Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2546








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2546
บาห์เรน : แดนสวรรค์ของนักขุดทอง             
โดย ธานี ลิ้ม
 


   
search resources

ปิยะบุตร ชลวิจารณ์




ประเทศสุดท้ายของการท่องโลกอาหรับกับคณะการค้าไทย นำโดยปิยะบุตร ชลวิจารณ์ อดีตนายแบงก์ผู้พลิกผันมานั่งเก้าอี้ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็คือ ประเทศบาห์เรน (Bahrain)

สำหรับบาห์เรนนั้นดูเหมือนประเทศไทยจะเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างเงียบๆ มาตลอด กระทั่งมาเป็นข่าวครึกโครมก็ตรงที่รัฐบาลบาห์เรนเซ็นสัญญายกพื้นที่บนศูนย์การค้า ให้กรมส่งเสริมการส่งออกไปจัดแสดงสินค้าไทยแบบฟรีๆ ไม่เสียเงินสักบาทเดียว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีถึงกับเดินทางไปเป็นสักขีพยานด้วยตนเอง

ไม่เพียงเท่านั้น บาห์เรนยังเซ็นสัญญาข้อตกลงกับไทยเรื่องเขตการค้าเสรี ไทย-บาห์เรน (FTA : Free Trade Area) เมื่อ 29 ธันวาคม 2545 เพื่อให้สินค้าไทย กับบาห์เรนไหลเวียนกันโดยไม่ต้องเสียภาษีอากร โดยเฉพาะสินค้าเกษตรของไทย ซึ่งชาติอาหรับเป็นตลาดเป้าหมายใหม่ของไทยจะได้ประโยชน์มาก

ผลแห่งข้อตกลงได้ข้อสรุปที่จะให้สินค้า 626 รายการลดภาษีเบื้องต้น (Early Harvest) ลงเหลือ 0% และ 3%

จึงนับว่าบาห์เรนเป็นประเทศในกลุ่มอาหรับที่รัฐบาลไทยมีข้อตกลงทางการค้าอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด

อีกจุดหนึ่งที่เล็งกันก็คือ ความที่บาห์เรนมีพื้นที่ติดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย มีสะพานรถวิ่งข้ามถึงกันและมีการติดต่อการค้าระหว่างกันชุกชุม แต่เมื่อไทยกับซาอุฯ ร้าวฉานเพราะเรื่องเพชรซาอุฯ ทำให้ไทยไม่สามารถยกขบวนสินค้าและแรงงานเข้าไปได้

บาห์เรนจึงน่าจะเป็น "สะพานการค้า" สำคัญในอนาคต

แต่ที่สำคัญคือ สินค้าไทยเองจะต้องมีกระบวนการพัฒนาแบบยั่งยืนผ่านระบบด้านสุขอนามัย การตรวจสอบสินค้า และการรับรองเป็นสินค้า Halal จึงจะสามารถเข้าไปขายในชาติแถบอาหรับได้

คงไม่ใช่เฉพาะชาติเหล่านี้เท่านั้นที่เน้นควบคุมคุณภาพและมาตรฐานสินค้านำเข้า หากแต่ระบบการกีดกันการค้า ซึ่งพลิกรูปแบบจากระบบกำแพงภาษีมาเป็นระบบการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐาน ทำให้ทุกชาติในโลกหันมาใช้กรรมวิธีนี้ โดยเฉพาะกลุ่มอียู ญี่ปุ่น แม้กระทั่งอเมริกาเองก็ยังทยอยออกกฎระเบียบด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างถึงการคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศ จึงส่งผลกระทบต่อนโยบาย "ครัวไทย-ครัวโลก" พอสมควร

สำหรับบาห์เรนแล้วเป็นแหล่งขุดทองของคนไทยอีกแห่ง หลังจากซาอุฯ ปิดประเทศห้ามแรงงานไทยและคูเวตถูกอิรักถล่ม ก็ทำให้คนไทยย้ายเข้ามาทำงานในบาห์เรนมากขึ้น คนไทยส่วนใหญ่จะเข้ามาทำงานก่อสร้าง เป็นพ่อครัวและเชฟประจำร้านอาหารไทยในโรงแรมหรูของบาห์เรน

