|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“มิลล์คอนสตีลฯ” ปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มอีก 5-10% ดันทั้งปีทะลุ 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมคาดใกล้เคียงปีก่อน 9,400 ล้าน เหตุรับอานิสงส์ส่งเหล็กให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง แถมอุตสาหกรรมเหล็กฟื้นตัว ดันออเดอร์ล่วงหน้าทะลักกว่า 1 แสนตัน ส่วนตราสารทีดีอาร์ไต้หวัน มั่นใจนักลงทุนแห่จองล้น คาดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันภายในสิ้นปีนี้
นายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นอีก5- 10% จากช่วงต้นปีที่ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตใกล้เคียงปีก่อนที่ 9,400 ล้านบาท ดังนั้นน่าจะส่งผลให้รายได้รวมปีนี้ทะลุ 10,000 ล้านบาทได้ ทั้งนี้เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากได้เซ็นสัญญาจำหน่ายเหล็กผ่านซัพพลายเออร์ เพื่อจัดส่งเหล็กให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง มีส่วนประกอบที่เป็นเหล็กประมาณ 30% หรือประมาณ 1.5 แสนตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท จึงถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะเป็นสินค้าที่บริษัทจำหน่ายอยู่
นอกจากนั้นในไตรมาสเดียวกันนี้บริษัทฯยังมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้าประมาณ 1-1.2 แสนตันรองรับ ประกอบกับอุตสาหกรรมเหล็กมีทิศทางที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของความต้องการใช้สินค้าทั่วโลก โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย
“ช่วงต้นปีบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้อย่างระมัดระวัง โดยมีการบริหารความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ทั้งเรื่องของการสต็อกเหล็ก การซื้อวัตถุดิบ รวมถึงการเจาะตลาดใหม่ๆ เนื่องจากเป็นปีที่ทั่วโลกต้องประสบกับปัญหาด้านวิกฤติเศรษฐกิจ แต่จากการที่ผู้บริหารบริษัทมุ่งทำงานอย่างแข็งขัน อีกทั้งทิศทางราคาเหล็กเริ่มดีขึ้น ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และได้ Orderจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่จะรับรู้รายได้เข้ามาช่วงไตรมาส 4/2552 รวมถึงโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลเข้ามาเสริม ซึ่งถือเป็นโบนัสที่เข้ามาเสริมรายได้ให้กับบริษัท โดยช่วงไตรมาส 3-4/2552 ภาพรวมของบริษัทจะดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกก็มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท” ”นายธิติพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัท มักจะได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งในโครงการขนาดใหญ่ เนื่องจากบริษัทมีจุดเด่นที่คุณภาพของสินค้า การจัดส่งตรงตามเวลา สินค้ามีเพียงพอรองรับกับความต้องการของลูกค้า และมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ามายาวนาน ประกอบกับมีคู่แข่งด้านเหล็กที่มีคุณภาพสูงค่อนข้างน้อยราย จึงทำให้มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ซึ่งเชื่อว่าหากโครงการรถไฟฟ้ามีความต้องการใช้เหล็กเพิ่มขึ้น ก็มั่นใจว่า ด้วยคุณภาพและกำลังการผลิตของบริษัท จะทำให้ ยังจะได้จัดส่งเหล็กในล็อตต่อไปอีก
ส่วนแนวโน้มราคาเหล็ก ช่วงไตรมาส 4 ประเมิน น่าจะทรงตัวหรือปรับเพิ่มขึ้นได้ จากความต้องการที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลทำให้ความต้องการใช้เหล็กมีเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงน่าจะผลักดันให้ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งปัจจุบันราคาเหล็กเส้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 21 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วง 2 เดือนก่อน 5-10% และมีแนวโน้มปรับขึ้นได้อีกในอนาคต
สำหรับความคืบหน้าในการจำหน่ายตราสาร Taiwan Depositary Receipt (TDR) จำนวนไม่เกิน 100,000,000 หุ้น ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือคิดเป็น 17.45% ของทุนที่ชำระแล้ว ของบริษัท นั้น ผู้บริหารบริษัท ประกอบด้วย นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท และนายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ กรรมการบริหาร อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไต้หวัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันได้ภายในสิ้นปีนี้
“จากการที่ได้พูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินและโบรกเกอร์ที่ไต้หวัน พบว่านักลงทุนที่นั่นตื่นเต้นกันมากกับ TDR ของบริษัท เนื่องจากเป็นบริษัทจดทะเบียนรายแรกที่ไม่ใช่สัญชาติไต้หวัน เชื่อว่านักลงทุนที่ไต้หวันมองเห็นศักยภาพของบริษัท และต้องการจะเติบโตไปพร้อมๆ กับเรา และจากการสอบถามพบว่านักลงทุนสนใจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องของราคา และศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ จึงค่อนข้างมั่นใจว่ายอดจองซื้อ TDR ของบริษัทน่าจะล้นอย่างแน่นอน”นายธิติพงศ์กล่าว
|
|
|
|
|