Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา ตุลาคม 2552
สวนลอยฟ้ากลางไมอามี             
 


   
search resources

Architecture




เมื่อตอนที่ Ella Fontanals-Cisneros ผู้ได้ชื่อว่าเป็นทั้งคนใจบุญ เจ้าของกิจการ และผู้ก่อตั้งสถาบันศิลปะแบบไม่แสวงหาผลกำไร 2 แห่งในไมอามี ออกปากชักชวนให้ Raymond Jungles สถาปนิกฝีมือไม่เป็นรองใครด้านภูมิสถาปัตย์ออกแบบสวนบนดาดฟ้าของตึกสูงกลางใจเมืองไมอามีให้กับเธอด้วย เขารับปากทั้งๆ ที่ไม่ค่อยจะรับงานประเภทนี้มากนักด้วยเหตุผลที่ว่า ลูกค้าคนนี้ทุ่มเทสนับสนุนงานทัศนศิลป์ และงานออกแบบอย่างมาก และตัวเขาเองก็รู้สึกว่าโครงการนี้เป็นเรื่องท้าทายสำหรับตัวเองไม่เบาอยู่เหมือนกัน

ดาดฟ้าสำหรับจัดสวนลอยฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่บนตึกสูงระฟ้ากว่า 30 ชั้นบนถนนสายหลักของ Coconut Grove ซึ่งถือว่าเป็นทำเลทองเลยก็ว่าได้เพราะหันหน้าไปทางอ่าว Sailboat Bay และยังเห็นทัศนียภาพของไมอามีแบบเต็มๆ ตาด้วย

โจทย์ของ Cisneros ไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน เธอต้องการสวนสวยที่ให้ความเป็นส่วนตัวและได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี ที่สำคัญจะต้องเน้น "สีเขียว" ทั่วทั้งบริเวณด้วย

Jungles และทีมงานจึงออกแบบให้สวนรูปตัวแอลบนดาดฟ้าขนาด 2,500 ตารางฟุต มีลักษณะเปิดโล่งและมีความเป็นส่วนตัวในเวลาเดียวกัน พร้อมกันนี้ก็จัดให้มีพื้นที่สำหรับผ่อนคลายหรือจัดเลี้ยงอย่างพร้อมสรรพ นอกจากนี้ การเลือกใช้วัสดุธรรมชาติโดยเฉพาะไม้ หิน และน้ำ จะทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนได้ติดดิน ซึ่งเป็นการคานกับทำเลที่ตั้งบนตึกระฟ้ารวมทั้งผนังและคานสีขาวของตัวอาคารได้เป็นอย่างดี Jungles ยังเน้นออกแบบให้มีเส้นแนวนอนจำนวนมากที่บริเวณผนัง เรือนไม้เลื้อย และองค์ประกอบอื่นๆ ด้วยเหตุผลว่า "ผมต้องการดึงส่วนที่ต้องการ เน้นความสำคัญให้ลงมาอยู่ในระดับสายตาและทำให้สวนสวยใกล้ชิดกับความเป็นมนุษย์มากขึ้น"

สำหรับสถาปนิกผู้โดดเด่นคนนี้แล้ว สภาพภูมิอากาศของรัฐฟลอริดาตอนใต้ ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อโครงการนี้เป็นอย่างยิ่งยังได้กลายเป็นความท้าทายที่สำคัญยิ่งอีกด้วย เพราะที่นี่มีทั้งแสงแดด ความร้อน และกระแสลมจัดมากตลอดทั้งปี ซึ่งจะทำให้สภาพอากาศบนดาดฟ้าตึกสูงยิ่งรุนแรงมากขึ้นเป็นเงาตามตัว Jungles จึงหาทางเอาชนะข้อจำกัดมากมายนี้ด้วยการลงต้นไม้ที่ให้ความเขียวชอุ่มได้ ทั้งๆ ที่ต้องทนอยู่กับสภาพความแห้งแล้งและได้รับการบำรุงรักษาน้อยมาก สับปะรดสีจึงเป็นต้นไม้สุดโปรดที่ Cisneros อยากให้เอามาปลูกมากที่สุดเพราะเป็นไม้เขตร้อนที่มีใบกว้างเหมาะกับแหล่งปลูกบนดาดฟ้าของเธอมาก นอกจากนี้ก็ยังมีต้นไม้อวบน้ำต่างๆ (succulents) รวมทั้งต้นไม้พื้นเมืองของฟลอริดา เช่น coontie และไม้เลื้อยอย่าง golden creeper

