Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2546








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2546
เที่ยวกับเจ๊ก             
โดย วริษฐ์ ลิ้มทองกุล
 





ในระบบการศึกษาของประเทศจีนที่เป็นการศึกษาแบบสองภาค คือ ช่วงที่หนึ่ง เริ่มราวต้นเดือนกันยายน-กลางเดือนมกราคม และ ช่วงที่สองกลางเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนกรกฎาคม ทำให้เวลาปิดภาคของเหล่านักเรียนจึงตกอยู่ในช่วง "ตรุษจีน" ซึ่งถือว่าเป็นการปิดเทอมฤดูหนาว และอีกช่วงหนึ่งคือ ปิดเทอมหน้าร้อน ซึ่งแต่ละช่วงจะกินเวลาประมาณ 1 เดือน ครึ่งถึงสองเดือน

นักเรียนต่างชาติที่มาศึกษาในประเทศจีน การปิดเทอมทั้งสองครั้งนั้นถือได้ว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะต้องคว้าไว้ในการเดินทางท่องเที่ยวไปในประเทศจีนที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่แทบจะทุกแห่งหนตำบล ไม่นับรวมกับรากทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของจีน จากบรรพบุรุษสรรค์สร้างและตกทอดมายังลูกหลานรุ่นแล้วรุ่นเล่ามากกว่า 4,000 ปี ขณะที่อีกนัยหนึ่ง การท่องเที่ยวก็คือหาโอกาสใช้ภาษาจีนที่ฝึกฝนจากในห้องเรียน มาดัดแปลงใช้งานในสถานการณ์จริง

เรื่องของระยะเวลาการท่องเที่ยวอย่างที่ทราบกันดีก็คือ เมืองจีนนั้นนอกจากกว้างใหญ่ไพศาลมากแล้ว แต่จำนวนประชากรของจีนก็มีมหาศาลเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม หากอยากเที่ยวเมืองจีนจึงไม่ควรมาในช่วงสองเทศกาลวันหยุดยาวของคนจีน ก็คือ หนึ่งช่วงวันแรงงานต้นเดือนพฤษภาคม และ สองช่วงวันชาติจีนต้นเดือนตุลาคม ซึ่งทั้งสองเทศกาลรัฐบาลจีนจะทบวันทำงานให้คนจีนได้หยุดกันทียาวๆ 7 วันรวด

ปิดเทอมหน้าหนาว ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นปิดเทอมเพื่อให้นักเรียน (โดยเฉพาะทางตอนเหนือของประเทศจีน) ไม่ต้องเผชิญกับอากาศที่หนาวเหน็บ คล้ายๆ กับการหยุดพักของฟุตบอลลีกในยุโรป อย่างเช่น เยอรมนี หรืออิตาลี ทั้งนี้สำหรับนักเรียนต่างชาติที่กล้าบ้าบิ่นสักหน่อย จุดหมายที่สำคัญที่สุดของการปิดเทอมหน้าหนาว ก็คือเมืองฮาร์บิน (ฮ่าเอ่อร์ปิน : ) เมืองเอกของมณฑลเฮยหลงเจียง มณฑลที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือสุดของประเทศ

ในฤดูหนาว ฮาร์บินเลื่องชื่อในเรื่องของความหนาว และได้ชื่อว่าเป็นเมืองน้ำแข็งของประเทศ เนื่องจากมีช่วงเวลาของฤดูหนาวมากกว่าฤดูร้อน โดยฤดูหนาวในบางปีอุณหภูมิของฮาร์บินนั้นอาจจะลงไปต่ำถึงติดลบ 40 องศาเซลเซียส

ทั้งนี้ช่วงฤดูหนาว ที่เมืองฮาร์บินนี้จะมีการจัดเทศกาลฤดูหนาว (ราวช่วงต้นเดือนมกราคมจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์) โดยทุกปีมีการประกวดการแกะสลักน้ำแข็ง ติดไฟประดับประดา และนับว่ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

