|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ช่วงระยะ 1-2 เดือนที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยธนาคารหลายแห่งเริ่มออกมาวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยกันบ้างแล้ว ล่าสุดธนาคารกรุงเทพอ้างว่าปี 2553 ภาพโดยรวมเศรษฐกิจไทยน่าจะดีพอประมาณ
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในส่วนฝ่ายวิจัยที่มีปิยะพันธ์ ทยานิธิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และพงศ์พัฒน์ คุโรวาท เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President ออกมาสรุปเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรก 2552 และแนวโน้ม
ปิยะพันธ์เปิดเผยผลวิจัยเศรษฐกิจ ไทย ปี 2553 ของธนาคารคาดการณ์น่าจะดีขึ้นพอประมาณจากจีดีพีที่ติดลบในปีนี้ (-3.6)-(-2.8) กลับไปเป็นบวกอยู่ที่ 2.0-4.0
ปัจจัยที่ธนาคารเชื่อว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวเกิดจากหลายส่วน คือ การบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออก เพราะการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมบางประเภทเริ่มกลับมาฟื้นตัวที่ระดับก่อนวิกฤติ เช่น ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ปิโตรเคมี ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์กระดาษและอาหาร
รวมไปถึงสินเชื่อบุคคลของสถาบันการเงินยังขยายตัว โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบัตรเครดิต
ในขณะที่การลงทุนของภาครัฐจะช่วยเศรษฐกิจให้กลับมา ดีขึ้นในช่วงระยะสั้นเท่านั้น แม้ว่าภาครัฐจะมีงบประมาณลงทุนถึง 1.4 ล้านล้านบาทก็ตาม แต่เชื่อว่างบประมาณจะไม่ถูกนำมาลงทุนทั้งหมดภายในครั้งเดียว
ผลวิจัยของธนาคารกรุงเทพแสดงให้เห็นว่าภาพรวมของเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นและยังพึ่งพิงการส่งออกเช่นเดิม และคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มเป็น 5.2-10.2 เปอร์เซ็นต์ จากปัจจุบันติดลบ ในขณะเดียวกันการขยายตัวนำเข้าในปีหน้าจะเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ประมาณ 16.3-22.6 เปอร์เซ็นต์
การนำเข้าขยายตัวสูงขึ้นจะส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลลดลงเป็น 2.1-3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงเป็น 3.2-4.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สิ่งที่ธนาคารกรุงเทพมองปัจจัยที่ไม่ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วเท่าที่ควรนั้นมีหลายส่วนเช่นเดียวกัน เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน มีแนวโน้ม ไม่ชัดเจน รวมถึงแผนธุรกิจของภาคเอกชนเพื่อลงทุนมีความไม่ชัดเจนเช่นเดียวกัน
การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมหลายประเภทที่คาดการณ์ว่าเริ่มฟื้นตัวแต่ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับก่อนวิกฤติ เช่น รถยนต์เชิงพาณิชย์ รถจักรยานยนต์ ปูนซีเมนต์ และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
ไม่เพียงเท่านั้นปัจจัยร่วมที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจคือ ราคาน้ำมันเพราะแม้จะคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะสงบนิ่งอยู่ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ราคาอาจเกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อถึงตอนนั้นอาจกลายเป็นความกดดันที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ผลวิจัยของธนาคารกรุงเทพมองเศรษฐกิจไทยที่มองว่าไม่ดีหรือไม่แย่ ทั้งปีนี้และปีหน้า จึงไม่รู้ว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายกันแน่
|
|
|
|
|