Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน11 พฤศจิกายน 2552
คนกรุงแชมป์หนี้พุ่ง 1.8 แสนต่อครัว โชคดีกู้เถื่อนไม่มาก             
 


   
search resources

Economics




เผย กทม.-ปริมณฑลมีหนี้สินสูงสุดเฉลี่ย 188,404 บาทต่อครัวเรือน ส่วนยอดรวมทั้งประเทศ 133,293 บาท ยังดีที่หนี้ในระบบสูงกว่านอกระบบถึง 21 เท่า ด้านกรุงเทพโพลชี้ 80% ประชาชนหนุนรัฐแก้หนี้นอกระบบ

นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงาน ครม. โดยเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ ค่าใช้จ่าย ภาวะหนี้สินและทรัพย์สินของครัวเรือน ตลอดจนลักษณะที่อยู่อาศัย โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลทุกเดือนจากครัวเรือนทั่วประเทศ จากตัวอย่างครัวเรือน 26,000 ครัวเรือน พบว่า รายได้ครัวเรือน ปี 2552 ทั้งประเทศมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 21,135 บาท ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการทำงาน (ร้อยละ 72.2) ซึ่งได้แก่ ค่าจ้างเงินเดือน (ร้อยละ 40.2) จากการทำธุรกิจ (ร้อยละ 20) และจากการทำการเกษตร (ร้อยละ 12) และมีรายได้ที่ไม่เกิดจากการทำงาน เช่น เงินที่ได้รับจากการช่วยเหลือจากบุคคลอื่นนอกครัวเรือน/รัฐ (ร้อยละ 10.3) รายได้จากทรัพย์สิน เช่น ดอกเบี้ย (ร้อยละ 1.5) นอกจากนั้นยังมีรายได้ในรูปแบบสวัสดิการ/สินค้าและบริการต่าง ๆ (ร้อยละ 14.3)

ส่วนค่าใช้จ่าย ใน 6 เดือน พบว่า มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 16,225 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ร้อยละ 33.5 เป็นค่าอาหารและเครื่องดื่ม (ซึ่งมีค่าเครื่องดื่มที่เป็นแฮลกอฮอล์ร้อยละ 1.5) รองลงมาเป็นค่าที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ภายในบ้าน (ร้อยละ 20.5) ใช้เกี่ยวกับการเดินทางและยานพาหนะ (ร้อยละ 17.5) ใช้ส่วนบุคคล/เครื่องนุ่งห่ม/รองเท้า (ร้อยละ 5.5) ในการสื่อสารร้อยละ 3.2 และใช้ในการบันเทิง/จัดงานพิธี ใช้ในการศึกษาค่าเวชภัณฑ์/ค่ารักษาพยาบาล ประมาณร้อยละ 2-2.5 กิจกรรมทางศาสนามีเพียงร้อยละ 1.1 แต่ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค เช่น ค่าภาษี ของขวัญ เบี้ยประกันภัย ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 12.1

"ครัวเรือนมีหนี้สิน ร้อยละ 61.8 โดยมีจำนวนหนี้สินเฉลี่ย 133,293 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่ร้อยละ 68.8 เป็นการก่อหนี้เพื่อใช้ในครัวเรือนคือ ซื้อบ้าน/ที่ดิน ร้อยละ 36.3 ใช้ในการอุปโภคบริโภคร้อยละ 29.7 และหนี้ที่ใช้ในการศึกษามีเพียงร้อยละ 2.8 เท่านั้น สำหรับหนี้สินเพื่อทำการเกษตรและทำธุรกิจมีใกล้เคียงกันประมาณร้อยละ 14.8" รองโฆษกฯกล่าวและว่า ครัวเรือนที่มีหนี้ในระบบ และนอกระบบปี 52 ใน 6 เดือน พบว่า ส่วนใหญ่ครัวเรือนเป็นหนี้สินในระบบ โดยเป็นครัวเรือนที่มีหนี้สินในระบบอย่างเดียวร้อยละ 82.9 และเป็นครัวเรือนที่มีหนี้ทั้งในและนอกระบบร้อยละ 9.7 สำหรับครัวเรือนที่มีหนี้นอกระบบอย่างเดียว มีเพียงร้อยละ 7.4

“จำนวนเงินเฉลี่ยที่เป็นหนี้ในระบบสูงกว่านอกระบบ ถึง 21 เท่า คือ เป็นหนี้ในระบบเฉลี่ย 127,152 บาท และเป็นหนี้นอกระบบเฉลี่ย 6,140 บาทต่อครัวเรือน” นพ.ภูมินทร์กล่าว

**คนกรุงสูงสุด 1.8 แสนบาท/ครัวเรือน

เมื่อแบ่งเป็นรายภาค กรุงเทพฯและปริมณฑล มีรายได้ต่อครัวเรือนเฉลี่ยสูงกว่าภาคอื่นมาก คือ 36,745 บาท โดยมีค่าใช้จ่ายและจำนวนหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนสูงสุดเช่นเดียวกัน คือค่าใช้จ่าย 27,636 บาทต่อครัวเรือน และหนี้สิน 188,404 บาทต่อครัวเรือน ขณะที่ครัวเรือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้สูงสุดถึงร้อยละ 81.5 ทำให้มีเงินออมหรือชำระหนี้ได้น้อยกว่าภาคอื่น ๆ ทั้งนี้พบว่า ครัวเรือนทีมีอาชีพนัดวิชาการ นักบริหาร ผู้ปฏิบัติวิชาชีพยังมีรายได้เฉลี่ยสูงสุดที่ 48,838 บาท แต่ก็พบว่ามีรายจ่ายสูงและหนี้สูงตามมา ขณะที่ครัวเรือนเกษตรกรรม ประมง ป่าไม้ ล่าสัตว์หาของป่ามีรายได้เฉลี่ย 9,073บาท

“ยังพบว่า ตั้งแต่2543 ถึงปี 2552 ครัวเรือนมีรายได้และร่ายจ่ายสูงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีรายได้เพิ่มจาก 12,150 เป็น 21,135 บาท และมีรายจ่ายเพิ่มจาก 9,848 เป็น 16,255 บาทตามลำดับ ขณะที่พบว่า หนี้สินต่อรายได้ในปี 2547 จะสูงสุดเมื่อเทียบกับปีอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตามพบว่ามีแนวโน้มลดลงตามลำดับจาก 7 เท่า เป็น 6.3 เท่า ในปี 2550 และทรงตัวในปี 2552”

**โพลหนุนรัฐแก้หนี้นอกระบบ

กรุงเทพโพลระบุ ประชาชนกว่าร้อยละ 79 เห็นด้วยกับโครงการแก้หนี้นอกระบบของรัฐฯ ส่วนการแก้ปัญหาร้อยละ 51.2 แนะให้รู้จักการวางแผนใช้เงิน ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพทำการสำรวจประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,416 คน ระหว่างวันที่ 7-9 พ.ย.ที่ผ่านมา หัวข้อ “รัฐบาลกับการพยุงหนี้นอกระบบ” พบว่าคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลร้อยละ 79 เห็นด้วยกับโครงการพยุงหนี้นอกระบบของรัฐบาล แม้ส่วนใหญ่จะเห็นว่าการรู้จักวางแผนใช้จ่ายอย่างเหมาะสมไม่ฟุ่มเฟือย เป็นทางแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่ดีที่สุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us