ผลิตไฟฟ้า แจ้งผลงานไตรมาส 3 ปีนี้กำไร 2,013.10 ล้านบาท ขยับจากปีก่อนเล็กน้อยที่ทำไว้ 2,011.36 ล้านบาท ส่วน 9 เดือนแรกหากไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนกำไรและรายได้ตก จากการลดลงของรายได้ค่าไฟฟ้า
นางพิกุล ศรีศาสตรา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงินและบริการองค์กร บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO แจ้งงบการเงินไตรมาส 3 ปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 2,013.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,011.36 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนปีนี้กลุ่ม EGCO มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 6,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 387 ล้านบาท หรือ 6 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 51 และหากไม่คำนึงถึงผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกลุ่มเอ็กโกจะมีกำไร 6,310 ล้านบาท ลดลง 144 ล้านบาทหรือ 2% จากการลดลงของรายได้ค่าไฟฟ้า บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด ( บฟข. ) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าระยอง จำกัด ( บฟร. ) จากอัตราค่าไฟที่ลดลงอีกทั้ง รายได้ค่าบริการของ บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ( เอสโก) ก็ลดลงด้วย
โดยหากคำนึงถึงผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการแข็งค่าของเงินบาท กำไรของกลุ่ม จะเป็น 6,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 387 ล้านบาท หรื 6 % ซึ่งกลุ่มเอ็กโกมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 346 ล้านบาทขณะช่วงเดียวกัน ปี 51 ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 185 ล้านบาท
ส่วนกำไรขั้นต้น 9 เดือนแรกปีนี้มี 2,741 ล้านบาท ลดลง 858 ล้านบาท หรือ 24 % อันเป็นผลจากรายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟข. ที่ลดลงจากอัตราค่าไฟซึ่งเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และรายได้ค่าบริการของ เอสโก ที่ลดลงจากการให้บริการบำรุงรักษาและรายได้จากการขายอุปกรณ์เครื่องจักรในการผลิตไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าต่างประเทศลดลง
สำหรับ มีรายได้รวม 9 เดือนปีนี้ EGCO และบริษัทย่อย ที่ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนของกลุ่มเอ็กโก (FX) และกำไรสุทธิของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (MI) มี 7,109 ล้านบาท ลดลง 1,143 ล้านบาท หรือ 14 % แบ่งเป็นรายได้เฉพาะ EGCO 215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21 ล้านบาท หรือ 11% ส่วนใหญ่เกิดจากเงินปันผลรับจาก บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW ที่เพิ่มขึ้น 31 ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจไอพีพี 4,622 ล้านบาท ลดลง 905 ล้านบาท หรือ 16% และรายได้จากธุรกิจ เอสพีพี มี 1,674 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18 ล้านบาทหรือ 1% ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมของ EGCO และบริษัทย่อย 5,719 ล้านบาท ลดลง 304 ล้านบาท หรือ 5 % ขณะมีส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า 5,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 693 ล้านบาท หรือ 16 %
|