Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 กันยายน 2546
KTBยันต่างชาติถือไม่เกิน25%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย

   
search resources

ธนาคารกรุงไทย
พงศธร สิริโยธิน
Banking




ธนาคารกรุงไทย กำหนดดีเดย์ 9-10 ตุลาคมนี้ นำหุ้นที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่ 3,000 ล้านหุ้นออกขายให้กับนักลงทุนทั่วไป โดยแบ่งขายให้กับรายย่อยคนไทย 500 ล้านหุ้น และนักลงทุนสถาบันอีก 2.5 พันล้านหุ้น ระบุจัดสรรให้กับต่างชาติไม่เกิน 1.5 พันล้านหุ้น ด้านผู้บริหารธนาคาร ยันกองทุนฟื้นฟูฯ ยังถือหุ้นใหญ่กว่า 60% ขณะที่ต่างชาติถือต่ำกว่า 25% พร้อมเตรียมโรดโชว์ยุโรป และอเมริกา ก่อนกำหนดราคาขายเวลาเดียวกับอเมริกาในวันที่ 8 ตุลาคมนี้

นายพงศธร สิริโยธิน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแปรรูปและเสนอขายหุ้นให้กับประชาชน ว่าธนาคารเตรียมนำหุ้นออกขายไปในวันที่ 9-10 ตุลาคมนี้ โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนนำเสนอข้อมูลการขายให้กับ นักลงทุนต่างประเทศ (โรดโชว์) ซึ่งการแปรรูปดังกล่าว จะนำหุ้นที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถืออยู่จำนวน 3,000 ล้านหุ้น ออกมาเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไป

โดยการจัดสรรหุ้นครั้งนี้ จะแบ่งเป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุนรายย่อยที่เป็นคนไทยจำนวน 500 ล้านหุ้น ซึ่งจะเปิดจองซื้อผ่านสาขาของธนาคารกรุงไทย และธนาคารอิสลามทั่วประเทศ

ส่วนหุ้นที่เหลือจำนวน 2,500 ล้านหุ้น จะเสนอขายให้กับนักลงทุนประเภทสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งนักลงทุนทั่วไปที่เป็นลูกค้าบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งการแบ่งสัดส่วน จะขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อของนักลงทุนแต่ละประเภท โดยเบื้องต้นกำหนดสัดส่วนขายหุ้นให้กับนักลงทุนประเภทสถาบันต่างประเทศสัดส่วน 60% ของจำนวนหุ้นที่ขายให้กับสถาบัน หรือไม่เกิน 1,500 ล้านหุ้น ส่วนจำนวนที่เหลือ 40% หรือ 1,000 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับสถาบันภายในประเทศ

"แบงก์ยังคงกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติไว้ 25% ตามเกณฑ์เดิมที่ทางการได้กำหนดไว้ โดยขณะนี้ยังมีสัดส่วนเหลือที่จะให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นได้มากถึง 22% เพราะขณะนี้ต่าง ชาติถือหุ้นในแบงก์น้อยมาก ซึ่งหากคำนวณถึงตัวเลขที่ต่างชาติจะเข้ามาถือหุ้นเต็มเพดานจะต้อง ซื้อหุ้นของแบงก์ถึง 2,700 ล้านหุ้น จากจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดประมาณ 11,185 ล้านหุ้น และแบงก์มีทุนจดทะเบียนประมาณ 11,194 ล้านหุ้น จากราคาพาร์หุ้นละ 5.15 บาท"

นายพงศธร กล่าวว่า จำนวนหุ้นที่ธนาคารจะขายให้กับสถาบันมีเพียง 2,500 ล้านหุ้น หากสถาบันต่างชาติจะถือหุ้นในสัดส่วน 25% จะต้องซื้อหุ้นมากถึง 2,300 ล้านหุ้น โดยเชื่อว่าหากสถาบันการต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นของธนาคารตามสัดส่วนที่ธนาคารตั้งไว้คือ 60% ของจำนวนหุ้นที่ขายให้นักลงทุนสถาบันจะส่งผลให้สัดส่วน ต่างชาติถืออยู่ในธนาคารประมาณ 6-7% นับว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนของผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทย ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลเรื่องของการบริหารธุรกิจ

