ภายใต้แนวความคิดว่าด้วย SCG Eco Value ที่เน้นเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในมิติของกระบวนการผลิตและความสามารถในการลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าของปูนแต่ละชนิด

ล่าสุด SCG นำเสนอผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์สูตรพิเศษ "ปูนช้างทนน้ำทะเล" สำหรับงานริมชายฝั่งทะเล พื้นที่น้ำกร่อย หรือพื้นที่ที่สัมผัสกับน้ำทะเลหรือไอทะเล มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนจากคลอไรด์และซัลเฟต และยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็น 2 เท่าของโครงสร้างที่ใช้ปูนปอร์ตแลนด์ทั่วไป

ความคงทนที่มากขึ้นในด้านหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้สแลก (Slag) ซึ่งเป็นวัตถุเหลือทิ้งจากกระบวนการถลุงเหล็ก มาใช้เป็นวัตถุดิบเสริมในการผลิต ทำให้มีคุณสมบัติด้านความทนทาน มีอายุการใช้งานยาวนาน และที่สำคัญคือสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 40%

เรามีความมุ่งมั่นอย่างจริงใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก" ปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ซิเมนต์ ระบุ

ยุทธศาสตร์ของเอสซีจี ซิเมนต์ ในฐานะที่เป็นผู้นำธุรกิจปูนซีเมนต์ในประเทศและกำลังขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียน ได้จัดสรรงบประมาณด้าน R&D สำหรับพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไว้ 180 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองฉลาก SCG Eco Value รวม 8 รายการ

ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองฉลาก SCG eco value เหล่านี้ได้รับการระบุว่าสามารถช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นปูนตราเสือ ซึ่งผลิตจากกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับการผลิตปูนปอร์ตแลนด์ประเภท 1 หรือกรณีของคอนกรีตลานตากพืชผลซีแพค ซึ่งลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในการอบแห้งผลผลิตได้ 15% เมื่อเทียบกับคอนกรีตทั่วไป

ปูนช้างทนน้ำทะเล เป็นการต่อยอดจากคอนกรีตชายฝั่งทะเลซีแพค ซึ่งออกสู่ตลาดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่มุ่งเฉพาะกลุ่มลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ แต่ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดนี้อยู่ในรูปแบบปูนซีเมนต์ ซึ่งจะวางจำหน่ายสู่ตลาดทั่วไป เพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้าของบ้านบริเวณชายฝั่งทะเลและโครงการขนาดเล็ก

ซึ่งแม้ปูนที่มีคุณสมบัติทนน้ำทะเล จะดำเนินกลยุทธ์การตลาดด้วยการชูประเด็นว่าด้วยการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

แต่ในส่วนของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสิ่งปลูกสร้างของพวกเขา อาจเป็นส่วนหนึ่งที่กัดกร่อนสิ่งแวดล้อมอยู่ก็เป็นได้