Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา ตุลาคม 2552
การเคลื่อนพลของทัพหลวง             
โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์ เอกรัตน์ บรรเลง
 

   
related stories

อิทธิพลการค้า “จีน” กรณีศึกษา “ประเทศไทย”
ทัพหน้า (จีน)
ทัพหน้า (ไทย)
Yuan Zone อาวุธหนักที่รอสับไก
ภาษาจีน อาวุธลับที่ซึมลึก

   
search resources

Commercial and business
International
China




ในวรรณกรรมอมตะ "สามก๊ก" ผู้นำทัพหลวงของแต่ละฝ่ายในแต่ละยุทธภูมิก็แตกต่างกัน บางยุทธภูมิผู้นำของก๊กอาจจำเป็นต้องนำทัพด้วยตนเอง แต่ในบางยุทธภูมิ ผู้นำอาจใช้เพียงทหารเอก หรือหาคนที่เหมาะสมสามารถต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

14.55 น. วันที่ 23 สิงหาคม 2552 ปรากฏการณ์สำคัญอีกปรากฏการณ์หนึ่งในยุทธภูมิการค้าระหว่างจีนและไทยได้อุบัติขึ้น ณ ท่าเรือ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

เมื่อเตา หลินอิน ผู้ว่าการเขตปกครองตนเองชนชาติไตสิบสองปันนา นำคณะจำนวน 15 คน นั่งเรือหางยาวจำนวน 3 ลำ จากท่าเรือเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขง ก้าวลงจากเรือมาขึ้นฝั่งเหยียบแผ่นดินไทย

เป็นก้าวย่างที่มีนัยแห่งการขับเคลื่อนภายใต้ยุทธศาสตร์หลัก "มุ่งตะวันตก หรือ "Go West" ของรัฐบาลปักกิ่งที่มุ่งกระจายความมั่งคั่งจากที่กระจุกตัวอยู่ทางฝั่งตะวันออก มาสู่พื้นที่แถบตะวันตก โดยมียุทธศาสตร์ "ตงหมง" ได้แก่การเปิดเส้นทางออกสู่ทะเลให้กับมณฑลหยุนหนันและ 4 มณฑลใกล้เคียง ที่เรียกกันว่า "ซีหนาน" เป็นยุทธศาสตร์รอง

การวางกลยุทธ์ต่างๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์เหล่านี้ได้ดำเนินมาอย่างมุ่งมั่นเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ

เตา หลินอิน ผู้ว่าฯ สิบสองปันนา ที่นำคณะมาในครั้งนี้ เป็นคนเชื้อสายไทลื้อ สามารถพูดและฟังภาษาไทยได้ นอกจากนี้ยังมีญาติเป็นบุคคลในวงสังคมชั้นสูงอยู่ในกรุงเทพฯ

คณะของผู้ว่าฯ สิบสองปันนาที่เดินทางมาไทยเที่ยวนี้ นอกจากตัวผู้ว่าฯ แล้วยังมีรองประธานสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศสิบสองปันนา, นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงรุ่ง, นายอำเภอเมืองไฮ, นายอำเภอเมืองล่า, ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวสิบสองปันนา, ผู้อำนวยการนิคมอุตสาหกรรมจิ่งหง (เชียงรุ่ง), ผู้อำนวยการนิคมพัฒนาการท่องเที่ยวสิบสองปันนา, ผู้อำนวยการนิคมพัฒนาเศรษฐกิจบ่อหาน, รองประธานสำนักคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปสิบสองปันนา, รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรสิบสองปันนา, รองผู้อำนวยการสำนักงานวิเทศสัมพันธ์สิบสองปันนา, เลขานุการคณะ, ล่ามภาษาไทย และตัวแทนบริษัท China Eastern Airline สาขาหยุนหนัน

ตามกำหนดการ คณะนี้จะมาเจรจาการค้ากับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ จัดสัมมนาเชิญชวนนักธุรกิจไทยให้ไปลงทุนในสิบสองปันนา โดยจัดทั้งที่เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ เข้าพบผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก่อนจะเดินทางลงไปดูงานด้านการท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต และเดินทางกลับโดยเครื่องบินไปยัง สิบสองปันนา

