|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.ไทยพาณิชย์ชี้ ผลตอบแทนกองพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียขยับขึ้น เป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์ออสซี่ และไม่ได้เกิดจากผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวโดยตรง พร้อมระบุจัดตั้งมาเพื่อแก้ปัญหากองทุนทองคำ และน้ำมัน เดินหน้าขายกองทุนหุ้นกู้เอกชนชั้นดี และพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ เปิดไอพีโอตั้งแต่วันนี้ - 16 พ.ย.นี้
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ผลตอบแทนของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากสกุลเงินออสเตรเลีย (SCBAUD) ได้ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าหน่วยลงทุน (เอ็นเอวี) ในปัจจุบันอยู่ที่ 11.5880 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลียเป็นหลัก ซึ่งผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากการปรับขึ้นของค่าเงินสกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย แต่ไม่ได้เกิดขึ้นจากผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวโดยตรง จึงไม่แนะนำให้นักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินดังกล่าว
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ขาดทุนจากการลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ (SCBGLF) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ 2 (SCBGLF2) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ออลย์ ลิงค์ (SCBOLF) ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันในแง่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำ และราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบที่อยู่ในรูปสกุลเงินเดียวกัน ซึ่งได้แก่สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียนั่นเอง บริษัทจึงจำเป็นต้องจัดตั้งกองทุนนี้ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่จากการที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับขึ้นมา จึงทำให้ผลตอบแทนขาดทุนไม่มากแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ประสบกับการขาดทุนจากการลงทุนใน 3 กองทุนข้างต้นยังสามารถเลือกลงทุนในกองทุน SCBAUD หรือเลือกลงทุนในกองทุนอื่นของบริษัทก็ได้ และบริษัทยังไม่ได้มีนโยบายที่จะจัดตั้งกองทุนพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียแบบกองทุนปิดออกมา เพราะว่ากองทุนนี้เป็นกองทุนแบบเปิดที่สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการอยู่แล้ว โดยการลงทุนดังกล่าวมีความผันผวนทางค่อนข้างสูง และเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูง และผู้ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ เพราะว่าไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้
นางโชติกา กล่าวว่า บริษัทยังไม่ได้มีการนำกองทุนที่มีลักษณะการลงทุนคล้ายกันมายุบรวมกัน ซึ่งได้แก่ กองทุนกลุ่มมั่นคง (ตราสารแห่งทุน) ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง (SCBMF) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 2 (SCBMF2) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 3 (SCBMF3) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 4 (SCBMF4) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 5 (SCBMF5) เพราะว่ามีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยาก โดยยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงขบวนการลงทุนในด้านต่างๆ ทั้งการวิเคราะห์ รวมทั้งเครื่องมือในการการลงทุน จึงจำเป็นต้องเลื่อนแผนการยุบรวมกองทุนออกไปก่อน
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดขายกองทุนใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 5Y6M1 (SCBFI5Y6M1) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และอายุโครงการประมาณ 5 ปี 6 เดือน เน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชนชั้นดี และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ฟอร์เรน โนท 3M5 (SCBFRN3M5) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และอายุโครงการประมาณ 3 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ โดยได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ - 16 พฤศจิกายน 2552 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
|
|
|
|
|