สำหรับการปิดเทอมหน้าร้อน ซึ่งโดยปกติมักจะคาบเกี่ยวไปเกือบจะถึงต้นฤดูใบไม้ร่วงนั้นการท่องเที่ยวมักจะไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าใดนัก เพราะตัวเลือกของจุดหมายนั้นมีมาก ไม่ว่าจะเป็นไปดูทุ่งหญ้าและทะเลทรายสุดลูกหูลูกตาที่มองโกเลีย , ล่องแม่น้ำยาว อันดับสามของโลก แยงซีเกียง , ตามรอยเส้นทางสายไหม ที่มณฑลซินเกียง , ไปเยี่ยมชมสิ่งมหัศจรรย์ที่เขาว่ากันว่าเป็นอันดับแปดของโลก กองทัพทหารของจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่เมืองซีอาน หรือบุกไปเยือนถึงหลังคาโลกทิเบต ฯลฯ ก็มักจะไม่มีปัญหาเรื่องสภาพอากาศรบกวน

การท่องเที่ยวในเมืองจีน ปัญหาที่ดูเหมือนจะสำคัญมากกว่า จะไปเที่ยวที่ไหน? สำหรับหลายคนแล้วก็คือ จะไปอย่างไร?

การเที่ยวแบบ "โบกรถ (Hitchhike)" ที่ฝรั่งตะวันตกชื่นชอบกันนั้น ในเมืองจีนเรียกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว ด้วยปัญหาหลายๆ ด้าน ทั้งความปลอดภัย การสื่อสารระหว่างนักท่องเที่ยวกับคนท้องถิ่น เพราะหากไม่เป็นภาษาจีนโดยสิ้นเชิง ก็ยากที่จะท่องเที่ยวเมืองจีนได้อย่างสงบสุข และไม่ถูกหลอกต้ม

นอกจากนี้การคมนาคมระหว่างเมืองใหญ่ต่างๆ ในประเทศจีน (อันกว้างใหญ่ไพศาลเป็นรองสหรัฐอเมริกาไม่เท่าไร) แม้จะมีให้เลือกทั้งรถไฟ และเครื่องบิน แต่ก็มักจะถูกจองไว้ล่วงหน้า

ดังนั้น การเดินทางในเมืองจีนจึงต้องวางแผนกันอย่างละเอียดรอบคอบ มิฉะนั้นหากเกิดความผิดพลาดก็อาจจะต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา และยังเสียอารมณ์อีกต่างหาก

ปิดเทอมหน้าร้อน (หลังซาร์สระบาด) คราวนี้ ผมมีเวลาไปเที่ยวก่อนเปิดเทอมราว 2 สัปดาห์ จุดหมายที่ผมเลือกจะไปก็คือ ในมณฑลเสฉวน หรือซื่อชวน*...คนจีนกล่าวไว้ว่า หากจะมาดูน้ำที่สวยที่สุดต้องมาดูที่ "จิ่วจ้ายโกว" จนมีการเปรียบเปรยไว้ว่า

"ไปจิ่วจ้ายโกว กลับมาไม่มองน้ำ"

การเดินทางครั้งนี้ ผมคิดอยู่นานสองนานว่า จะไปแบบแบ็กแพ็กหรือจะไปผ่านบริษัททัวร์ดี? จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้ว่า ลองซื้อทัวร์จีนดู เพราะนอกจากราคาโดยเฉลี่ยต่อหัวแล้วน่าจะถูกกว่าเดินทางไปเอง แล้วยังสามารถเรียนรู้ลักษณะนิสัย วัฒนธรรมการท่องเที่ยวของเพื่อนร่วมทัวร์ชาวจีนได้อีกด้วย