รวมระยะเวลาการเดินทางทั้งสิ้น 8 วันเต็มๆ

ในการมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของคณะผู้ว่าฯ สิบสองปันนาเที่ยวนี้ ตัวแทนที่ร่วมเดินทางมาแต่ละคนสามารถนำเสนอโครงการลงทุนต่างๆ ของสิบสองปันนา พร้อมออกหน้าเจรจากับส่วนราชการของจังหวัดต่างๆ ที่เดินทางผ่าน ตั้งแต่เชียงราย เชียงใหม่ ลงไปถึงกรุงเทพฯ และภูเก็ต

หัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเจรจายกตัวอย่างเฉพาะการประชุมร่วมกับผู้ว่าฯและหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม อาทิ การเปิดให้สายการบิน China Eastern Airline บินจากคุนหมิง-เชียงรุ่ง (จิ่งหง)-กรุงเทพฯ โดยให้แวะพักที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงรายด้วย ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมนี้

ข้อเสนอที่ส่งไปถึงรัฐบาลปักกิ่งเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2552 ขออนุมัติให้คนจีนใช้บัตรผ่านแดนเดินทางออกจากสิบสองปันนา เข้าลาว-พม่า ทะลุถึงไทยได้ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของจังหวัดเชียงราย ที่ได้เสนอผ่านกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอไฟเขียวจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)-กระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไปแล้ว

บรรยากาศหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการประชุม Qian Min ผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์ สิบสองปันนา หยิบยกปัญหาการส่งออกสินค้าพืช ผัก-ผลไม้จากจีนเข้าไทยภายใต้ข้อตกลง FTA ขึ้นมาถามผ่านล่ามกลางเวทีประชุมว่า กระเทียม และมันฝรั่ง เป็นพืชผักผลไม้หรือไม่ ทำไมพ่อค้าจีนไม่สามารถนำเข้ามาจำหน่ายในไทยได้ตามข้อตกลง FTA ซึ่งพาณิชย์จังหวัดเชียงรายพยายามนำเรื่องความจำเป็นที่จะต้องปกป้องเกษตรกรไทยมาอธิบาย เพราะกระเทียมและมันฝรั่งเป็นสินค้าอ่อนไหว

ขณะที่ข้อเสนอของจังหวัดเชียงราย โดยผู้ว่าฯ เชียงรายกลับพูดถึงการแข่งขันฟุตบอล 6 ชาติที่สิบสองปันนาเป็นเจ้าภาพ และได้เชิญทีมฟุตบอลจากเชียงรายเข้าร่วมการแข่งขันด้วย

ผู้ว่าฯ เชียงรายได้บอกกับผู้ว่าฯ สิบสองปันนาในห้องประชุมว่า ขอให้ทีมบอลของสิบสองปันนาอ่อนข้อให้กับทีมบอลเชียงรายบ้าง เพราะทีมสิบสองปันนาเก่งกว่า!!!

ก่อนหน้าที่คณะของผู้ว่าฯ สิบสองปันนาจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยไม่กี่วัน เพิ่งมีคณะของกรมการท่องเที่ยว มณฑลหยุนหนัน นำโดยเหยียน กวงฮั่น รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว มณฑลหยุนหนัน พร้อมหัวหน้าฝ่ายการท่องเที่ยวจากเขตต่างๆ ในสังกัด เช่น นครคุนหมิง เขตอวี้ซี เขตผูเอ่อหรือซือเหมา เขตสิบสองปันนา เขตฉวี้ซง เขตอวี้ลิน เขตเจาทง ฯลฯ รวมประมาณ 30 คน เดินทางเข้ามาดูลู่ทางส่งเสริมการค้าการท่องเที่ยวผ่านเส้นทาง R3a

