|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
PTTAR วาดฝันค่าการกลั่นรวม (GIM) ปี2553 ใกล้เคียงปีนี้ที่เฉลี่ย 5.5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่ทะลักเข้ามา แต่เชื่อว่าการปิดหรือลดกำลังการกลั่นในต่างประเทศจะทำให้แนฟธาที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตอะโรเมติกส์น้อยลง ส่งผลให้มาร์จินอะโรเมติกส์ดีอยู่ ตั้งงบลงทุน 5ปี 330 ล้านเหรียญสหรัฐส่วนใหญ่ลงทุนยูโร 4 ยันปตท.ได้รับผลกระทบมาบตาพุดไม่มากหากเดินหน้าโครงการไม่ได้ตามคำสั่งศาลฯ
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) เปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทคาดว่าค่าการกลั่นรวม (GIM) ไม่น้อยกว่าปีนี้ที่มี GIMเฉลี่ยเกิน5.5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ไม่ร่วมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันและเฮดจิ้ง แม้ว่าปี 2553 จะมีกำลังการใหม่จากตะวันออกกลางและจีนเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่แนฟธาซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอะโรเมติกส์ลดลง จากการลดกำลังการกลั่นของโรงกลั่นในญี่ปุ่นและโรงกลั่นในสหรัฐฯได้ปิดตัวลง ทำให้มาร์จินของอะโรเมติกส์ดีอยู่
ทั้งนี้ ประเมินว่าGIMในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 5.4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลใกล้เคียงไตรมาส 3/2552 เนื่องจากส่วนต่างมาร์จิน (สเปรด) ของเบนซีนเริ่มดีขึ้นจากช่วงปลายไตรมาส 3ที่หดลง โดยล่าสุด สเปรดพาราไซลีนอยู่ที่ 395เหรียญสหรัฐ/ตัน และเบนซีน177 เหรียญสหรัฐ/ตัน ต่ำกว่าไตรมาส 3เล็กน้อย แต่เชื่อว่าปลายปีนี้มาร์จินของน้ำมันดีเซลจะดีขึ้น เนื่องจากอากาศหนาวทำให้ความต้องการใช้ดีเซลสูงผนวกกับเศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้ค่าการกลั่นรวมเฉลี่ยไตรมาส 4 ยังดีอยู่
นายชายน้อยกล่าวว่า ในปีหน้าตามแผนงานบริษัทจะหยุดซ่อมบำรุงโรงอะโรเมติกส์ 1 โรง และโรงกลั่น 1โรง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะหยุดซ่อมบำรุงเพียงโรงเดียว เพราะไม่ต้องการหยุดซ่อมบำรุงซ้อนกัน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท ดังนั้น มีแนวโน้มที่จะเลื่อนการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นออกไปเป็นปี 2554 จากเดิมที่จะหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาส 4/2553 แต่จะพิจารณาประกอบกับการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นอื่นในประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำมันขาดตลาด ขณะเดียวกันบริษัทก็หาโอกาสป้องกันความเสี่ยง โดยการทำเฮดจิ้งส่วนต่างน้ำมันล่วงหน้า หลังจากปีนี้บริษัทมีกำไรจากการทำเฮดจิ้งเมื่อปลายปี 2551 ประมาณ 3,300 ล้านบาท โดยยอมรับว่าปีนี้บริษัทไม่ได้มีการทำเฮดจิ้งน้ำมันไว้ เว้นแต่น้ำมันเตา
แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะค่อยฟื้นตัวไม่โตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ ยังสูงอยู่ ทำให้ราคาน้ำมันโอกาสปรับขึ้นสูงมากคงไม่เกิดขึ้น โดยกลุ่มปตท.ประเมินว่าราคาน้ำมันในปีหน้าเฉลี่ยอยู่ที่ 72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่บริษัทฯประเมินตัวเลขราคาน้ำมันไว้ที่ 75 เหรียญสหรัฐ
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปีนี้ (2553-2557) บริษัทจะใช้เงิน 330 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.15 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยุโรป (ยูโร 4 )ใช้เงิน 220 ล้านเหรียญสหรัฐ และใช้ซ่อมบำรุงโรงงานเฉลี่ยปีละ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งโครงการยูโร 4 อยู่ระหว่างการออกแบบและสั่งซื้ออุปกรณ์ต่างๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2554 เพื่อให้ทันการบังคับใช้ตามกฎหมายในต้นปี 2555
|
|
|
|
|