คิวเฮ้าส์มั่นใจเศรษฐกิจ-กำลังซื้อฟื้น รุกตลาดบ้านแพงเต็มสูบ ปีหน้าเปิดซิงแบรนด์ใหม่บนราชพฤกษ์หวังขึ้นแท่นสุดยอดบ้านหรู
ผลประกอบการครึ่งปีแรกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะรายใหญ่ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนนับจากเดือน พ.ค. เป็นต้นมา กลายเป็นสัญญาณที่ดีของดีเวลลอปเปอร์ว่าภาวะกำลังซื้อเริ่มหวนกลับมาแล้ว ซึ่งหลายรายได้แสดงความมั่นใจโดยประกาศปรับเป้ารายได้เพิ่ม เช่น เจ้าตำรับบ้านหรู 'ควอลิตี้ เฮ้าส์ (คิวเฮ้าส์)' ที่ประกาศปรับเป้ารายได้เพิ่มจาก 9,000 ล้านบาทเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท โดยมีรายได้จากกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับบน ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนรายได้ของคิวเฮ้าส์ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้เติบโตขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
'ตอนนี้บ้านราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป เราไม่มีสต็อกเหลือเลย เพราะลูกค้าให้การตอบรับดี เหลือแต่บ้านหลังใหญ่ที่ราคา 100 ล้านขึ้นไป ที่เราค่อยๆ ทำตลาดไป ทยอยให้ลูกค้าเข้าชมโครงการ เพราะเป็นสินค้าที่เจาะ Niche Market จริงๆ' รัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าว
คิวเฮ้าส์ยืนยันว่า แม้ช่วงที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจจะมีความผันผวน แต่ดีมานด์บ้านหรูยังมีอย่างต่อเนื่อง เพราะได้ยอดขายจากกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในช่วงนี้เข้ามาเป็นลูกค้าอยู่ตลอด โดยในปีหน้าได้วางแผนลงทุนโครงการใหม่ทั้งส่วนของคิวเฮ้าส์และคาซ่ารวม 13 โครงการ มูลค่ารวม 15,610 ล้านบาท แบ่งเป็นคิวเฮ้าส์ 55% และคาซ่า 45% แม้จริงๆ แล้วนโยบายหลัก คือ 50:50 แต่ด้วยสถานการณ์กำลังซื้อของตลาดบ้านระดับกลาง-ล่างที่ยังไม่น่าไว้วางใจ สถาบันการเงินยังเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรายย่อย ทำให้คิวเฮ้าส์ต้องยังคงนโยบายโฟกัสที่ตลาดบนที่ตัวเองถนัดเป็นหลักก่อน ซึ่งรัตน์กล่าวว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไม่วุ่นวาย เศรษฐกิจไทยจะเริ่มเป็นขาขึ้น เห็นได้จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ก็เริ่มฟื้นตัวแล้ว
ในปีหน้าคิวเฮ้าส์มีแผนจะพัฒนาโครงการบ้านหรูในรูปแบบใหม่ ภายใต้ 3 แบรนด์ใหม่ โดยในปัจจุบันกลุ่มคิวเฮ้าส์พัฒนาบ้านในทำเลราชพฤกษ์รวม 9 โครงการ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยวระดับกลางและบน เพื่อรองรับดีมานด์ในจุดต่างๆ บนถนนราชพฤกษ์ โดยจากศักยภาพทำเลและราคาที่ดิน ช่วงใกล้สาทร กัลปพฤกษ์ กรุงธนบุรี ที่อยู่ใกล้ซีบีดีมากที่สุด เป็นทำเลที่มีการพัฒนาบ้านราคาแพงมากแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ แต่ปัจจุบันราคาที่ดินในย่านดังกล่าวที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก หลังจากมีส่วนต่อขยายรถไฟฟ้ามาถึงวงเวียนใหญ่ ที่ปัจจุบันเปิดใช้งานแล้ว และจะขยายไปถึงบางหว้าในอนาคต ทำให้ราคาที่ดินติดถนนใหญ่ปัจจุบันได้ปรับสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้พุ่งขึ้นไปถึง 100,000 บาทต่อ ตร.