Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน16 พฤศจิกายน 2552
เก็งกำไรทองระวังฟองสบู่แตก             
 


   
search resources

Jewelry and Gold




ราคาทองคำขึ้นแรงจัด จนหลายฝ่ายเริ่มกังวลอาจเกิดภาวะวิกฤตฟองสบู่แตก กูรู-ร้านทองยอมรับมีโอกาสเกิดขึ้นจริง แต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่ราคายังขึ้นแบบขั้นบันใด ไม่ได้พุ่งดั่งพุล ส่วนปีหน้ามีลุ้น แนะจับสัญญาณดอลลาร์แข็งค่า และระวังเฮดจ์ฟันด์เทขายทำกำไร ดัมพ์ราคาร่วงเหมือนน้ำมันในช่วงก่อนหน้า แต่ระยะสั้นปรับลงแน่เล็กน้อยหลังขึ้นแรงมาหลายสัปดาห์

นาย อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ กรรมการและประธานบริหารความเสี่ยงธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ในปี 2553 เศรษฐกิจโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังอ่อนค่าลงอย่างไม่ถึงจุดสิ้นสุด อีกทั้งยังเจอแรงกดดันจากภาวะอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงปัญหาสภาพคล่องล้นระบบด้วย

โดยในส่วนของเม็ดเงินที่ล้นอยู่ในสภาพคล่อง พบว่า กลับไม่ไหลเข้าไปในตลาดหุ้นมากนัก แต่กลับเบนเป้าไปสู่ทองคำ และน้ำมันมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงอยู่ในขณะนี้ จนเริ่มมีความกังวลว่าหากราคายังขยับตัวขึ้นไปเรื่อยๆ ตามแรงเก็งกำไรมากกว่าความต้องการจริง ทำให้ปัญหาฟองสบู่แตกที่ตลาดทองคำอาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งคาดว่าอาจเกิดขึ้นในช่วง 1 ปี หรืออีก 1ปีครึ่งข้างหน้านี้ โดยต้องจับตาดูค่าเงินดอลลาร์ให้ดี เพราะหากเริ่มกลับขึ้นมาแข็งขึ้นก็เหมือนเป็นสัญญาณ

**ทองคำมีโอกาสฟองสบู่แตก

ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้บริหารร้านทองรายใหญ่อย่าง นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ และผู้บริหารร้านทองเลี่ยงเส็งเฮง กล่าวว่า โอกาสการเกิดภาวะฟองสบู่ก็มีความเป็นไปได้ถึง 60% เพราะราคาทองคำที่ปรับขึ้นในช่วงนี้ นับว่าเกินกว่าราคาจริงอยู่มาก โดยส่วนใหญ่มาจากทองกระดาษมากกว่าการเข้าลงทุนในทองคำแท่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก

ขณะเดียวกัน ตอนนี้ทั่วโลก เริ่มมีความกังวลภาวะต่อภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้น และตลาดอสังหาริมทัพย์ ที่อาจเกิดขึ้นโดยเฉพาะประเทศในเอเชียอย่าง จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ รวมทั้งในตลาดหุ้นวอลสตรีทของสหรัฐฯ ทั้งนี้เพราะราคาหุ้นสูงขึ้นเกินเหตุ แต่อัตราการว่างงานกลับเพิ่มขึ้นสวนทางตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ความต้องการบริโภคทองคำจริงๆไม่ได้มากขึ้น แม้ล่าสุดการขายทองของไอเอ็มเอฟให้อินเดีย จะสร้างความกังวลว่าทองคำอาจขาดตลาด รวมถึงกรณีที่ศรีลังกาได้ออกมาประกาศว่าจะซื้อจากไอเอ็มเอฟ และการที่เวียดนามออกมาประกาศว่า จะเปิดให้มีการจัดตั้งบริษัทนำเข้าทองคำ เพื่อนำมาถ่วงดุลราคาทองคำในประเทศที่ผันผวนสูง และแก้ปัญหาการลักลอบนำทองคำเข้ามาจากนอกประเทศก็ตาม

**ระวังเฮดจ์ฟันด์เทขาย

ดังนั้น สิ่งที่ผู้ลงทุนทองคำต้องจับตาเป็นพิเศษ คือการทำกำไรของบรรดากองทุน เพราะเมื่อราคาทองได้ระดับที่เหมาะสมแล้วก็จะเกิดแรงเทขายทำกำไรเพื่อปรับฐานแน่ หลังจากก่อนหน้านี้ ครั้งล่าสุดที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ ปรับฐานโดยปล่อยขายทำกำไร ราคาในช่วงนั้นอยู่ที่ 950 เหรียญ/ออนซ์ โดยตอนแรกมองว่าน่าจะเกิดขึ้นภายในปลายปีนี้ แต่ด้วยเวลาที่เหลืออยู่ไม่มาก และติดกับมีช่วงวันหยุดเทศกาลเยอะ ดังนั้นโอกาสในการปรับตัวลดลงของราคาทองคำน่าจะเป็นปี 2553 มากกว่า

