|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
มาสด้าประกาศเติบโตในอาเซียนเป็นเท่าตัว ภายหลังเปิดตัวมาสด้า 2 ใหม่ครั้งแรกในโลก จากโรงงานเอเอทีแห่งใหม่ในไทยมูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท กลายเป็นฐานการผลิตหลัก 1 ใน 3 ทั่วโลก โดยกำหนดแนะนำสู่ตลาดกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ถือเป็นกลยุทธ์ยกธุรกิจมาสด้าระดับโลก ตั้งเป้ายอดขายปีแรกไม่ต่ำกว่า 20,000 คัน มั่นใจภายใน 5 ปี แชร์เติบโตไม่ต่ำกว่า 3-5%
เมื่อวานนี้ (8 ต.ค.) บริษัทมาสด้าได้เปิดฉลองสายการผลิตรถยนต์มาสด้า 2 ใหม่ (ในญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า มาสด้า เดมิโอ) คันแรกในประเทศไทย ที่โรงงานผลิตรถยนต์นั่งแห่งใหม่ของบริษัท ออโตอัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือเอเอที(AAT) ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นโรงงานร่วมทุนระหว่างมาสด้าและฟอร์ด โดยใช้เงินลงทุนมากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท
นายมาซาซูมิ วากายามา ผู้บริหารอาวุโสระดับสูง บริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น หรือเอ็มซี(MC) เปิดเผยว่า รถยนต์มาสด้า 2 ใหม่ ที่ผลิตในประเทศไทยจะเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่จะช่วยผลักดันให้มาสด้าในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดที่ต้องการรถยนต์ขนาดเล็กมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
"มาสด้า2 ใหม่ ซึ่งเป็นการปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก นับตั้งแต่เปิดตัวมาเมื่อปี 2007 ไทยจึงเป็นประเทศแรกที่เปิดตัวโฉมใหม่อย่างเป็นทางการในโลก และแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของโรงงานผลิตรถยนต์แห่งนี้ ในฐานะฐานการผลิตเพื่อส่งออกที่สำคัญของอาเซียน และมาสด้า 2 ยังจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจของมาสด้าในระดับโลก"
สำหรับการเปิดไลน์การผลิตมาสด้า 2 ในประเทศไทยครั้งนี้ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ 2 นอกประเทศญี่ปุ่นที่ทำการผลิตมาสด้า 2 ซึ่งอีกแห่งเป็นโรงงานที่เมืองนานกิง ประเทศจีน ดังนั้นโรงงงานเอเอทีจึงตอกย้ำความสำคัญของประเทศไทย ในฐานะฐานการผลิตขนาดใหญ่ 1 ใน 3 ฐานการผลิตของมาสด้านอกประเทศญี่ปุ่น ที่ประกอบด้วยออโต้ อัลลายแอนซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศสหรัฐอเมริกา โรงงานที่ประเทศจีน และเอเอที ในประเทศไทย
นายยูจิ นากามิเน ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายขายต่างประเทศ และประธานมาสด้า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ไทยจะเป็นตลาดแรกที่เปิดตัวรถยนต์มาสด้า 2 ไมเนอร์เชนจ์ โดยกำหนดแนะนำสู่ตลาดกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ใกล้เคียงกับประเทศอินโดนีเซีย ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ที่จะเปิดตัวในเดือนธันวาคม และที่ประเทศมาเลเซียในเดือนมีนาคม
"ปัจจุบันมาสด้ามียอดขายในภูมิภาคอาเซียนกว่า 20,000 หมื่นคันต่อปี มีส่วนแบ่งทางการตลาด หรือแชร์ประมาณ 1% จากตลาดรวม 2 ล้านคัน ซึ่งในการเปิดตัวมาสด้า 2 เราตั้งเป้าการขายในอาเซียนไว้ที่ 20,000 คัน นั่นหมายความว่าจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของมาสด้าในอาเซียนเพิ่มเป็นเท่าตัว และคาดว่าแชร์จะเติบโตเป็น 3-5% ในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า"
ทั้งนี้ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กกลุ่มซับคอมแพ็กต์ หรือบี-เซกเมนต์ ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยรถกลุ่มนี้ในภูมิภาคอาเซียน มีความต้องการอยู่ที่ปีละไม่ต่ำกว่า 3.4 แสนคัน ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นมาสด้า 2 จะได้รับการตอบรับจากลูกค้า เพราะมีความโดดเด่นและแตกต่างจากรถยนต์ของคู่แข่ง ในเรื่องของการขับขี่ การออกแบบ ประหยัดเชื้อเพลิง และเรื่องความปลอดภัย
นายจอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การเปิดตัวมาสด้า 2 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ โดยบริษัทคาดหวังกับรถยนต์รุ่นนี้ไว้ค่อนข้างมาก โดยมองว่าน่าจะทำให้มาสด้ามีส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์บี-เซกเมนต์ในประเทศไทยได้ถึง 10% ในอนาคต และจะส่งผลดีต่อภาพรวมของมาสด้า ประเทศไทยเช่นกัน
นายคิโยทากะ โชบุดะ ประธานบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กำลังการผลิตโรงงานเอเอทีแห่งใหม่ หรือโรงงาน 2 นี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 1 แสนคันต่อปี แบ่งเป็นการผลิตรถยนต์นั่งของมาสด้า 50% และอีกส่วนเป็นการผลิตรถยนต์ฟอร์ด เฟียสตา ซึ่งแนะนำสู่ตลาดในต้นปีหน้า
ทั้งนี้การผลิตเบื้องต้นในปีแรก เพื่อรองรับตลาดในภูมิภาคอาเซียน จะมีไม่ต่ำกว่า 20,000 คัน โดยนอกจากตลาดในประเทศไทยแล้ว จะมีการส่งออกไปยังอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย รวมถึงอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อส่งออกในเอเชีย-แปซิฟิก อย่างเช่นประเทศออสเตรเลียที่กำลังมีการเติบโตสูง และโดยเฉพาะไทยมีข้อตกลงทางการค้าเอฟทีเอระหว่างไทย-ออสเตรเลีย
|
|
|
|
|