Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน18 พฤศจิกายน 2552
ทองทุบสถิติกูรูแนะลงทุนได้ถ้ากล้าเสี่ยง             
 


   
search resources

Jewelry and Gold




เอเอฟพี/วอชิงตัน/ASTVผู้จัดการรายวัน

ราคาทองคำยังพุ่งรับเงินดอลลาร์อ่อนค่า ล่าสุด ทำสถิติใหม่ 1,143.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านไอเอ็มเอฟแถลง ขายทองคำ 2 ตันให้ธนาคารกลางมอริเชียสอีก 71.7 ล้านดอลลาร์ ส่งสัญญาณประเทศเกิดใหม่สำรองทองคำเพิ่ม ขณะที่เฟดประกาศคงดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ กดดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงอีก ส่วนราคาทองคำในประเทศ ทุบสถิติเช่นกัน โดยทองรูปพรรณราคาพุ่งแตะ 18,300 บาท นักวิเคราะห์กองทุนรวมแนะ ใครกล้าเสี่ยงยังลงทุนได้

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ราคาทองคำในตลาดโลกทะยานทำสถิติใหม่อีกแล้ว เมื่อเปิดตลาดฮ่องกงวานนี้ (17) ในระดับ 1,140.00 – 1,141.00 ต่อออนซ์ ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 1,137 -1,138 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งปรับเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (16 พ.ย.52) ที่ระดับ 1,131 -1,132 ดอลลาร์/ออนซ์

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ราคาทองขยับขึ้นต่อนั้น สืบเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนตัว ทำให้นักลงทุนและนักเก็งกำไรจำนวนมากยังคงทำ “carry trade”

ทั้งนี้ ธุรกรรม“แคร์รี เทรด” ที่นิยมทำกันขณะนี้ ก็คือ การกู้ยืมเป็นสกุลดอลลาร์ ซึ่งกำลังมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเรื่อยๆ และอัตราดอกเบี้ยก็ต่ำสุดๆ อันหมายถึงต้นทุนการกู้ยืมจะถูกมากๆ แล้วก็นำเอาเงินกู้ดังกล่าวไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงมากกว่าแต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งในเวลานี้ที่นิยมกันก็คือสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ และน้ำมัน

นอกจากนี้ ราคาทองคำวานนี้ ยังได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขการเติบโตของจีดีพีญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ที่แถลงกันออกมาเมื่อวันจันทร์(16) ซึ่งปรากฏว่าแข็งแกร่งกว่าที่คาดหมายกัน ตลอดจนข่าวที่ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แถลงในวันจันทร์เช่นกันว่า ได้ขายทองคำจำนวน 2 ตันให้แก่ธนาคารกลางของประเทศมอริเชียส เป็นมูลค่า 71.7 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ตอนต้นเดือนนี้ได้ขายทองคำ 200 ตันเป็นมูลค่า 6,700 ล้านดอลลาร์ ให้แก่ธนาคารกลางของอินเดียไปแล้ว

ทั้งนี้ ตลาดมีความสนุกสนานกับการคาดเก็งว่าประเทศต่างๆ จะเทขายเงินดอลลาร์ที่มีอยู่ในทุนสำรอง และหันมาซื้อหาทองคำกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผลจากการซื้อทองคำ 2 เมตริกตันจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มูลค่าประมาณ 71.7 ล้านดอลลาร์ของธนาคารกลางมอริเชียสในครั้งนี้ ได้ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะเพิ่มสำรองทองคำและแห่ซื้อทองคำ ในขณะที่ราคาโลหะมีค่านั้นซื้อขายกันอยู่ใกล้ระดับสูงเป็นประวัติการณ์เนื่องจากเงินดอลลาร์ร่วงลง

สำหรับทองคำที่ขายให้กับธนาคารกลางมอริเชียสนั้น คำนวณบนฐานราคาตลาดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งราคาทองสปอตในวันดังกล่าวซื้อขายกันอยู่ในช่วง 1,105.66 – 1,118.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไอเอ็มเอฟระบุว่า พร้อมที่จะขายทองให้กับธนาคารกลางประเทศต่างๆโดยตรง รวมทั้งการขายในตลาดเปิดหากพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งในปัจจุบัน ไอเอ็มเอฟถือครองทองคำอยู่ราว 3,000 ตัน มากสุดเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐ และเยอรมนี ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟวางแผนที่จะขายทองคำ 403.3 เมตริกตัน เพื่อพยุงสถานะทางการเงินขององค์กร

นายเอวี ฮัมโบร ผู้บริหารของแบล็คร็อค อินเวสเมนท์ เมเนจเมนท์ กล่าวว่า ประเทศที่ถือทองคำอยู่ในคลังสำรองคงจะหันมาสนใจซื้อทองคำกันอีกครั้ง

ขณะที่เชน โอลิเวอร์ หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์การลงทุนของเอเอ็มพี แคปิตอล อินเวสเตอร์ส กล่าวว่า การซื้อทองคำของธนาคารกลางมอริเชียสครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ว่า ธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่กำลังหาทางเพิ่มทุนสำรองต่างประเทศในรูปของทองคำ

