ตำนานบทหนึ่งของชาวอะบอริจินกล่าวถึง ยักษีพี่น้องสามตน ชื่อ Meehni, Wimlah
และ Gunnedoo ทั้งสามตนเป็นยักษ์ที่มีรูปร่างงดงาม ใบหน้าสวยงาม อาศัยอยู่กับชนเผ่าคาทูมบ้า
(Katoomba) ในหุบเขา Jamieson
หญิงงามทั้งสามตกหลุมรักหนุ่มพี่น้องสามคนจากชนเผ่า Nepean แต่ไม่สามารถแต่งงานกันได้เนื่องจากกฎของหมู่บ้านบังคับไว้
สามพี่น้องซึ่งเป็นนักรบที่เก่งกาจจึงตัดสินใจที่จะใช้กำลังแย่งชิงหญิงงามทั้งสามมาให้ได้
สงครามครั้งใหญ่ระหว่างสองชนเผ่าจึงเกิดขึ้น พ่อมดประจำชนเผ่าคาทูมบ้าจึงใช้เวทมนตร์แปลงหญิงงามทั้งสามให้กลายเป็นหินไปเสียก่อน
เมื่อสงครามสงบจึงค่อยเปลี่ยนกลับเป็นเหมือนเดิม
เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อพ่อมดถูกฆ่าตายในสมรภูมิรบ
ตั้งแต่นั้นมาหญิงงามทั้งสามจึงต้องกลายเป็นหินสามใบเถาอยู่จนบัดนี้
จนบัดนี้ เราจึงได้แต่จินตนาการ Three Sisters ไปถึงความงามของหญิงสาวพี่น้องสามคน
ผมเพิ่งมีโอกาสไปเที่ยวซิดนีย์มา
สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดในการเที่ยวซิดนีย์ครั้งนี้คือ Three Sisters
Three Sisters หรือ สามใบเถา เป็นชื่อของภูเขาสามลูกที่เรียงรายตามลำดับสูงต่ำอยู่ด้านหนึ่งของ
Blue Mountain ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย
และสำหรับคนที่มาซิดนีย์จะพลาดที่นี่ไม่ได้
Blue Mountain หรือ ภูเขาสีน้ำเงิน และที่นี่ภูเขาก็เป็นสีน้ำเงินจริงๆ
Blue Mountain ทำให้ผมคิดได้ว่า มนุษย์เรานี้ตัวกระจ้อยร่อยนัก เมื่อเทียบกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
มนุษย์ที่หลงตัวเองคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมธรรมชาติได้ สุดท้ายก็จะต้องถูกกลืนหายเข้าไปในธรรมชาตินั่นเอง
ซิดนีย์ต่างจากบริสเบนตรงที่ความมีชีวิตชีวา
บริสเบนที่ผมอยู่นี้เป็นเมืองสงบ ภายใต้การผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
คั่นด้วยแม่น้ำบริสเบนที่ไหลคดเคี้ยวไปมา บริสเบนเป็นเมืองสงบและไม่มีสีสันมากนัก ชาวบริสเบนจึงมักวุ่นอยู่กับชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันและชีวิตครอบครัว
หลังหกโมงเย็นหลายครอบครัวมักจะเก็บตัวอยู่ภายในบ้าน และดำเนินชีวิตอย่างสงบด้วยกิจกรรมภายในครอบครัว
ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ เล่นดนตรี หรือนั่งดูรายการโทรทัศน์ร่วมกัน
แต่ซิดนีย์ให้ภาพของความวุ่นวาย ความรีบเร่ง และสีสัน
สีสันของซิดนีย์เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ข้ามผ่านกลางวันที่วุ่นวาย และจบลงด้วยกลางคืนที่มีแสงสี
ซิดนีย์วุ่นตั้งแต่เรื่องการเดินทาง การรับประทานอาหาร การแข่งขันกันทำงาน
และการแย่งกันท่องเที่ยว
ในสายตาของผม ซิดนีย์น่าเที่ยว แต่ไม่น่าอยู่
ประเด็นร้อนในสังคมซิดนีย์ปัจจุบันพูดถึงการพยายามกันผู้อพยพเข้าซิดนีย์ให้ออกไป
ปัญหาสำคัญสี่อย่างของซิดนีย์ คือ การอพยพเข้าซิดนีย์ที่สูงเกินไป การขาดแคลนที่อยู่อาศัย
ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหารถติด และความไม่พร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและการวางผังเมือง
ชาวซิดนีย์หลายคนเริ่มพูดถึงการเข้ามาแย่งทรัพยากรของผู้อพยพเข้าซิดนีย์
และกลายเป็นประเด็นการเมืองที่พยายามจะโน้มน้าวให้ผู้อพยพไปอยู่เมืองอื่นๆ
นอกเหนือจากซิดนีย์แทน
เช่นเดียวกับภาครัฐที่พยายามให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ที่อพยพไปอยู่เมืองอื่น
และลดสิทธิประโยชน์หลายๆ ด้านสำหรับผู้ที่จะมาซิดนีย์
ทุกๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนถูกโยงเข้ากับการอพยพของชาวต่างชาติเข้าเมืองซิดนีย์ทั้งสิ้น
ปี 2545 จำนวนผู้อพยพเข้าเมืองซิดนีย์มีมากถึง 110,000 คน ซึ่งจำนวนที่มากขึ้นนี้เกิดจากนโยบายของรัฐบาล
นายกฯ จอห์น โฮเวิร์ด คนปัจจุบัน
ตัวเลขนี้คิดเป็น 40% ของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในออสเตรเลีย
อย่างไรก็ตาม สภาเศรษฐกิจแห่งออสเตรเลีย (The Business Council of Australia)
กลับต้องการให้จำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 ถึง 170,000 คน เพื่อคงไว้ซึ่งตัวเลขการเพิ่มประชากรประจำปีที่ระดับ
1.25%
ตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย หรือ Australian Bureau of Statistics
(ABS) บ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของผู้อพยพเข้าออสเตรเลียที่เป็นชาวเอเชียในช่วงทศวรรษ
1990 โดยพบว่า มาจากหกประเทศหลัก คือ จีน อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา
และอินโดนีเซีย ในขณะที่เมื่อยี่สิบปีก่อนมาจาก จีน มาเลเซีย และศรีลังกา
ซิดนีย์ต่างจากเมืองอื่นๆ ของออสเตรเลีย ตรงที่ซิดนีย์เป็นเมืองระดับโลก
แบบเดียวกับ นิวยอร์ก ลอนดอน หรือฮ่องกง ซิดนีย์เป็นประตูสู่โลกภายนอกของออสเตรเลีย
ทำให้คนภายนอกเห็นคนออสเตรเลียน และนำมาซึ่งเงินลงทุน
นโยบายส่วนหนึ่งของภาครัฐคือ การให้ สิทธิในการตั้งถิ่นฐานในออสเตรเลียสำหรับแรงงานมีฝีมือ
โดยเฉพาะสาขาที่ออสเตรเลีย ขาดแคลน เช่น ด้านไอที
งานวิจัยผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจจากการอพยพเข้าเมืองให้ภาพว่า การเข้ามาตั้งถิ่นฐานและทำงานของแรงงานมีฝีมือเป็นผลประโยชน์ฟรีๆ
ที่ซิดนีย์ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากคนเหล่านี้ตอบแทนคืนต่อสังคมออสเตรเลียมากกว่าที่พวกเขาได้รับ
พวกเขาเพิ่มปริมาณอุปสงค์ ก่อนให้เกิดการจ้างงานของคนออสเตรเลีย และเพิ่ม
ระดับผลผลิตให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน สิ่งเหล่านี้สามารถมองได้ง่ายๆ จากรายได้ของภาครัฐ
เมื่อซิดนีย์คิดจะปิดเมืองไม่ต้อนรับผู้อพยพแล้ว อนาคตของออสเตรเลียอาจจะเปลี่ยนไป
ยังไม่รู้ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร
อ่านเพิ่มเติม:
1. Arrogant Sydney, Australian Financial Review (August 16-17, 2003)
2. The Asianization of Australia Stalls, Australian Financial Review
(August 20-21, 2003)