องค์ประกอบหลักที่ Jungles ต้องใส่ลงไปในงานออกแบบของเขาด้วยมีสระว่ายน้ำยาว 14 ฟุต กว้าง 11 ฟุตและสูงจากพื้น ราว 4 ฟุตซึ่งมีอยู่แต่เดิมแล้ว เขาจึงทำให้สระมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้นและให้ความรู้สึกเจริญหูเจริญตาด้วยการเพิ่มความยาวเข้าไปอีก 8 ฟุต ปลายด้านหนึ่งของสระออกแบบให้เป็นเหมือนหน้าผากว้างใหญ่ที่สะท้อนแสงแดดวิบวับเพราะปูด้วยกระเบื้องใสหลากสีของ Bisazza อีกด้านหนึ่งของสระทำให้มีน้ำไหลลงมาจากขอบสระซึ่งแลดูเหมือนไม่มีขอบเขตสิ้นสุดเพราะ Jungles ต้องการให้สระมีลักษณะเหมือนเป็นอากาศธาตุที่มีความต่อเนื่องกับทิวทัศน์โดยรอบโดยไม่มีส่วนของขอบสระมากั้นขวาง

สถาปนิกมือทองยังทำให้สระน้ำโดดเด่นน้อยลงสำหรับพื้นที่ซึ่งมีอยู่ไม่กว้างขวางนักด้วยการออกแบบให้รอบสระมียกพื้น เป็นขั้นบันไดทำด้วยไม้ ipe เหตุผลของการเลือกใช้ไม้เพราะ "มีเพียงไม้เท่านั้นที่จะทนทานต่อสภาพแวดล้อมหฤโหดบนดาดฟ้านี้ได้ นอกจากนี้ เรายังต้องการใช้ไม้เป็นตัวเชื่อมโยงพื้นที่บนดาดฟ้าเข้ากับภายในห้องของบ้านพักที่อยู่ชั้นล่างด้วย"

Cisneros เพิ่มเติมแบบเห็นด้วยว่า "มันทำให้บริเวณภายใน และภายนอกตัวอาคารกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน"

ส่วนผาน้ำตกทำด้วยหินบะซอลท์สีดำเรียงตัวกันลงมาเป็น ชั้นๆ นั้นเล่าก็กลายเป็นฉากหลังที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนสำหรับบริเวณโดยรอบสระน้ำได้เป็นอย่างดี แต่เท่านั้นยังไม่เพียงพอสำหรับ การทำให้ผาน้ำตกแลดูชวนฝันสำหรับผู้ได้พบเห็น เพราะมีการฝังเส้นใยแก้วนำแสงหรือไฟเบอร์ออปติคหลายพันเส้นให้แทรกตัวอยู่ระหว่างชั้นหินเพื่อจะได้ส่องแสงระยิบระยับในเวลากลางคืนเป็นการเลียนแบบแสงไฟในเมืองใหญ่ที่เรามักจะเห็นวิบๆ วับๆ ในยามค่ำคืนนั่นเอง ผาน้ำตกนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของทางเข้าสวนลอยฟ้าด้วย สถาปนิกผู้ออกแบบให้เหตุผลว่า "มันให้ความรู้สึกมหัศจรรย์มากที่เราจะได้ยินเสียงน้ำจากที่ต่างๆ มากกว่าแหล่งเดียว ฟังดูแล้วคล้ายๆ กับเสียงดนตรีระบบสเตอริโอนั่นเอง"

ถัดจากสระน้ำออกมาก็จะเป็นกระถางปลูกต้นไม้ทำด้วยอะลูมิเนียมแลดูเหมือนกล่องรูปทรงต่างๆ เพื่อเพิ่มมิติเชิงสถาปัตยกรรมได้อย่างน่าทึ่ง ส่วนต้นไม้ที่ปลูกในกระถางจะช่วยทำให้ เส้นสายเชิงเรขาคณิตที่แข็งทื่อนั้นอ่อนโยนพลิ้วไหวมากขึ้น