เขากล่าวต่อไปว่า เงินดอลลาร์สหรัฐยังมีความผันผวนอยู่มาก และตอนนี้นักลงทุนก็ไม่ได้มีความมั่นใจในสกุลเงินใดๆมากนัก ทองคำจึงเป็นทางเลือกในขณะนี้

ทั้งนี้ ประเทศในแถบเอเชีย ซึ่งมีสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมากนับตั้งที่เกิดวิกฤตการเงินนั้น ได้แสดงความสนใจที่จะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์นอกเหนือจากสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมากยิ่งขึ้น

รายงาข่าวระบุว่า เมื่อวานก่อน (16 พ.ย.) ราคาทองในตลาดโลก ทำสถิติใหม่อีกครั้ง หลังจากราคาขึ้นไปแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1,143.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ราคาทองคำในปีนี้ ได้ทะยานขึ้นไปแล้ว 29% หลังจากที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และนักลงทุนพยายามที่จะรักษาความมั่งคั่งของตนเองเอาไว้

เฟดส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยต่อ

นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวปาฐกถาในที่ประชุมสมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์กเมื่อคือวันที่ 16 พ.ย. ตามเวลาประเทศไทยว่า เฟดจะติดตามดูสถานการณ์ค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในเวลานี้ แต่เบอร์นันเก้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น

“เฟดมีแนวโน้มที่จะดำเนินการบางอย่างเพื่อปรับมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเราติดตามดูสถานการณ์เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าอยู่ในเวลานี้อย่างใกล้ชิด เพราะดอลลาร์ที่อ่อนค่ากำลังส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งในอีกด้านหนึ่งนั้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นอาจสะท้อนถึงการฟื้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ” เบอร์นันเก้กล่าว

เบอร์นันเก้กล่าวว่า แม้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น แต่ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ทั้งนี้ การที่เบอร์นันเก้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ต่อไปอีกนั้น ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และทำให้สัญญาทองคำตลาด COMEX ทะยานขึ้น 22.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,139.20 ดอลลาร์/ออนซ์ อีกทั้งหนุนสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้น 2.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.90 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา

ทองรูปพรรณทุบสถิติบาทละ18,300

ด้านสมาคมค้าทองคำรายงาน ราคาทองคำประจำวันที่ 17 พ.ย. 2552 ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 17,750 บาท ขายออกบาทละ 17,850 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 17,494.64 บาท ขายออกบาทละ18,250 บาท ทั้งนี้ ในส่วนของราคาซื้อขายทองรูปพรรณ ระหว่างวันราคาปรับขึ้นไปทุบสถิติใหม่อีกครั้งที่ 18,300 บาท ก่อนจะปรับลดลงมา 2 ครั้ง มาอยู่ที่ 18,250 บาท และ 18,200 บาทตามลำดับ ก่อนจะเด้งขึ้นมาปิดที่ 18,250 บาท

กูรูแนะลงทุนได้ถ้ากล้าเสี่ยง

นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่มั่นคง เราจึงยังคงแนะนำให้ลงทุนกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างตราสารหนี้ และกองทุนตลาดเงินต่อไป เนื่องจากภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวยังคงเปราะบางมีความเสี่ยงสูงอยู่ โดยกองทุนตราสารหนี้ที่แนะนำยังคงเป็น TMBCB และกองทุนตลาดเงิน PCASH ทั้งนี้ เนื่องจากทั้ง 2 กองทุนยังมีผลการดำเนินงานที่สูงกว่าเงินฝากประจำ และสินทรัพย์ส่วนใหญ่ยังคงเป็นพันธบัตรรัฐบาล และเงินฝากสถาบันการเงินกว่า 96% ของพอร์ตการลงทุนซึ่งได้รับการค้ำประกัน และที่เหลือจำนวนไม่มากอีก 3.14% เป็นตั๋วแลกเงินของสถาบันการเงิน

อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนต้องการลงทุนในส่วนของสินทรัพย์เสี่ยง ยังแนะนำการลงทุนในทองคำ โดยมีปัจจัยแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และความต้องการทองคำของธนาคารกลางในหลายประเทศเป็นปัจจัยสนับสนุน ซึ่งกองทุนทองคำที่เราแนะนำคือ ASP-GOLD และ K-GOLD โดยมีกองทุนทองคำกองใหม่ล่าสุดอย่าง PGOLD เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนระยะยาวมีจุดเด่นที่แตกต่างจากกองทุนทองคำกองอื่น คือการลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพื่อใช้ในการบริหารความเสี่ยง

ทั้งนี้ แนวโน้มราคาทองคำเอง ยังคงได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ปรับตัวลดลง จากยอดขาดดุลการค้าที่พุ่งขึ้น 18.2% ในเดือน ก.ย. ขณะที่ราคาทองคำพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ 1,122.85 เหรียญสหรัฐฯ และยังมีปัจจัยหนุนจากความต้องการทองคำของธนาคารกลางประเทศต่างๆ อีกด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us