Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน5 ตุลาคม 2552
MILLคว้างานเหล็กสร้างรถไฟฟ้าปลื้มธุรกิจฟื้นดันรายได้ทะลุหมื่นล.             
 


   
search resources

Metal and Steel
มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์, บมจ. - Mill




“มิลล์คอนสตีลฯ” ปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มอีก 5-10% ดันทั้งปีทะลุ 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมคาดใกล้เคียงปีก่อน 9,400 ล้าน เหตุรับอานิสงส์ส่งเหล็กให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง แถมอุตสาหกรรมเหล็กฟื้นตัว ดันออเดอร์ล่วงหน้าทะลักกว่า 1 แสนตัน ส่วนตราสารทีดีอาร์ไต้หวัน มั่นใจนักลงทุนแห่จองล้น คาดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันภายในสิ้นปีนี้

นายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นอีก5- 10% จากช่วงต้นปีที่ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตใกล้เคียงปีก่อนที่ 9,400 ล้านบาท ดังนั้นน่าจะส่งผลให้รายได้รวมปีนี้ทะลุ 10,000 ล้านบาทได้ ทั้งนี้เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากได้เซ็นสัญญาจำหน่ายเหล็กผ่านซัพพลายเออร์ เพื่อจัดส่งเหล็กให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง มีส่วนประกอบที่เป็นเหล็กประมาณ 30% หรือประมาณ 1.5 แสนตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท จึงถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะเป็นสินค้าที่บริษัทจำหน่ายอยู่

นอกจากนั้นในไตรมาสเดียวกันนี้บริษัทฯยังมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้าประมาณ 1-1.2 แสนตันรองรับ ประกอบกับอุตสาหกรรมเหล็กมีทิศทางที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของความต้องการใช้สินค้าทั่วโลก โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย

“ช่วงต้นปีบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้อย่างระมัดระวัง โดยมีการบริหารความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ทั้งเรื่องของการสต็อกเหล็ก การซื้อวัตถุดิบ รวมถึงการเจาะตลาดใหม่ๆ เนื่องจากเป็นปีที่ทั่วโลกต้องประสบกับปัญหาด้านวิกฤติเศรษฐกิจ แต่จากการที่ผู้บริหารบริษัทมุ่งทำงานอย่างแข็งขัน อีกทั้งทิศทางราคาเหล็กเริ่มดีขึ้น ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และได้ Orderจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่จะรับรู้รายได้เข้ามาช่วงไตรมาส 4/2552 รวมถึงโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลเข้ามาเสริม ซึ่งถือเป็นโบนัสที่เข้ามาเสริมรายได้ให้กับบริษัท โดยช่วงไตรมาส 3-4/2552 ภาพรวมของบริษัทจะดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกก็มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท” ”นายธิติพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัท มักจะได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งในโครงการขนาดใหญ่ เนื่องจากบริษัทมีจุดเด่นที่คุณภาพของสินค้า การจัดส่งตรงตามเวลา สินค้ามีเพียงพอรองรับกับความต้องการของลูกค้า และมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ามายาวนาน ประกอบกับมีคู่แข่งด้านเหล็กที่มีคุณภาพสูงค่อนข้างน้อยราย จึงทำให้มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ซึ่งเชื่อว่าหากโครงการรถไฟฟ้ามีความต้องการใช้เหล็กเพิ่มขึ้น ก็มั่นใจว่า ด้วยคุณภาพและกำลังการผลิตของบริษัท จะทำให้ ยังจะได้จัดส่งเหล็กในล็อตต่อไปอีก

ส่วนแนวโน้มราคาเหล็ก ช่วงไตรมาส 4 ประเมิน น่าจะทรงตัวหรือปรับเพิ่มขึ้นได้ จากความต้องการที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลทำให้ความต้องการใช้เหล็กมีเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงน่าจะผลักดันให้ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งปัจจุบันราคาเหล็กเส้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 21 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วง 2 เดือนก่อน 5-10% และมีแนวโน้มปรับขึ้นได้อีกในอนาคต

สำหรับความคืบหน้าในการจำหน่ายตราสาร Taiwan Depositary Receipt (TDR) จำนวนไม่เกิน 100,000,000 หุ้น ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือคิดเป็น 17.45% ของทุนที่ชำระแล้ว ของบริษัท นั้น ผู้บริหารบริษัท ประกอบด้วย นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท และนายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ กรรมการบริหาร อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไต้หวัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันได้ภายในสิ้นปีนี้

“จากการที่ได้พูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินและโบรกเกอร์ที่ไต้หวัน พบว่านักลงทุนที่นั่นตื่นเต้นกันมากกับ TDR ของบริษัท เนื่องจากเป็นบริษัทจดทะเบียนรายแรกที่ไม่ใช่สัญชาติไต้หวัน เชื่อว่านักลงทุนที่ไต้หวันมองเห็นศักยภาพของบริษัท และต้องการจะเติบโตไปพร้อมๆ กับเรา และจากการสอบถามพบว่านักลงทุนสนใจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องของราคา และศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ จึงค่อนข้างมั่นใจว่ายอดจองซื้อ TDR ของบริษัทน่าจะล้นอย่างแน่นอน”นายธิติพงศ์กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us