|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ศึกชิงตลาดรังนกรอบใหม่... เจ้าตลาด 'เซเรบอส' เปิดเกมในเชิงรุกเสริมอาวุธแบบครบเครื่อง ต้อนรับการแข่งขันในตลาดหน้าขายช่วงโค้งสุดท้าย จากเดิมกลยุทธ์หลักเน้นสื่อสารการตลาดผ่านแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ มาเพิ่มจุดแข็งที่ชูสินค้าเป็นหัวหอก ตอกย้ำความแตกต่างสินค้า รั้งบัลลังก์ และมาร์เกตแชร์ 64% ตลาดรวมมูลค่า 2,500 ล้านบาท
ในฐานะที่ 'แบรนด์รังนก' เป็นมาร์เกตลีดเดอร์รังนกพร้อมดื่ม ซึ่งในระยะหลังมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาท้าชิงมากขึ้น ทั้งการเข้ามาของรังนกเซกเมนต์ใหม่ของเอฟแอนด์เอ็น และการขยายตลาดรังนกบ้าน กระทั่งคู่แข่งรายเดิมที่ทำตลาดช่วงชิงกันมานานกว่า 25 ปี สก๊อตรังนก ที่สร้างสมแบรนด์ให้แข็งแกร่งมากขึ้น จากแนวทางการตลาดสื่อสารไลฟ์สไตล์มาร์เกตติ้งอย่างชัดเจนเพื่อเข้าถึงกลุ่ม เป้าหมายตลาดเมโทรเซ็กชวลและกลุ่มวัยรุ่นผู้ชาย ที่เน้นคีย์เมสเซจ การดูดีที่มีการดูแลเป็นประจำเป็นหลัก ซึ่งเป็นโอกาสและช่องว่างในตลาดที่เจ้าตลาดแบรนด์รังนก ไม่ได้เน้นโดยตรง
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ 'แบรนด์รังนก' ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์การทำตลาดในเกมเชิงรุก ที่หันมาเน้นด้านจุดแข็งสินค้าเหนือกว่าคู่แข่งเพิ่มเติม จากที่ผ่านมาเน้นสื่อสารแบรนด์ผ่านแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ เป็นกลยุทธ์หลัก ฉากรุกการตลาดใหม่ของแบรนด์รังนก ที่ปรับมาเน้นด้านจุดแข็งสินค้าเหนือคู่แข่งของเจ้าตลาด มีการเดินเกมใน 2 รูปแบบ
นับตั้งแต่การเปิดฉากด้วยแนวรุกเพิ่มเมสเซจใหม่ของการสื่อสารตลาด จากเดิมมุ่งไปที่คอนเซ็ปต์ 'แบรนด์รังนกคุณค่าแห่งรัก' มาเพิ่มเมสเซจสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอีกด้านคือ ตอกย้ำสร้างการรับรู้ว่าแบรนด์รังนกแท้สกัดมาจากรังนกถ้ำ ซึ่งเป็นความพยายามในการเอ็ดดูดูเคตเพื่อย้ำให้เห็นความแตกต่างของเบอร์ หนึ่ง จากที่ผ่านมาการรับรู้ของผู้บริโภคยังไม่เห็นความต่างระหว่าง 'แบรนด์รังนกแท้' สกัดมาจากรังนกถ้ำซึ่งมีคุณภาพดีกว่า 'รังนกบ้าน'
โดยวิธีการเพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของการใช้รังนกจากถ้ำธรรมชาติให้ ชัดเจน ในเร็วๆๆ นี้จะมีการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา 2 ชุด โดยจะเน้นสื่อสารเกี่ยวกับกรรมวิธีเก็บเกี่ยวรังนกจากถ้ำธรรมชาติเป็นเมสเซ จหลัก
ความพยายามในการเดินเกม จากการสร้างความแตกต่างผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่มา นำมาเป็นตัวชูโรงในการทำตลาดรังนก ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะในยุคแรกๆของตลาดรังนกก่อนจะหันมาเปิดฉากส่งแคมเปญทำตลาดในรูปแบบอีโม ชันนัล มาร์เกตติ้ง ในปัจจุบัน การทำตลาดที่ชูจุดขายสร้างการรับรู้ให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเห็นถึงความแตก ต่างผลิตภัณฑ์เป็นกลยุทธ์หลักของแบรนด์รังนก รวมถึงแคมเปญ 'สก๊อต ฟลายอิ้ง ฮาย' ของคู่แข่ง เมื่อ 3 ปีก่อน ที่เปิดตัวสื่อโฆษณาบนเครื่องบินและจัดกิจกรรมชมถ้ำรังนกเพื่อตอกย้ำจุดแข็ง ผลิตภัณฑ์เช่นเดียวกัน
