Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน11 พฤศจิกายน 2552
CENลุยตลาดต่างแดนแตกพาร์หุ้นเหลือ1บาท             
 


   
search resources

Construction
วุฒิชัย ลีนะบรรจง
แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค, บมจ.




“แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง” คาดปีหน้ากำไรสุทธิ 100 ล้านบาท รายได้โต 15% หรือ 2,000 ล้านบาท “วุฒิชัย ลีนะบรรจง” คุยปีนี้กำไรเสมอตัวหลัง9 เดือน ขาดทุน แต่ไตรมาส 4เศรษฐกิจฟื้นดันธุรกิจบริษัทย่อยสดใส ตั้งเป้าปี 53 งบลงทุน 300 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตสินค้าใหม่ รุกตลาดต่างประเทศ และเทกโอเวอร์บริษัทก่อสร้าง ส่วนพอร์ตลงทุนหุ้น เน้นหุ้นพื้นฐานดี ไม่เอาหุ้นเก็งกำไร พร้อมดัน 2 บริษัทย่อย เข้าตลาด ล่าสุดแตกพาร์หุ้นจาก 5 บาท เหลือ 1 บาท หวังดันสภาพคล่องเพิ่ม

นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ CEN ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 2553จะเพิ่มขึ้น ไม่ต่ำกว่า15% หรืออยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 1,600 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ของบริษัทย่อย 3 แห่ง ซึ่งยังไม่รวมกับการได้รับชำระหนี้ในช่วงปลายปีหน้าอีก 150 ล้านบาท แบ่งเป็น มาจาก บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลวดเหล็กแรงดึงสูง จำนวน 800 ล้านบาท บริษัทเอื้อวิทยา จำกัด ซึ่งทำธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายโครงเหล็กชุบสังกะสี

สำหรับเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เสาโทรคมนาคม และโครงเหล็กสถานีไฟฟ้าย่อย มูลค่า 800 ล้านบาท และบริษัท เอ็นเนซอล ซึ่งทำธุรกิจบริหารจัดการพลังงาน มูลค่า 200 ล้านบาท

"รายได้ของบริษัทในปีหน้าเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นและจากการที่รัฐบาลมีการลงทุนตามโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทย่อยของบริษัทคือ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ อย่างมาก เพราะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลวดเหล็กแรงดึงสูง ซึ่งเป็นวัสดุที่สำคัญในงานก่อสร้างต่างๆ ขณะที่บริษัทเอื้อวิทยา จะมีการเปิดประมูลโครงการใหม่ๆอย่างต่อเนื่องคิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะชนะงานประมูลกว่า 40-50%ของมูลค่างาน ส่วน บริษัทเอ็นเนซอล จะมีการหาลูกค้ารายใหม่อีก 4-5 จากปัจจุบันที่มี 1 แห่ง เท่านั้น"

นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะจำหน่ายสินค้าไปต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการในประเทศลิเบีย ในการส่งสินค้าไปจำหน่ายและคาดว่าจะส่งไปจำหน่ายได้ภายในปีหน้า และได้ให้บริษัทเอื้อวิทยา เข้าไปร่วมกับบริษัทพันธมิตรที่ประเทศกัมพูชา ในการเข้าไปประมูลงาน 2-3 โครงการมูลงาน 2,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้ส่วนแบ่งมูลค่างานประมาณ 600 ล้านบาท

โดยคาดว่าจะสรุปภายใน 2 เดือนจากนี้ แต่จากปัญหาความสัมพันธ์ของไทยกัมพูชา นั้น อาจทำให้โครงการดังกล่าวอาจไม่สำเร็จได้ และบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปประเทศพม่า จากปีหน้าที่จะมีการเลือกตั้งทำให้การเมืองในประเทศนิ่ง และจะมีการลงทุนเยอะโดยในวันที่ 5 ธันวาคมนี้จะร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์)

