขายตั๋วราคาเดียว ผู้ใหญ่ราคา 600 บาท เด็ก 300 บาท เพื่อใช้เข้าสวนสนุกและเล่นเครื่องเล่นได้ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันตั๋วเข้าสวนสนุกอยู่ที่ 200 บาท เล่นเครื่องเล่นได้ 1 ชนิด ซื้อบัตรผ่านเว็บไซต์ราคา 500 บาท จากราคา 900 บาท และเด็กราคา 100 บาท เล่นเครื่องเล่นได้ทุกชนิด โดย 20 ปีก่อนบริษัทจำหน่ายตั๋วราคาเดียวมาแล้วที่ราคา 200 บาท
การปรับตัวของสวนสยามครั้งนี้ ว่ากันว่าน่าจะส่งผลให้กับธุรกิจสวนสนุกไม่น้อย โดยเฉพาะคู่แข่งขันที่ชัดเจนอย่าง ดรีมเวิลด์ ที่ออกมายอมรับว่าต้องเตรียมพร้อมปรับแผนการดำเนินงานจากนี้เป็นต้นไปออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการหยิบใช้กลยุทธ์เรื่องของราคาตั๋วเข้ามา พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรในการจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเป็นส่วนลด หวังกระตุ้นให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด เพื่อสร้างสีสันให้กับสวนสนุก โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซันแบบนี้
ล่าสุดสวนสนุกดรีมเวิลด์จัดรายการพิเศษ แฮปปี้เบิร์ธ แฮปปี้เดย์ โดยมอบสิทธิพิเศษให้กับผู้ที่เกิดเดือน พ.ย. ปีใดก็ได้เมื่อไปเที่ยวที่สวนสนุกดรีมเวิลด์ ตรงกับวันเกิดจะได้รับบัตรสนุกจุใจกับเครื่องเล่นกี่รอบก็ได้ ฟรีทันที 1 ใบ มูลค่า 440 บาท อาทิ สกายโคสเตอร์ เฮอริเคน แกรนด์แคนยอน ซูเปอร์สแปลช ไวกิ้ง เคเบิลคาร์ ฯลฯ
อำพล สุทธิเพียร กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการสวนสนุกดรีมเวิลด์ กล่าวว่า ยังมีเครื่องเล่นใหม่ยอดฮิตอย่าง 4D แอดแวนเจอร์ ซึ่งผู้ชมจะได้รับความสนุกจากแอนิเมชั่น 3 มิติ ทะลุจอที่สามารถรู้สึกและสัมผัสได้จริง ว่ากันว่ามีทั้งแบบผาดโผนที่รองรับกลุ่มวัยรุ่น และแบบตื่นตาตื่นใจในความแปลกใหม่และสวยงามของพรรณไม้ต่างๆ อย่าง สวนสี่ทวีป เพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ
การออกมาตอกย้ำแผนการตลาดที่สร้างความสำเร็จให้กับดรีมเวิลด์ครั้งนี้ กอปรกับปัจจุบันกระแสความต้องการของกลุ่มตลาดที่ชอบความท้าทายและความสนุกตื่นเต้นบนเครื่องเล่นแปลกใหม่จำนวนไม่น้อยเริ่มมีปริมาณเพิ่มขึ้น
เป็นที่สังเกตว่าแต่ละค่ายในธุรกิจสวนสนุกจะสร้างความโดดเด่นเฉพาะตัวขึ้นมา เพื่อต้องการที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งขาจรและขาประจำให้ได้มากที่สุด แน่นอนการสร้างกิจกรรมใหม่ๆ หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้สนใจจึงกลายเป็นยุทธวิธีที่จะถูกนำมาใช้มากที่สุดสำหรับธุรกิจบริการแบบนี้ รวมไปถึงกลยุทธ์ของแต่ละค่ายจึงจำเป็นต้องฉีกหนีคู่แข่งให้ได้มากที่สุดเช่นกัน
|
|
|
|
|