Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2546








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2546
Generation นี้ต้องเข้าตลาดหุ้น             
โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
 


   
search resources

ฐิติกร, บมจ.
ชุมพล พรประภา
ปฐมา พรประภา
ประพล พรประภา




กิจการเครือตระกูล "พรประภา" เคยมีข่าวหลายปีมาแล้วว่า มีแผนจะนำเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้น แต่เพิ่งมี "ฐิติกร" เป็นบริษัทที่ 2 ภายใต้การผลักดันของทายาทรุ่นที่ 3 หากย้อนเวลากลับไปได้ ปฐมา พรประภา คงอยากเร่งให้กระบวนการนำหุ้นของบริษัทฐิติกรเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เสร็จเร็วขึ้นไปกว่าเดิมอีก 2-3 สัปดาห์

เพราะในวันที่เธอเพิ่งเซ็นสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นของบริษัทที่เธอเป็นกรรมการผู้จัดการอยู่นั้น เป็นวันที่การซื้อขายหุ้นมีความคึกคักสุดขีด มูลค่าการซื้อขายพุ่งขึ้น สร้างสถิติใหม่ในรอบ 28 ปี ที่ระดับเฉียด 6 หมื่นล้านบาท

บริษัทฐิติกรเซ็นสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้น เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา โดยนำหุ้นจำนวน 100 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ออกมากระจายขายให้กับประชาชนทั่วไป ในราคาหุ้นละ 11 บาท

ถือเป็นบริษัทที่มีชุมพล พรประภา เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายที่ 2 ที่เดินหน้าเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อจากบริษัทเอส.พี.ซูซูกิ ซึ่งได้เข้าไปจดทะเบียนก่อนหน้านั้นแล้วหลายปี

ฐิติกรเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุด ในกรุงเทพฯ พอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทปัจจุบันอยู่ในระดับประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยมีฐานลูกค้าถึงกว่า 1.1 แสนคน ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองภาคตะวันออก

"พรประภา" เป็นตระกูลใหญ่ คนในตระกูลนี้อยู่ในธุรกิจยานยนต์ในประเทศไทยมานมนานไม่ต่ำกว่า 50 ปี แต่คนส่วนใหญ่เวลาพูดถึงตระกูลนี้ มักจะโฟกัสไปที่กลุ่มสยามกลการ ทั้งๆ ที่ในสายของชุมพล พรประภา นั้นก็มีขนาดไม่แพ้กัน

หากนับรุ่น ปฐมา พรประภา น่าจะอยู่ในรุ่นที่ 3 ซึ่งถือเป็นรุ่นหนุ่ม-สาว ที่ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี มีความรู้ความสามารถรวมถึงวิชาการบริหารสมัยใหม่

และถือเป็นรุ่นที่มีแนวคิดที่ทันสมัย โดยมองว่าหากกิจการจะสามารถครองความเป็นอันดับ 1 ต่อไปได้อย่างต่อเนื่องแล้ว จำเป็นต้องนำเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์

"ภาพการแข่งขันทุกวันนี้มันเปลี่ยนไป แต่ก่อนเรามีคู่แข่งที่เป็นบริษัทในประเทศ แต่ปัจจุบันบริษัทต่างชาติที่มีฐานเงินทุนมากกว่า ก็เริ่มจะลงมาแข่งขันในตลาดนี้ด้วยแล้ว" เธอบอกกับ "ผู้จัดการ"

"ที่ผ่านมาฐานเงินทุนที่เรานำมาปล่อยสินเชื่อ เกือบทั้งหมดเป็นเงินกู้ การเข้าตลาด นอกจากเราจะสามารถระดมทุนจำนวนหนึ่งมาใช้ในการขยายพอร์ตสินเชื่อแล้ว เรายังต้องการขยายสาขาออกไปยังต่างจังหวัด ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่สำหรับ สินค้ามอเตอร์ไซค์ รวมถึงนำเงินมาปรับปรุงระบบงาน ที่เรากำลังจะนำระบบ CRM เข้ามาใช้ในบริษัท"

ปฐมาเป็นลูกสาวคนโตของชุมพล พรประภา เธอและประพล พรประภา น้องชายคนรองคือกำลังหลักของชุมพล ที่กำลัง มีบทบาทสำคัญ

แม้จะมีภาพลูกเจ้าของกิจการ แต่พื้นฐานการศึกษาและประสบการณ์ของทั้งปฐมาและประพล ล้วนเคยผ่านการทำงานในองค์กรการเงินขนาดใหญ่มาแล้วทั้งคู่

ปฐมา ปัจจุบันอายุ 34 ปี เรียนจบมัธยมปลายจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ ก่อนที่จะสอบเข้าเรียนต่อในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาบัญชีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2530

หลังเรียนจบในปี 2534 ได้เข้าทำงานในแผนก Financial Control ธนาคารซิตี้แบงก์ สาขาประเทศไทย แต่เธอทำงานที่นี่เพียง 1 ปีก็ไปเรียนต่อ MBA ที่ Babson College แมสซาชูเซตต์สหรัฐอเมริกา

กลับมาเมืองไทยอีกครั้งในปี 2537 และเข้าไปเป็นวาณิชธนากร ในบริษัทเงินทุนเอกธนกิจ (Fin1) ทำหน้าที่นำสถาบันการเงินอย่าง บงล.ไอเอฟซีที ไฟแนนซ์ บงล.เอกพัฒน์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงการทำเรื่องการออกหุ้นกู้ให้กับ TPI

ปฐมาทำงานอยู่ใน Fin1 จนกระทั่งบริษัทถูกปิดกิจการ จึงกลับเข้ามาช่วยงานคุณพ่อเมื่อต้นปี 2541

ส่วนประพล ปัจจุบันอายุ 30 ปี เรียนจบมัธยม 3 จากอัสสัมชัญ แล้วไปต่อ High School ที่ Tabor Academy แมสซาชูเซตต์ แล้วจบปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์และการเงิน จาก Babson College ที่เดียวกับพี่สาว ในปี 2540

เขาเริ่มเข้าทำงานในวงการการเงิน พร้อมๆ กับวิกฤติค่าเงินที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยเริ่มต้นที่ตำแหน่งวาณิชธนากร ของ JP Morgan ประจำสาขาฮ่องกง ในเดือนกรกฎาคม 2540

หลังจากนั้นได้ย้ายไปประจำอีกหลายที่ทั้งสิงคโปร์ และในประเทศไทย ก่อนจะลาออกเพื่อมาช่วยงานพี่สาวที่บริษัทฐิติกร เมื่อ 3 ปีที่แล้ว

การเข้ามาช่วยบริหารกิจการทั้งปฐมาและประพลได้ปรับปรุงระบบงานภายในฐิติกรให้ทันสมัย มีการตั้ง Call Center ปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงพัฒนารูปแบบการชำระเงินของลูกค้า จากเดิมที่จะมีเจ้าหน้าที่ไปเก็บเงินเป็นรายเดือน ให้สามารถผ่านเคาน์เตอร์ของธนาคาร เครื่องเอทีเอ็ม และล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ลูกค้าของฐิติกรสามารถชำระค่างวดได้โดยผ่านทางเคาน์เตอร์เซอร์วิส

ถือเป็น Generation ใหม่ที่กำลังนำกิจการของครอบครัวก้าวเข้าไปสู่กิจการระดับสากล






   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us