สำหรับราคาของหุ้นนั้น จะถูกกำหนดไว้โดยวิธี Bookbuilding จากนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากที่มีการโรดโชว์เสร็จสิ้นที่ใช้เวลาในการโรดโชว์ประมาณ 3 สัปดาห์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปราคาวันที่ 8 ตุลาคม 2546 นี้ ซึ่งเท่าที่เดินทางไปโรดโชว์ในต่างประเทศแถบเอเชีย ฮ่องกง สิงคโปร์ ปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างมาก และมีการเสนอจำนวนหุ้นและราคามาให้ที่ปรึกษาทางการเงินและธนาคารได้พิจารณาแล้วปรากฏว่าเป็นราคาที่ธนาคารพอใจ

"ขณะนี้ราคาตามบัญชีของธนาคาร ณ เดือน มิถุนายน 5.75 บาทต่อหุ้น และราคาที่ซื้อขายอยู่ ในกระดานประมาณ 10 บาทต่อหุ้น"

สำหรับการโรดโชว์ต่างประเทศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารได้ไปประเทศฮ่องกงพบ ปะกับกองทุนจำนวน 10 กองทุน และประเทศสิงคโปร์ พบกับกองทุนจำนวน 8 ราย ทั้ง 2 ประเทศมีกองทุนให้ความสนใจถึง 20 ราย และ ในกรุงเทพฯตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้นับว่าได้รับความสนใจมากจากนักลงทุน โปรแกรมต่อไปจะเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่น ลอนดอน จบที่สุดท้ายที่ประเทศอเมริกา ส่วนการกำหนดราคาพร้อมกัน คือ ในสหรัฐฯ กำหนดในวันที่ 7 ตุลาคม เวลา 6.00 น. ซึ่งตรงกับในประเทศ ไทย เวลา 6.00 น. ของวันที่ 8 ตุลาคม

หลังจากการขายหุ้นดังกล่าว สัดส่วนของกองทุนฟื้นฟูฯ จะเหลือถือหุ้นในธนาคารประมาณ 60% และคาดว่าจะปรับลดลงอีก เพราะจะมีหุ้นที่ใช้สิทธิประมาณ 450 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งการขายหุ้นในครั้งนี้เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ขายหุ้นได้หมดทั้งจำนวน เพราะถือว่าเป็นหุ้นที่มีปริมาณมาก นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจและจะช่วยให้ภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ฯ

ดัชนีหุ้นปรับสูงขึ้นด้วย

"การขายหุ้นของธนาคารกรุงไทย ถือว่าเป็นการนำร่องให้กับรัฐวิสาหกิจอีกมากที่จะแปรรูป เท่าที่ทราบปลายปีนี้จะมีการเสนอขายหุ้นของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกขาย"

ด้านฐานะของธนาคาร ขณะนี้มีความมั่นคงและแข็งแกร่งมาก โดยมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิด รายได้ (เอ็นพีแอล) ประมาณ 98,000 ล้านบาท คิดเป็น 10.3% ของสินเชื่อรวม ขณะที่อัตราส่วน เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐาน บีไอเอสอยู่ที่ประมาณ 10% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ธปท.กำหนดไว้ที่ 8.5 % ประกอบกับบริษัท ฟิทช์ เรทติ้ง (ประเทศไทย) ยังได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิต ภายในประเทศให้กับธนาคาร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ในการประชุมคณะกรรมการบริหาร ได้มีมติเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ให้ธนาคารสามารถจ่ายเงินปันผลพิเศษในอัตราส่วน 60% ของกำไรสุทธิสำหรับผลการดำเนินงาน ปี 2546 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนปีหน้า

ขณะเดียวกัน ธนาคารได้มีการพัฒนาระบบไอที เพื่อนำไปสู่การเป็น Convenience Bank ในปลายปีนี้ จะมีการเชื่อมระบบงานต่างๆ เข้ากับระบบ Core Banking System ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์หลักที่ได้มาตรฐานสากล

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us