เหยียน กวงฮั่น บอกว่าส่วนหนึ่งเป็นการเดินทางสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวจากคุนหมิง-สิงคโปร์ โดยเดินทางผ่าน R3a ผ่าน สปป.ลาว ข้ามมายังเชียงราย ก่อนเดินทางต่อไปยังเชียงใหม่ กรุงเทพฯ จนถึงสิงคโปร์ เพื่อยืนยันว่าวันนี้ "คุน-มั่น กงลู่" ("มั่น" ตัวนี้ย่อมาจาก "มั่นกู่" หรือ "ม่าน กู่" ที่แปลว่า กรุงเทพฯ ในภาษาจีนกลาง ระยะทาง 1,800 กว่ากิโลเมตรจากคุนหมิง-กรุงเทพฯ ใช้การได้แล้ว ซึ่งคณะที่มาด้วยทั้งหมดมีเป้าหมายขับเคลื่อนการท่องเที่ยวให้กับหยุนหนันทั้งสิ้น

"ในอดีต ไม่เคยคิดว่าคุน-มั่น กงลู่จะเกิดขึ้นได้และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทำให้การท่องเที่ยวได้ประโยชน์สูงสุด เพราะตลอดเส้นทางมีทรัพยากรการท่องเที่ยวมากมาย"

โอกาสนี้กรมการท่องเที่ยวหยุนหนันได้ยื่นข้อเสนอให้จังหวัดเชียงรายร่วมออกแบบโปรแกรมท่องเที่ยวเผยแพร่ระหว่างกัน, ผลักดันให้ภาคเอกชนไทย-จีนหารือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำแหล่งท่องเที่ยวแต่ละประเทศทำเป็นรูททัวร์ขายให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่อไป

การเดินทางเข้ามาทั้งคณะของกรมการท่องเที่ยว มณฑลหยุนหนัน และคณะของผู้ว่าฯ สิบสองปันนา เปรียบได้ดังการส่งนายทหารเอกของทัพหลวงให้ลงมากรุยทางในระดับพื้นที่ เพื่อให้ยุทธศาสตร์ หลักที่ถูกกำหนดโดยรัฐบาลกลางสามารถเดินหน้าไปได้อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง

โดยในเวลาใกล้เคียงกับที่คณะทั้ง 2 เดินทางเข้ามาในไทย ก็ยังมีอีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่น่าจับตา นั่นคือการที่สมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื้อสายจีนทั่วโลก นำสมาชิกจำนวนกว่า 300 คน มาจัดสัมมนาธุรกิจไทย-จีน (Thai-Chinese Forum) ที่พัทยา เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการสัมมนากว่า 1,000 คน

สมาคมนี้จัดตั้งขึ้นจากสมาชิกที่เป็นนักธุรกิจชาวจีนที่มีสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านหยวนขึ้นไป ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 500 ราย

การสัมมนาครั้งนี้เป็นเหมือนการกรุยทางให้นักธุรกิจเชื้อสายจีนกลุ่มนี้ได้มองเห็นช่องทางการลงทุนในไทย และมีโอกาสหาผู้ร่วมทุนชาวไทยในอุตสาหกรรมการค้าและบริการแขนงต่างๆ

เป็นการยกระดับการรุกเข้ามาในไทยในสเกลที่ใหญ่ขึ้น เป็นย่างก้าวต่อเนื่อง หลังจากการส่งทัพหน้าที่เป็นพ่อค้านำสินค้าเข้ามายึดครองตลาด และควบคุมกลไกการค้าในไทยเอาไว้ได้แล้วในระดับหนึ่ง

หากมองการค่อยๆ แผ่อิทธิพลของจีนลงมาทางใต้สู่อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงจะเห็น ได้ว่าเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ ค่อยๆ ทวีขนาดให้ใหญ่ และมีรูปแบบที่เข้มข้น ขึ้นเรื่อยๆ

พื้นที่ลุ่มน้ำโขงตอนบนมีกลุ่มทุนจีนได้ทยอยเข้ายึดหัวหาดตามแนวเส้นทางคุน-มั่น กงลู่ ไว้แทบทุกจุด ทั้งที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็น (ชายแดนลาว-จีน ตรงข้ามเมืองบ่อหานของจีน) ที่ทุนจีนได้รับสัมปทานจากรัฐบาล สปป.ลาว โดยตรง, โครงการก่อสร้างโรงแรมในหลวงน้ำทา, สัมปทานพื้นที่ทำการเกษตร ทั้งปลูกยางพารา หรือพืชเศรษฐกิจอื่นๆ, สัมปทานเดินรถตามเส้นทาง R3a, สัมปทานพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว (ตรงข้ามกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย) ที่บริษัทดอกงิ้วคำ กลุ่มทุนจากมาเก๊า-จีนแผ่นดินใหญ่กำลังเดินเครื่องสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มูลค่าหลายพันล้านบาท เป็นต้น