ระยะเวลา 5 วัน จากเฉิงตูเมืองหลวงของเสฉวนไปยังจิ่วจ้ายโกว ผมมีเพื่อนชาวจีนจากทุกสารทิศ ทั้งมณฑลชานตงกว่างซี ฉงชิ่ง ปักกิ่ง ฯลฯ ร่วมทางไปด้วย และระยะเวลา 5 วันนี้เองที่ผมสังเกตเห็นพฤติกรรมร่วมหลายประการของนักท่องเที่ยวจีน ประการแรกก็คือ ไม่เอาเสื้อผ้าไปเยอะ และใส่ซ้ำกันเป็นปกติ อย่างเช่น แม่กับลูกสาวที่ไปเที่ยว รวม 7 วันนั้นก็อาจจะพกเสื้อไปสัก 4 ตัว กางเกงไป 3 ตัว แล้วก็ใส่กางเกงสลับกัน ซึ่งเสื้อผ้าจำนวนเท่านี้ หากสวมแล้วทุกวันก็จะเหลือเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้เล็กๆ ได้เพียง 1 ใบ

นอกจากพฤติกรรมประหยัดแบบจีนๆ ที่ผมพบเห็นแล้ว ยังมีพฤติกรรมไม่น่าพิสมัยอีกหลายประการ แม้คนจีนมักจะพูดกันติดปากว่า "คนจีนเป็นหนึ่งในกลุ่มชนศิวิไลซ์ ที่มีวัฒนธรรมยาวนานที่สุดในโลก" แต่บางทีผมก็ชักจะเริ่มสงสัยกับคำกล่าวข้างต้นเสียแล้ว เมื่อเห็นถุงใส่ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูปลอยผ่านหน้าต่างรถลงไปกองอยู่ที่พื้นถนน, ผ้าม่านริมหน้าต่างถูกแปรสภาพเป็นผ้าเช็ดปาก, การถุยน้ำลายลงบนพื้น, การแซงแถว, ความโกลาหลระหว่างการแย่งกันขึ้นรถโดยสาร ฯลฯ

ถามว่าทำไมคนจีนจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้?

ให้ผมตอบก็คือ ประการหนึ่ง ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชากรมาก คนจีนรุ่นก่อนเปิดประเทศต้องลำบากตรากตรำ ต่างคนต่างแย่ง-ต่างคนต่างแข่ง ไม่มีใครสนใจใครมากไปกว่าตัวเอง การละเมิดสิทธิของผู้อื่น สิทธิสาธารณะจึงเกิดขึ้นจนเป็นเรื่องเคยชิน

แต่บางทีพฤติกรรมเช่นนี้ก็มิใช่เกิดขึ้นเสมอ และอาจจะกำลังเปลี่ยนแปลงไปของคนจีนรุ่นก่อนมาสู่รุ่นปัจจุบัน อย่างเช่นที่ จิ่วจ้ายโกว ผมพบพ่อลูกคู่หนึ่ง ขณะที่พ่อพยายามบังคับลูกให้แซงแถวขึ้นรถประจำทาง ลูกกลับแข็งขืนไม่ยอมปฏิบัติตาม และยืนยันที่จะต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ

จากการเดินทางครั้งนี้ สิ่งที่ผมพบว่าต้องเตรียมมากที่สุดสำหรับการไปเที่ยวกับคนจีน นอกจากจะต้องเตรียมสิ่งของแล้ว ยังต้อง "เตรียมใจ" ไว้ให้มากอีกด้วย

ในด้านหนึ่งเพื่อรับทราบและอีกด้านหนึ่งเพื่อทำความเข้าใจ เกี่ยวกับวิธีคิดและวิถีชีวิตของพวกเขาที่ไม่เหมือนกับเราซะทีเดียว

หมายเหตุ
1 ตั้งแต่ 28 กันยายนนี้ สายการบินซื่อชวน เปิดเส้นทางบินไปกลับ เฉินตู-จิ่วจ้ายโกว 8 เที่ยวต่อวัน และฉงชิ่ง-จิ่วจ้ายโกว 3 เที่ยวต่อวัน
โดยสนามบินจิ่วจ้ายโกวจะห่างจากแหล่งท่องเที่ยว 83 กิโลเมตร
2 *สารคดีท่องเที่ยว จิ่วจ้ายโกว และมณฑลเสฉวน
สามารถติดตามได้จากคอลัมน์ "จากโลกคนละซีก (ตะวันออก)"
ในเว็บไซต์ www.manager.co.th

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us