ส่วนสภาพคล่องที่ล้นระบบขณะนี้ เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ถือเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ราคาทองปรับขึ้นมาด้วยเช่นกัน เพราะเม็ดเงินที่รัฐบาลสหรัฐ และประเทศต่างๆอัดฉีดเข้ามา ไม่ได้อยู่หรือมาถึงผู้บริโภค แต่ไปอยู่ในสถาบันการเงิน จึงเกิดการโยกย้ายเข้าสู่สินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า เมื่ออัตราดอกเบี้ยอยุ่ในระดัยที่ต่ำมาก

“ราคาทองคำจริง ไม่นับการเก็งกำไร น่าจะอยู่ที่ 13,000 – 14,000 บาท โดยตลาดทองทั่วโลกน่ารับได้ที่ 850-950 เหรียญ/ออนซ์”

**ยืนยันตอนนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง

นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ กรรมการสมาคมทองคำ และประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทห้างทองแม่ทองสุก ให้ความเห็นว่า มีโอกาสเช่นกันที่ราคาทองคำอาจเกิดฟองสบู่ขึ้นได้ในอนาคต โดยตอลดช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองเพิ่มขึ้นสูงมากถึง 50 -60 เหรียญ/ออนซ์ แต่ยังไม่ใช่ภาวะฟองสบู่อย่างที่เริ่มมีคนกังวลกัน

เพราะจุดสังเกตุว่าราคาทองคำจะเกิดวิกฤตฟองสบู่ได้ต้องดูจาก ราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงอย่างแรงและต่อเนื่อง เหมือนเช่นราคาน้ำมันในช่วงก่อนหน้านี้ที่ขยับตัวขึ้นไปแตะ 140 เหรียญ/บาร์เรลอย่างรวดเร็ว และพอฟองสบู่แตกก็ร่วงลงมาอยู่ 60 เหรียญ/บาร์เรล

แต่ราคาทองคำในขณะนี้ไม่ได้เป็นอย่างนี้ โดยหากให้วิเคราะห์ทางเทคนิคจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำเป็นไปในลักษณะขณะขั้นบันใด คือปรับตัวเพิ่มและมีการพักฐานก่อนปรับตัวสูงขึ้นไปอีกในระดับต่อไป จึงมองว่าปัญหาในเรื่องนี้ยังไม่น่ากังวล และยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้อย่างที่หลายคนกังวล

“หากสังเกตดูจะเห็นว่าราคาขยับขึ้นมาที่ละขั้นเริ่มจาก 990 เหรียญ มาเป็น 1,000 เหรียญ และก็ปรับขึ้นมาเป็น 1,050 เหรียญ ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นไม่หยุดหรือไม่มีจุดพักฐานของราคาแต่อย่างใด แม้จะแรงกดดันจากการเก็งกำไรของราคาเข้ามามีส่วนร่วม ตัวอย่างง่ายๆ ก็ต้องดูช่วงราคามันก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวสูงมาก และก็ดิ่งลงแรง นั่นก็มาจากฟองสบู่นั่นเอง”

**คาดมีปรับฐานระยะสั้นก่อน

นายธิติ ธาราสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาร์ต มาสเตอร์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมด้านการลงทุนในตลาดทุนและตลาดอนุพันธ์ กล่าวว่า จากที่คอยติดตามดูกราฟราคาทองมาก็เริ่มรู้สึกเช่นกัน ว่าราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นมากแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดสูงสุด ซึ่งเป็นการผันผวนที่ตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์ แต่ส่วนตัวยังไม่เชื่อว่าราคาทองจะเกิด Panicเร็วในช่วงนี้ แต่ยอมรับว่าจะมีการพักฐานหรือปรับตัวลงมาบ้าง ตามการโยกย้ายเงินทุนของนักเก็งกำไร ในยามที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นมา ซึ่งถือเป็นการขายทำกำไรของนักลงทุนนั่นเอง แต่จะไม่ต่ำกว่า 17,000 บาท

“ราคาทองคำมีโอกาสเกิดภาวะฟองสบู่แตกได้เช่นกัน แต่ยังมาไม่ถึง หากดูทางเทคนิคกราฟมันบ่งชี้ว่ายังมีโอกาสขยับไปถึง 1,124 เหรียญ/ออนซ์ แต่มันเป็นคลื่นที่ 5 หรือคลื่นสุดท้ายในการขึ้นของทองคำในรอบนี้ ราคาจึงย่อมลดลงแต่ไม่มาก โดยเป็นไปในระยะสั้น ทั้งหนี้มองว่าหากหลุด 1,063 เหรียญ จะลงมาอยู่ที่ 1,000 เหรียญ หรือต่ำกว่า”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us