นอกจากตอกย้ำสร้างการรับรู้แหล่งที่มาจากรังนกถ้ำ ยังมุ่งเน้นไปที่ตัวผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความแตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นในตลาด โดยมีการปรับสูตรเพิ่มปริมาณเนื้อรังนกแท้ที่มาจากถ้ำธรรมชาติ 100% จากเดิมมี 1.1% เพิ่มเป็น 1.4% ทั้งนี้การปรับสูตรครั้งนี้ ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% และทำให้มีการปรับราคาขึ้น 5% ในรอบ 5-7 ปี
การเดินเกมด้วยตัวผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างจากที่ผ่านมา ซึ่งจะเน้นการเปิดไลน์สินค้าใหม่เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเบเน ฟิตเพิ่มเติมจากเครื่องดื่มรังนก ในรูปแบบการเพิ่มแวลูสินค้า อาทิ ส่งสูตรชูการ์ฟรี รังนกไร้น้ำตาล กระทั่งการเปิดตัวสูตรใหม่ รังนกผสมโสม เข้ามาเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ห่วงใยสุขภาพมากกว่าปรกติ ซึ่งกลยุทธ์การเพิ่มไลน์สินค้าเพิ่มเติมที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการออกอาวุธสำหรับการขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย แต่ยังไม่สามารถสร้างความแตกต่างให้แบรนด์รังนกมีแต้มต่อจากคู่แข่ง สก๊อตรังนกอย่างชัดเจน เพราะทุกๆ ครั้งสามารถเดินเกมรับมือเจ้าตลาดได้ทันท่วงที โดยหลังจากผู้นำเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ที่มีการเพิ่มแวลูไม่นานนักก็เปิดตัว สินค้าออกมาทำตลาดเช่นเดียวกัน
แม้ว่าการเดินเกมรุกจากจุดแข็งผลิตภัณฑ์ของแบรนด์รังนก ที่มีการปรับสูตรใหม่ให้เป็นหัวรบสำคัญของการทำศึกในตลาดรังนกครั้งนี้ ทว่ากลยุทธ์ด้านการสื่อสารตลาดที่เป็นรูปแบบเดิมของแบรนด์รังนก เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายถือว่ายังคงมีความสำคัญ แต่เนื่องจากตลาดรังนกมีลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพมีการรับรู้ ถึงจุดขายในเรื่องของฟังก์ชันนัล เบเนฟิตสินค้าที่ดีแล้ว ดังนั้นแนวทางการจัดกิจกรรมการสื่อสารตลาดต่างๆ จึงมุ่งแข่งขันไปที่การทำตลาดในรูปแบบอีโมชันนัล มาร์เกตติ้ง จับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นกลยุทธ์หลัก โดยใช้คอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน
การสื่อสารการตลาดตอกย้ำภาพลักษณ์สู่คนรุ่นใหม่ ที่มีความห่วงใย และดูแลกันทุกวัน ด้วยแบรนด์รังนกแท้...เติมเต็มคุณค่าแห่งรัก เป็นกลยุทธ์หลักของผู้นำตลาด 'แบรนด์รังนก' เน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความรักความผูกพัน การดูแลซึ่งกันและกัน และมีพฤติกรรมการซื้อรังนกเป็นของฝาก ซึ่งกลุ่มนี้มีสัดส่วนมากกว่า 50% ของตลาดรวม ขณะที่มวยรองใช้ไลฟ์สไตล์มาร์เกตติ้ง นำร่องด้วยการจัดคอนเสิร์ตและการเป็นผู้สนับสนุนหลักเวทีประกวดนางงาม ในคอนเซ็ปต์ 'สก๊อต รังนกแท้ ดูแลเป็นประจำ' มุ่งตรงไปที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มที่หันมาให้ความ สนใจกับเรื่องสุขภาพของตนเองอย่างชัดเจน
