|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
3 สมาคมอสังหาฯ พร้อมแจงลดภาษีอสังหาฯอย่ามองว่ารัฐสูญเสียรายได้ แต่ให้มองว่าลดแล้วยอดขายเพิ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่องโต รัฐเก็นภาษีได้เพิ่มทั้งทางตรงทางอ้อม ส่วนโรดโชว์ต่างประเทศเห็นด้วย แนะทำการบ้านเรื่องกฎหมาย ภาษี ตอบคำถามต่างชาติประสานเสียงเร่งคนพร้อมซื้อบ้านโค้งสุดท้ายปลายปี ยกสารพัดประโยชน์ทั้งราคาต่ำสุด-โปรโมชั่นมากสุด
3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้แก่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย,สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย ต่างประสานเสียงกระตุ้นที่ประชาชนรีบซื้อบ้านในช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ในไตรมาส 4 นี้ภาวะตลาดอสังหาฯจะปรับตัวดีตามภาวะเศรษฐกิจขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีของผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหรือมีความพร้อมที่จะซื้อบ้าน เพราะปีหน้ายังไม่สามารถมีบุคคลหรือหน่วยงานใดสามารถระบุได้ชัดเจนว่ารัฐบาลจะต่ออายุมาตรการลดภาษีอสังหาฯหรือไม่
ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่ต้องซื้อบ้านในช่วงนี้ คือ หากซื้อบ้านในปีหน้าราคาจะแพงกว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน เพราะในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ผู้ประกอบการยังขายบ้านในต้นทุนเดิม อีกทั้งยังต้องการสร้างยอดขายจึงคงราคาเดิม ลดราคาลงหรือแม้แต่การให้โปรโมชั่นต่างๆ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งส่วน ฟรี บางโครงการสามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย
“ซื้อบ้านตอนนี้ยังไงก็ถูกกว่าปีหน้าอย่างแน่นอน เราต้องการให้คนที่พร้อมจะซื้อบ้านรีบซื้อภายในปีนี้ เพราะอย่างไรเสียก็ได้ประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุดกว่าช่วงอื่นๆ” นายอธิปกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันพบว่าราคาวัสดุปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เพราะความต้องการสินค้าก็จะเพิ่มขึ้นตามอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ และที่เห็นชัดเจนคือ เหล็ก ปูนซิเมนต์ รวมถึงราคาน้ำมันที่เป็นต้นเหตุให้ต้นทุนราคาสินค้าปรับขึ้น ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการจะสามารถอั้นราคาได้เพียงสิ้นปีนี้เท่านั้นอีกทั้งยังมีสต๊อกเก่าเหลืออยู่ ส่วนสินค้าที่มีการผลิตใหม่จะต้องให้ต้นทุนใหม่ นอกจากนี้ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเชื่อว่าจะอยู่ในภาวะขาขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเช่นกัน
ด้านนายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า แม้ว่ามาตรการภาษีไม่ใช่ประเด็นหลักๆที่จะทำให้คนเร่งซื้อบ้านในช่วงนี้ แต่เป็นเรื่องของราคาและโปรโมชันที่ผู้ประกอบการมอบให้ที่ทำให้ประชาชนตัดสินใจซื้อบ้านในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม สมาคมอสังหาฯ เตรียมที่จะยื่นเสนอต่อรัฐบาล ในการต่ออายุมาตรการภาษี เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมหรือใกล้สิ้นสุดอายุ เพราะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะนำส่วนลดด้านภาษีมาลดให้แก่ผู้บริโภคหรือจัดเป็นโปรโมชั่นแทน
ส่วนประเด็นที่ว่าการลดภาษีให้แก่ภาคธุรกิจอสังหาฯทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้นั้น เชื่อว่าไม่เป็นความจริง เพราะหากมองว่า หากรัฐบาลยังจัดเก็บภาษีในอัตราเดิมอาจจะมียอดจัดเก็บรายได้น้อยกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะการซื้อ-ขาย มีน้อยประชาชนไม่กล้าใช้เงิน เพราะบ้านถือว่าต้องใช้เงินก้อนใหญ่ เงินเก็บทั้งชีวิตหรือต้องขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินมาซื้อ อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่รอได้ หากไม่พร้อมก็เช่าบ้านอยู่หรืออยู่กับครอบครัวไปก่อน แต่เมื่อรัฐบาลกระตุ้นด้วยการลดภาษีก็ทำให้มีการชื้อ-ขายเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญการซื้อบ้าน 1 หลังจะมีการซื้อสินค้าอื่นที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งรัฐบาลจะได้ภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อมจากธุรกิจอสังหาฯอีกจำนวนมาก และอาจจะมากกว่าที่รัฐบาลจัดเก็บภาษีในอัตราเดิม
