ตำแหน่งนักวางแผนกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส (Senior Strategist) ของบลจ.MFC
ที่ดร.ศุภกร สุนทรกิจ ได้รับ แม้ไม่ใช่ตำแหน่งบริหารระดับสูงที่ต้องมีลูกน้องมากมาย
แต่เขาก็มีความภาคภูมิใจในหน้าที่และบทบาทนี้เป็นอย่างยิ่ง
"มันเป็นตำแหน่งที่ทำให้ผมมีความคล่องตัวมากในการทำงาน" เขาบอกกับ "ผู้จัดการ"
ความคล่องตัวนี้ ย่อมหมายถึงบทบาทที่เขาได้โอกาส มีส่วนร่วมวางกลยุทธ์การก้าวย่างต่อไปของ
MFC ในทุก step
ดร.ศุภกร เป็น 1 ในมันสมอง 2 คนที่ ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการจัดการ
ดึงตัวเข้ามาช่วยงาน โดยอีกคนนั้นคือ ดร.อัญญา ขันธวิทย์ อาจารย์จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพียงแต่ ดร.ศุภกรทำงานให้กับ MFC เต็มเวลา
ทั้ง 2 คน ถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทสูง โดยเฉพาะดร.ศุภกรเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์กองทุนใหม่ๆ
ที่ MFC ได้ทยอยเปิดตัวออกมาแล้วในช่วงนี้
เขาเพิ่งมีอายุเพียง 36 ปี ถือเป็นดอกเตอร์หนุ่มอีก 1 คน ที่กำลังมีบทบาทในแวดวงการเงิน
ดร.ศุภกรเรียนจบมัธยมจากโรงเรียนเซนต์ดอมินิครุ่นเดียวกับ "นีโน่" เมทนี
บุรณศิริ แล้วเอนทรานซ์ติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แผนกโยธาในปี
2528
เขาใช้เวลาเรียนวิศวฯ จุฬาฯ ถึง 5 ปี เพราะในรั้วมหาวิทยาลัย เขาให้ความจริงจังกับการเรียนน้อยกว่าสมัยอยู่มัธยม
"จบ ม.6 ได้เกรด 3 กว่า แต่จบมหาวิทยาลัย ได้เกรดแค่ 2 กว่าเท่านั้น" เขายอมรับ
ดร.ศุภกรไม่เคยมีความคิดว่าจะก้าวเข้ามาในแวดวงการเงินมาก่อน ในช่วงที่เขาเรียนอยู่ที่จุฬาฯ
เป็นช่วงที่ภาวะการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของไทยเริ่มบูมขึ้น หลังจบมหาวิทยาลัย
ในปี 2533 เขาได้งานเป็นวิศวกรโครงการ บริษัท Adtech International ซึ่งรับเหมาก่อสร้าง
แต่ทำอยู่ที่นี่ไม่นาน ก็คิดไปเรียนต่อ
"ตอนนั้น หัวหน้าเอาโครงการมาให้ศึกษาผลตอบแทนจากการลงทุน ก็เลยเริ่มสนใจ
แต่ความรู้เรื่องการเงินของเราก็ไม่มีเลยจึงอยากไปเรียนต่อ"
ดร.ศุภกรไปเรียนปริญญาโท MBA สาขาการเงิน ที่มหาวิทยาลัย Central Oklahoma
สหรัฐอเมริกา และจบกลับมาเมืองไทยในปี 2538 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์กำลังบูมสุดขีด
ดัชนีราคาหุ้นขึ้นไปถึง 1,700 จุด ก่อนที่จะหักหัวลง
"กลับมาใหม่ๆ อยากลอง ก็ไปซื้อกองทุนของ บลจ. ที่ทางการเพิ่งให้ใบอนุญาต
ปรากฏว่าตอนซื้อ 10 บาท หลังจากนั้นมูลค่าก็ลดลงมาเหลือเพียง 2-3 บาท" เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เขารู้จักกับธุรกิจจัดการกองทุนเป็นครั้งแรก
เขากลับมาเมืองไทย เพื่อเรียนต่อระดับปริญญาเอก ด้านบริหารธุรกิจ (ด้านการเงิน)
จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างเรียนเขาเคยร่วมหุ้นจัดตั้งบริษัท Value
Vision รับจัดงานสัมมนา ฝึกอบรม โดยรับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ แต่บริษัทนี้ต้องปิดตัวลงหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
เขาจึงเบนเข็มไปเป็นผู้ช่วยหัวหน้าส่วนในฝ่ายวิจัยและพัฒนา ศูนย์การซื้อขายตราสารหนี้ไทย
ในปี 2540 แต่ทำได้เพียง 2 ปี ก็ต้องลาออก เพื่อเร่งทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จ
เขาได้รับปริญญาเอกในปี 2543 และกลับเข้าทำงานในศูนย์ซื้อขายตราสารหนี้ไทยอีกครั้ง
ตำแหน่งสุดท้าย ก่อนจะลาออกมาอยู่ บลจ.MFC เป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา
ทั้ง ดร.ศุภกร และ ดร.พิชิต มีพื้นฐานคล้ายคลึงกัน คือมีพื้นฐานมาจากงาน
R&D ซึ่งจุดนี้ทำให้ทั้งคู่ทำงานเข้าขากันเป็นอย่างดี และทั้งคู่มีบุคลิกที่เหมือนกัน
คือเป็นคนที่ไม่อยู่นิ่ง
"งานวิจัยและพัฒนาทำให้เราต้องหาอะไรใหม่ๆ ทำอยู่ตลอดเวลา เมื่อจบเรื่องนี้แล้ว
ก็ต้องหาเรื่องใหม่มาให้คิดต่ออีก"
เป็นคุณสมบัติที่ บลจ.MFC กำลังต้องการพอดี