โรบินสัน เดินหน้าโฟกัสสาขาชานเมืองมากขึ้น ย้ำกลยุทธ์ โลคอลสโตร์มาร์เก็ตติ้ง รับกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ชูสาขาแฟชั่นไอส์แลนด์เป็นต้นแบบรุก ล่าสุดจัดงานบิวตี้เวิลด์ กระตุ้นตลาดเมคอัพ
นางสาวสิรินิจ โชคชัยฤทธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เปิดเผยว่า แนวโน้มของห้างสรรพสินค้าสาขาที่ตั้งอยู่ตามชานเมืองมีแนวโน้มในการเติบโต มากขึ้นไม่แพ้กับสาขาที่อยู่ในเมือง ซึ่งโรบินสันก็มีสาขาชานเมืองหลายแห่ง เช่น สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต สาขารัตนาธิเบศร์ เป็นต้น ซึ่งต่อไปนี้จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดมากขึ้น ด้วยกลยุทธ์โลคอลมาร์เก็ตติ้งหรือการทำตลาดแต่ละสาขา
เนื่องจากการขยายตัวของชุมชนที่ออกไปอยู่ตามชานเมืองมากขึ้น การเกิดขึ้นของหมู่บ้านจัดสรร การขยายตัวของคนรุ่นใหม่ที่อาศัยอยู่ชานเมืองมากขึ้น ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นตลอดเวลา ทำให้พฤติกรรมการจับจ่ายเดินห้างใกล้บ้านมากขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดเจนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้หากมองถึงสาขาในเมืองแล้ว มีการแข่งขันที่รุนแรง จากผู้ประกอบการด้วยกัน ที่ช่วงชิงกำลังซื้อผู้บริโภคที่กระจุกตัวอยู่ในกลางเมือง รวมไปถึงปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบอย่างมาก คือ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนว่าสาขากลางเมืองได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการชุมนุมของม็อบต่างๆ ส่งผลให้ปริมาณลูกค้าเดินห้างน้อยลง และบางห้างก็ต้องปิดบริการเป็นช่วงๆ
โรบินสันเองก็ได้ปรับภาพลักษณ์และรีโนเวตใหญ่สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ไปแล้ว โดยจะใช้เป็นสาขาต้นแบบของการจัดอีเวนต์มาร์เก็ตติ้งใหญ่รองรับกลยุทธ์ดัง กล่าวด้วยซึ่งพบว่ากำลังซื้อของคนในย่านนี้ เมื่อช่วง 5 ปีก่อน ลูกค้าใช้จ่ายเฉลี่ย 700 บาทต่อครั้ง ปัจจุบันเพิ่มเป็น 1,200 บาทต่อครั้ง
นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แนด์ เปิดเผยว่า ในย่านรามอินทรานี้ ซึ่งรวมถึง นวมินทร์ มีนบุรี มีชุมชนเกิดขึ้นมากมาย ทั้งหมู่บ้านจัดสรร บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม มีระดับราคา 5-30 ล้านบาท นั่นหมายถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคก็มีสูง โดยจำนวนมากกว่า 43%ของจำนวนโครงการเหล่านี้มีประชาชนที่อาศัยอยู่และมีรายได้มากกว่า 5 หมื่นบาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
นางสาวสิรินิจ กล่าวต่อว่า ล่าสุดบริษัทฯได้ร่วมมือกับศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ในการจัดกิจกรรม บิวตี้เวิลด์ แอท โรบินสัน แฟชั่นไอส์แลนด์ เป็นปีที่ 2 แล้ว เพื่อรองรับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคในย่านรามอินทรานี้ และเป็นไปตามกลยุทธ์ โลคอลสโตร์มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งช่วงต้นปีมีกิจกรรมใหญ่ คืองานวอทช์แฟร์ ที่ร่วมกับแฟชั่นไอส์แลนด์เช่นกัน และคาดว่าในปีหน้าจะมีอีเวนต์ใหญ่ร่วมกันอีก
สำหรับงานบิวตี้เวิลด์ฯนี้ใช้งบ 10 ล้านบาท จัดระหว่างวันที่ 22 ต.ค.-2 พ.ย.นี้ รวมเครื่องสำอางกว่า 100 แบรนด์ดัง คาดว่าจะมียอดขายในงาน 30 ล้านบาท และเพิ่มลูกค้าระดับบนได้อีก 10% และคาดว่าจะช่วยผลักดันให้ยอดขายกลุ่มเครื่องสำอางเติบโต 8%
ทั้งนี้ยอดขายแผนกเครื่องสำอางโตต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายแผนกอื่นยังทรงตัว ซึ่งผู้หญิงซื้อเครื่องสำอางเฉลี่ย 2,500 บาทต่อครั้ง จากเดิมซื้อ 1,500 บาทต่อครั้ง มีความถี่ในการซื้อเดือนละครั้ง โดยที่ตลาดรวมเครื่องสำอางในประเทศมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นช่องทางเคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างสรรพสินค้า 10,000 ล้านบาท และช่องทางไดเรคเซลส์กว่า 20,000 ล้านบาท
สำหรับแผนกคอสเมติกส์ของโรบินสันในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้ดีเติบโต 5% โดยกลุ่มสินค้าที่ขายดีอันดับที่หนึ่งคือ กลุ่มสกินแคร์ 65% รองลงมาคือลกลุ่มเมคอัพ 25% กลุ่มน้ำหอม 10% ซึ่งกลุ่มที่สร้างยอดขายได้ดีจะเป็นกลุ่มลูกค้าวัยทำงานอายุระหว่าง 25-45 ปี
|