ตลาดรังนกที่กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งเป็นฤดูการขาย ทางค่ายคู่แข่งเปิดฉากการสื่อสารตลาดโดยจับมือพันธมิตรใหม่ 'เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป' เปิดตัวสกรีนแอดแบบฟูลสเกลในโรงภาพยนตร์ชื่อชุด 'Misunderstand' ครั้งแรก พร้อมทั้งส่งเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพขายผ่านช่องทางไลฟ์สไตล์เอนเตอร์เท นเมนต์ในโรงภาพยนตร์ เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายลูกค้าซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ได้ โดยตรง
ในจุดนี้เอง ทำให้การเคลื่อนไหวของ แบรนด์รังนก ที่มาพร้อมกับการเข็นสูตรใหม่ลงสู่ตลาดนั้น คือการเปิดตัว 2 แบรนด์แอมบาสซาเดอร์คู่รักใหม่ อ้อม พิยดา และอาท-ศรา จุฑารัตนกุล ภายใต้คอนเซ็ปต์ เติมเต็มคุณค่าแห่งรัก โดยมีการตอกย้ำแบรนด์และภาพลักษณ์ โดยใช้งบการตลาด 50 ล้านบาท ผ่านกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์แบบครบวงจร 360 องศา สื่อทีวี วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ และมีการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อตอกย้ำการรับรู้ที่มีต่อคอนเซ็ปต์ เติมเต็มคุณค่าแห่งรัก ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจากกลยุทธ์แบรนด์แอมบาสซาเดอร์เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ที่มีคู่รัก 'แพท' สุธาสินี และ 'มาร์ค' แกรี่ โรดริเกวซ เป็นตัวแทนในการสื่อถึงความรักห่วงใยของแบรนด์รังนกไปสู่วัยทำงานรุ่นใหม่ ต่อจากการสื่อผ่านเมสเซจ 'เคล็ดลับดีดี ให้ดูดีกับแบรนด์รังนก' ที่สร้างภาพลักษณ์สินค้าดูทันสมัย ผ่าน 'เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์' และ 'ม.ล.สราลี กิติยากร' ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนของการทำตลาดแบรนด์รังนก และเป็นครั้งแรกของการขยายฐานลูกค้าจากลูกค้าหลักเป็นกลุ่มคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป มาเป็นเจาะคนรุ่นใหม่เริ่มทำงานที่มีกำลังซื้อสูงอายุตั้งแต่ 24 ปีขึ้นไป
ลักขณา ลีละยุทธโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากการปรับสูตร และการทำตลาดในแคมเปญใหม่นี้ ตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มจาก 60% เป็น 65% จากมูลค่าตลาดรวม 2,500 ล้านบาท มีการเติบโตขึ้นประมาณ 10% ส่วนยอดขายล่าสุดเดือนสิงหาคมมีการเติบโตถึง 20% เทียบกับต้นปีที่ยอดขายเติบโตเฉลี่ย 10-15% จึงมั่นใจว่าทั้งปีจะเติบโตตามเป้าหมาย 10% ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะกลับมาเติบโตที่ร้อยละ 20 เช่นเดิม
|
|
|
|
|