นายวุฒิชัย กล่าวว่า ปีหน้า บริษัทจะใช้งบลงทุนมูลค่า 300 ล้านบาท ในการในการขยายกำลังการผลิต เพิ่มสินค้าใหม่ของบริษัทย่อย และการเข้าไปซื้อกิจการบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจก่อสร้าง จากปีนี้ที่ไม่สามารถเข้าไปซื้อกิจการบริษัททำธุรกิจก่อสร้างได้ เพราะภาวะเศรษฐกจิที่ไม่ดีทำให้ไม่สามารถเข้าไปลงทุนในบริษัทที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระดับที่น่าพอใจได้ และจากที่บริษัทมีพอร์ตการลงทุนในหุ้นอยู่จำนวน 100 ล้านบาทนั้น ปัจจุบันจะเน้นลงทุนระยะสั้นนั้น โดยปีหน้าจะเข้าไปลงทุนในหุ้นที่มีเวลาถือหุ้นระยะกลางเพื่อรับเงินปันผลสัดส่วน 20-30% และลงทุนระยะสั้น 70-80% แต่การลงทุนของบริษัทจะไม่เข้าไปลงทุนหุ้นเก็งกำไร เช่น IEC BLISS ฯลฯ โดยจะเน้นลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนที่จะนำบริษัทย่อย 2 แห่ง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คือ บริษัท เอื้อวิทยา และบริษัทระยองไวร์ จากที่ปีหน้ามีผลประกอบการเติบโตที่ดี จากที่ผ่านมาได้มีการยกเลิกนำบริษัทเอื้อวิทยา เข้าจดทะเบียน ส่วนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) นั้น ขึ้นอยู่กับว่า 2 บริษัทมีผลกำไรออกมาจำนวนเท่าไร และจะเข้าจดทะเบียนช่วงไหนก็ขึ้นอยู่กับความพร้อม แต่หากเร็วที่สุดที่เข้าได้น่าจะเป็นช่วงปลายปีหน้า

ส่วนรายได้ปีนี้ของบริษัทที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1,600 ล้านบาทนั้น ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทจากเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้ปีนี้อยู่ที่ 2,200 ล้านบาท เนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้การลงทุนโครงการต่างๆมีไม่มากนัก อีกทั้งบริษัทมีต้นทุนในการเก็บสต็อกราคาเหล็กที่แพง แต่จำหน่ายได้ในราคาที่ต่ำ ประกอบกับบริษัทเอ็นเนซอล หยุดประกอบธุรกิจไปจำนวน 6 เดือน ทำให้ขาดรายได้ไปมูลค่า 200 ล้านบาท แต่เชื่อว่าในช่วงไตรมาส4/52 บริษัทจะมีผลประกอบการที่ดี จากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงทำให้ปีนี้บริษัทไม่ขาดทุน แต่ก็ยังไม่กำไร จากที่9 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 26 ล้านบาท

สำหรับ CEN ในไตรมาส 3/52 สามารถพลิกมีกำไรสุทธิ 36.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208.66% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/52 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 33.36 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทย่อยทั้ง 3 แห่ง มีผลประกอบการดีขึ้นทั้งหมด อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบไตรมาส 3/52 กับงวดเดียวกันของปีก่อนจะพบว่ากำไรปรับตัวลดลง เพราะในไตรมาส 3/51 มีรายการพิเศษเกิดขึ้นคือ มีการรับรู้รายได้จากหนี้สงสัยจะสูญรับคืนถึง 97.96 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 6/2552 ได้มีมติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทจากเดิมหุ้นละ 5 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 1 บาท โดยทุนจดทะเบียนของบริษัทจะคงเดิม คือ 625,000,000 บาท แต่จะแตกหุ้นสามัญจาก 125,000,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท เป็น 625,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ในครั้งนี้จะทำให้มูลค่าหุ้นของ CEN อยู่ในมาตรฐานเดียวกับบริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการประเมินและเปรียบเทียบข้อมูลของนักวิเคราะห์และนักลงทุน อีกทั้งคาดว่าจะทำให้การซื้อขายหุ้น CEN ในกระดานความคึกคักขึ้นตามสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯได้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 ในวันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2553 โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 ในวันที่ 3ธันวาคม 2552 และให้รวบรวมรายชื่อ ตาม ม.225 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 4 ธันวาคม 2552   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us