ปัจจุบันมีคนไทยทำงานในบาห์เรน 2,000 คน

นอกจากนี้ก็มีร้านอาหารไทยหลายแห่งที่ตั้งขึ้น แต่กลับมีคนจีนเป็นเจ้าของเสียส่วนใหญ่ ทำให้รัฐบาลไทยพยายามที่จะหันมาจัดระเบียบร้านอาหารไทยในต่างแดนให้ได้มาตรฐาน เหมือนต้นแบบไทยแท้

กล่าวสำหรับประเทศบาห์เรนนั้นเป็นหมู่เกาะเล็กๆ (archipelago) ที่ยื่นออกมาในอ่าวเปอร์เซีย ห่างจากฝั่งทะเลแถบประเทศซาอุดีอาระเบีย 15 ไมล์ ประกอบด้วยเกาะต่างๆ 35 เกาะ มีพื้นที่รวมเพียง 620 ตารางกิโลเมตร พื้นที่เต็มไปด้วยทรายและหิน ทำให้ดูแห้งแล้งเหมือนกับประเทศอาหรับที่ตั้งอยู่กลางทะเลทรายแม้จะเป็นเกาะก็ตาม

บาห์เรนมีประชากรเพียง 7 แสนคน เป็นชาวบาห์เรน 63% ชาวเอเชีย 19% อาหรับอื่นๆ 10% และอิหร่าน 8% เมืองหลวงชื่อ Manama ใช้สกุลเงินดีน่า (Bahrain dinar : BHD) ซึ่ง 1 เหรียญฯ สหรัฐฯ เท่ากับ 0.38 ดีน่า

บาห์เรนได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 2514 และเริ่มฟื้นฟูประเทศด้วยผลิตผลจากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และทรัพยากรทางทะเล ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2545 ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นประชาธิปไตยมีกษัตริย์เป็นประมุข จึงได้มีนโยบายเปิดเสรีการค้าและมีแนวทางการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น

การค้าระหว่างไทยกับบาห์เรนนั้นไทยเสียดุลการค้า เพราะนำเข้าน้ำมัน เครื่องเพชรพลอย อัญมณี แร่ธาตุต่างๆ จากบาห์เรน เมื่อปี 2545 ไทยนำเข้าสินค้าจากบาห์เรน 56.55 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 2,262 ล้านบาท (40 บาทต่อเหรียญฯ) ขณะที่บาห์เรนนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบเหล็กกล้า เสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น โดยปี 2545 ไทยขายสินค้าให้บาห์เรนได้ 34.94 ล้านเหรียญฯ หรือ 1,397.6 ล้านบาทเท่านั้น

ธุรกิจการค้าในบาห์เรนนับว่าเติบโตอย่างมาก อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ประมาณ 3.8% มีอัตราเงินเฟ้อเพียง 0.4% กำลังซื้อของคนในบาห์เรนถือว่าสูงเพราะมีรายได้ต่อหัวสูงถึง 18,220 เหรียญฯ หรือประมาณ 728,800 บาทต่อปี

ทำให้มีห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าผุดขึ้นเป็นจำนวนมาก ในบาห์เรนสินค้าที่มีอนาคตของไทย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ อัญมณี เฟอร์นิเจอร์น่าจะมีลู่ทางสดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าว ซึ่งไทยเตรียมที่จะเจาะตลาดบาห์เรนมากขึ้น เพราะบาห์เรนนิยมข้าวจากไทยรวมทั้งผลไม้กระป๋อง

สำหรับแนวโน้มอนาคตของบาห์เรนนั้น นับว่าน่าสนใจยิ่งสำหรับนักธุรกิจไทยซึ่งรัฐบาลมีสายสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตลอด จึงน่าจะเร่งรีบสานสายสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือการค้าภายในข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-บาห์เรน การจัดแสดงสินค้าไทยอย่างยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากจะได้ตลาดบาห์เรนแล้ว ตลาดซาอุฯ ก็จะเป็นเป้าหมายต่อไปอย่างไม่ยากเย็นนัก

การเดินทางไปเปิดการค้าหลังจากสงครามอิรัก-สหรัฐฯ ยุติลงเพียงไม่กี่วันสำหรับ 4 ประเทศคือ เลบานอน เยเมน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน จึงเป็นการทะลวงการค้าครั้งสำคัญของรัฐบาลไทยกับชาติอาหรับไม่น้อย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us