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะเป็นหัวเรือใหญ่ในการนำโครงการอสัหาริมทรัพย์ของไทยออกไปโรดโชว์ยังต่างประเทศว่า การไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี แม้ว่าเอกชนหลายรายจะเคยนำโครงการไปจัดบูธแสดงสินค้ามาแล้ว แต่หากรัฐบาลไทยจะเป็นผู้นำนักธุรกิจหรือโครงการอสังหาฯของไทยไปโรดโชว์ในต่างประเทศจะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอสังหาฯไทยมีราคาถูกว่า ฮ่องกง สิงคโปร์ 4-5 เท่าตัวในขนาดและคุณภาพเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องทำการบ้านในเรื่องของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขายให้ดี เพราะปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากข้อกฎหมายที่ไม่ตรงกันระหว่างของไทยและของต่างชาติ ซึ่งจะต้องตอบคำถามหรืออธิบายให้นักลงทุนต่างชาติเข้าใจได้ รวมไปถึงเรื่องของภาษีควรระบุชัดเจนว่าต้องจ่ายอะไรบ้าง จำนวนเท่าใด และมีส่วนลดหรือไม่ แต่ที่ยังเป็นปัญหาในขณะนี้คือ ธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อในขณะนี้มีน้อยรายมาก
นายธงชัย บุศราพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงที่หลือของปีนี้ ตลาดมีแนวโน้มที่ดีกว่าช่วงต้นปีอย่างมาก เนื่องจากภาวะการเมืองในช่วงต้นปี ทำให้บรรยากาศการซื้อขายชะลอตัวอย่างหนัก โครงการเปิดใหม่ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อการเมืองเริ่มนิ่งภาวะตลาดในช่วง 2-3 เดือนหลังปรับตัวดีขึ้น ซึ่งนักลงทุนต่างมองว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว เป็นเวลาที่เหมาะสมในการกลับมาลงทุนอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินฝากที่เอื้อต่อการลงทุนด้วย โดยดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำให้ผลตอบแทนไม่คุ้มกับเงินเฟ้อทำให้นักลงทุนที่มีเงินเย็นต่างมองหาวิธีการลงทุนใหม่ๆ ที่ทำให้ได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงิน ปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้มีเม็ดเงินส่วนหนึ่งไหลเข้ามาสู่ภาคอสังหาฯ ด้วยการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อขายต่อหรือปล่อยเช่า
โดยในส่วนของโนเบิลเองที่เพิ่งเปิดให้จองโครงการใหม่ไปเมื่อไม่นานนี้ ภายใต้ชื่อ “โนเบิล รีไฟน์” บนทำเลสุขุมวิท 26 จำนวน 243 คน แต่มีผู้ให้ความสนใจจองเข้ามามากกว่าจำนวนยูนิตหลายเท่า จึงสามารถขายหมดภายในเวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่กลับมา
"อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบอีกหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้อีก ซึ่งน่ากังวลว่า การที่ตลาดฟื้นตัวในครั้งนี้ จะกลับมาเร็วเกินไป เข้ามาซื้อแล้วเร่งทำกำไรในช่วงสั้นๆ จนกลายเป็นปัญหาในภายหลังได้ โดยเฉพาะคนที่หวังเก็งกำไร แต่ไม่มีความสามารถในการรับโอน หากถึงเวลาต้องโอน กู้แบงก์ไม่ผ่าน รับโอนไม่ได้ ก็จะกลายเป็นปัญหา"นายธงชัยกล่าว
ทั้งนี้นักลงทุนและผู้ประกอบการต้องมีความระมัดระวัง ควรตั้งเกณฑ์ให้มีการวางเงินจอง เงินดาวน์ในอัตราสูงกว่า 10% เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยคัดกรองผู้ซื้อได้ เพราะหากปล่อยให้ลูกค้าวางเงินจอง- เงินดาวน์เพียง 5-10% ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่ต่ำมากและคุ้มหากเข้ามาซื่อเพื่อทำกำไร อย่างไรก็ดีการลงทุนอสังหาฯ เพื่อการปล่อยเช่าหรือทำกำไร ควรมองระยะยาวจะปลอดภัยกว่า เพราะตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยง หากมีปัญหาที่กระทบต่อการซื้อขายในตลาด เงินเย็นที่ใช้ลงทุนจะได้ไม่เป็นผลกระทบมากนัก
|
|
 |
|
|