วา รวมถึงที่ดินแปลงใหญ่สำหรับพัฒนาโครงการเริ่มหาได้ยากขึ้น ทำให้การพัฒนาบ้านหรูเริ่มกระจายจากราชพฤกษ์ตอนต้นกระจายไปสู่ตอนกลาง ในช่วงนครอินทร์ และตอนปลายในช่วงรัตนาธิเบศร์บ้าง แต่ก็จำกัดวงอยู่เฉพาะดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่เท่านั้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมาไม่เอื้อต่อการลงทุนมากนัก
วสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟรส์ จำกัด วิเคราะห์ว่า การพัฒนาบ้านหรูในทำเลราชพฤกษ์ตอนต้นจะสามารถเจาะตลาดได้ดีกว่าทำเลช่วงอื่น เพราะอยู่ไม่ไกลซีบีดี จึงสามารถเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายที่ทำงานในเมืองได้ ในขณะที่นครอินทร์หรือรัตนาธิเบศร์จะเจาะกลุ่มคนทำงานในเขตเมืองชั้นนอกเท่านั้น เช่น นนทบุรี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการมีรายได้ระดับกลาง ที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักของบ้านหรู ดังนั้นจึงเป็น Niche Market ซึ่งในระยะหลังมีเพียงดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่เท่านั้นที่เข้าไปเปิดโครงการใหม่
ล่าสุดคิวเฮ้าส์ได้เปิดตัวโครงการพฤกษ์ภิรมย์ รีเจนท์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ รวม 59 ยูนิต บนที่ดิน 200 ตร.วาขึ้นไป พื้นที่ใช้สอย 430-1,230 ตร.ม. ราคา 30-120 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เป็นการขยับทำเลบ้านหรูมาที่รัตนาธิเบศร์เป็นครั้งแรก หลังจากต้นทุนที่ดินในราชพฤกษ์ช่วงต้นขยับสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในปีหน้าคิวเฮ้าส์จะมีการปรับรูปแบบการพัฒนาโครงการไปจากเดิม โดยจะเปิดตัวโครงการ 'Q Twelve' บนที่ดิน 68 ไร่ย่านสาทร-ราชพฤกษ์ บ้านหลังใหญ่บนที่ดินขนาด 200 ตร.วา ขึ้นไป ราคา 20-120 ล้านบาท โดยตั้งแนวคิดโครงการให้เป็นสังคมของบ้านหรูโดยเฉพาะ ที่มีจำนวนบ้านเพียง 12 ยูนิตในโครงการเท่านั้น ทั้งนี้แบรนด์ดังกล่าวเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก 'พฤกษ์ภิรมย์ รีเจนท์' แบรนด์ระดับบนสุดของคิวเฮ้าส์ในปัจจุบันซึ่งเน้นความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้จะมีการเพิ่มแบรนด์ใหม่ ได้แก่ คิวเฮ้าส์ อเวนิว ที่พระราม 5 เนื่องจากเป็นที่ดินขนาดใหญ่ จึงพัฒนา 2 เฟสพร้อมกัน แบ่งเป็น North Avenue รวม 200 ยูนิต ราคา 15-25 ล้านบาท และ South Avenue รวม 40 ยูนิต ราคา 30-50 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 6,300 ล้านบาท และแบรนด์ 'วรารมย์ พรีเมี่ยม' ที่วัชรพล-จตุโชติ ราคา 5-8 ล้านบาท รวม 250 ยูนิต โดยจะปรับให้บ้านเป็นบ้านในสไตล์คอนเทมโพรารี่ซึ่งต่อไปจะใช้กับวรารมย์แห่งใหม่ในทุกโครงการ
|