ตรงผนังขนาด 18 ฟุตที่อยู่ถัดจากทางเข้าใหญ่ไปยังสวนลอยฟ้า ผู้มาเยือนจะได้กลิ่นหอมและตื่นตะลึงกับความงามอ่อนช้อยของเถามะลิมาดากัสการ์ (Madagascar jasmine) ที่ไต่เลื้อยไปตามตะแกรงทำด้วยสายเคเบิลเหล็กกล้า ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่บ่งชี้ให้เห็นว่า Jungles สามารถผสมผสานองค์ประกอบเชิงสถาปัตยกรรมและองค์ประกอบทางธรรมชาติให้กลมกลืนเป็น เนื้อเดียวได้อย่างชาญฉลาด จุดนี้ถือเป็นเอกลักษณ์เด่นสำหรับอาชีพสถาปนิกด้านภูมิสถาปัตย์ของเขาเลยทีเดียว

สวนแนวดิ่ง (vertical garden) ตรงกึ่งกลางของผนังเดียวกันนี้เองกลายเป็นจุดดึงดูดสายตาอันน่าทึ่งอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งออกแบบโดย Jennifer Davit เธอใช้ตะแกรงที่มีลักษณะเป็นตาข่ายรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสทำด้วยเหล็กกล้าขนาด 6 ฟุตเป็นฉากสำหรับอวดความสวยงามของต้น Tillandsia 3 สายพันธุ์ ซึ่งรู้จักกันในหมู่นักเล่นต้นไม้ว่าเป็นพันธุ์ไม้ปลูกในอากาศ เพราะขนเล็กๆ เหมือนเส้นผมที่ปกคลุมใบเอาไว้ สามารถทำหน้าที่ดูดซับน้ำเอาไว้ ทำให้ไม้พันธุ์นี้ไม่ต้องพึ่งอาหารจากรากเพียงแหล่งเดียวเหมือนต้นไม้ส่วนใหญ่

เป้าหมายของ Davit อยู่ที่การสร้างสรรค์ "สวนแนวดิ่งที่ต้องการน้ำ ปุ๋ย และการดูแลรักษาน้อยมาก" เพราะต้นไม้ที่ปลูกแบบแขวนลอยในอากาศลักษณะนี้ต้องการน้ำน้อยมากในช่วงฤดูแล้งของฟลอริดา ในกรณีที่มีพยากรณ์เรื่องลมพายุรุนแรงก็สามารถเคลื่อนย้ายตะแกรงที่ติดตั้งเอาไว้ออกไปได้อย่างง่ายดายอีกต่างหาก

บริเวณมุมด้านนอกของดาดฟ้าออกแบบให้เป็นที่จัดเลี้ยงประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์โครงไม้รูปทรงเพรียวบางบุด้วยเบาะสีขาว สะอาดตา เป็นจุดชมวิวได้อย่างวิเศษเพราะมองเห็นทั้งทัศนียภาพ งดงามของอ่าวและทิวทัศน์ของเมืองแบบจุใจ บริเวณใกล้ๆ กันนี้เป็นเรือนไม้เลื้อยทำด้วยอะลูมิเนียมเพื่อให้เกิดร่มเงากับบริเวณของมุมรับประทานอาหารและครัว นอกจากนี้ยังมีผ้าใบสำหรับบังแดดหรือกันฝนได้ในเวลาเดียวกันด้วย

ครัวกลางแจ้งขนาดเล็กกะทัดรัดจะมีผนังแนวนอนทำด้วย บานเกล็ดไม้ ipe ล้อมรอบเพื่อบดบังสายตาจากเครื่องครัวแต่ให้ความรู้สึกโปร่งมีอากาศถ่ายเทได้ในเวลาเดียวกัน

Cisneros โปรดปรานที่จะจัดเลี้ยงในหมู่เพื่อนกลุ่มเล็กๆ บนสวนลอยฟ้านี้มาก เธอชอบใจวิธีออกแบบที่ทำให้ผู้มาเยือนเกิดความรู้สึกเหมือนได้ค้นพบอะไรสักอย่าง "เมื่อคุณเดินเข้ามา แทบจะไม่มีอะไรบอกใบ้เลยว่าคุณจะได้พบอะไรรออยู่ข้างหน้า จนกระทั่งเมื่อเดินพ้นสระน้ำไปแล้วนั่นแหละ คุณถึงจะได้เห็นภาพรวมของทั้งบริเวณซึ่งน่าอัศจรรย์จริงๆ"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us