(อ่านเรื่อง "เปิดตลาด (อินโด) จีน" นิตยสารผู้จัดการ ฉบับเดือนสิงหาคม 2550, เรื่อง "คุน-มั่ง กงลู่ เส้นทางจีนสู่อาเซียน" นิตยสารผู้จัดการ ฉบับเดือนสิงหาคม 2551 และเรื่อง "เซินเจิ้นลาวบนสามเหลี่ยมทองคำ" นิตยสารผู้จัดการ 360 ํ ฉบับเดือน มีนาคม 2552 หรือใน www.gotomana-ger.com ประกอบ)

อีกด้านหนึ่งจีนก็ใช้เขตเศรษฐกิจพิเศษเจียก้าว เมืองลุ่ยลี่ เขตปกครองตนเองชนชาติไต-จิงโพ่ เต๋อหง ผลักดันให้พม่าเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษมูเซ (พม่า) เปิดช่องทางเข้าสู่พม่าออกสู่ทะเลย่างกุ้งให้กับมณฑลทางตะวันตกเฉียงใต้หรือหยุนหนัน และ 4 มณฑลใกล้เคียง (ซีหนาน) รวมถึงการเปิดช่องทางผ่านชายแดนเหอโข่-ท่าเรือไฮฟอง เวียดนาม (ระยะทาง 389 กิโลเมตร) ด้วย

(อ่านเรื่อง ""เต๋อหง" ช่องทางสินค้าจีนที่ไทยไม่อาจมองข้าม" นิตยสารผู้จัด การ 360 ํ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2552 หรือ www.gotomanager.co.th ประกอบ)

ชัชวาล ศรีวชิราวัฒน์ ผู้อำนวยการนิคมอุตสาหกรรมจิ่งหง และยังเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้ความเห็นกับผู้จัดการ 360 ํ ว่าการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนนั้นจะมาเป็นระบบ มาเป็นทีมที่สำคัญคือทุกความเคลื่อนไหวมักได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ขณะที่ของไทยในระดับนโยบายอาจจะมียุทธศาสตร์อยู่ แต่ระดับปฏิบัติกลับไม่เห็นผลเป็นรูปธรรมใดๆ เกิดขึ้น

"เฉพาะตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย 3 ปีเปลี่ยน 4 คน นโยบายก็ไม่ต่อเนื่องแล้ว"

ชัชวาลบอกว่า คงต้องมีการผลักดันผ่านสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ (สป.) ที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญให้รัฐบาลวางยุทธศาสตร์เรื่องนี้อย่างจริงจังและเข้มข้นก่อนที่ไทยจะเสียโอกาส

สอดรับกับหลากหลายความเห็นของนักธุรกิจในพื้นที่ภาคเหนือที่บอกกับผู้จัดการ 360 ํ ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาว่า จีนได้รุกเปิดช่องทางออกสู่ทะเลให้กับมณฑลทางตะวันตกเฉียงใต้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางพม่า ลาว ไทย หรือเวียดนาม

"เรื่องหนึ่งที่เรายอมไม่ได้ คือการที่จีนต้องการจะให้รถสินค้าของเขาวิ่งผ่านตลอด ตั้งแต่ชายแดนลาวเข้ามาในไทย และลงไปถึงท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งคงต้องมีการต่อรองกันอย่างเข้มข้น" ประธานอินทรียงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยาม เซาท์ ไชน่า โลจิสติกส์ ผู้ดำเนินการท่าเรือพาณิชย์ห้าเชียง ริมแม่น้ำโขง ในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายกล่าวย้ำกับชัชวาลระหว่างการสนทนา

คำถามทิ้งท้าย ในเมื่อจีนกำลังรุกเข้ามาเป็นระลอกเช่นในขณะนี้ ไทยได้เตรียมตัวไว้ในระดับใดให้พร้อมรับกับทัพเศรษฐกิจจีนที่กำลังดาหน้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us