|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โดยทั่วไป การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาป้อนตลาด และการหาพรีเซนเตอร์ที่เป็นนักกีฬาดังมาช่วยสนับสนุนงานทางการตลาด เคยเป็นสูตรสำเร็จทางการตลาดที่ใช้ได้ดีในกรณีของไนกี้ และสามารถสร้างยอดขายและกลุ่มฐานลูกค้าที่ติดหนึบกับความเป็นไนกี้มานานแสนนานหลายปี
หลายคนที่เห็นภาพของไนกี้ในวันนี้ อาจนึกไม่ถึงว่าเมื่อต้นปี 1984 ไนกี้เคยเป็นกิจการรองเท้าที่ประสบกับความยากลำบากทางธุรกิจอย่างมาก กิจการต้องการการกระตุ้นด้วยแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ ไปสู่ตลาดที่ดีขึ้นสู่ระดับพรีเมียม
ในขณะนั้น ไมเคิล จอร์แดน นักกีฬาบาสเกตบอลที่โด่งดังเคยเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้ามาหลายอย่าง แต่จอร์แดนก็เป็นความหวังของไนกี้ว่าจะช่วยให้สถานการณ์ทางธุรกิจดีขึ้น และเพิ่มพูนยอดการจำหน่าย ซึ่งขณะนั้น จอร์แดนชื่นชอบแบรนด์รองเท้าอาดิดาสหรือคอนเวิร์สมากกว่าไนกี้ แต่เงื่อนไขที่ไนกี้เสนอให้จอร์แดนดีกว่าสองแบรนด์นั้นมาก รวมไปถึงการให้ชื่อ 'แอร์ จอร์แดน' กับไลน์รองเท้าของไนกี้โดยเฉพาะเพื่อเขาโดยตรง
ช่วงเวลานั้น ไม่ค่อยมีนักการตลาดรองเท้ารายไหนที่กล้าจะเสี่ยงลงทุนกับนักกีฬามืออาชีพคนใดคนหนึ่งอย่างมากมายในการโปรโมตสินค้าของตนเช่นไนกี้ ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่ไนกี้เองได้เห็นความพิเศษในตัวจอร์แดนที่จะสามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการทำงานการตลาดได้ เช่น ความมีน้ำใจ ความเป็นตัวอย่างที่มีชีวิตจริงของฮีโร่ หน้าตาดี และให้โอกาสกับไนกี้
ความสำเร็จของแอร์ จอร์แดน ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตำนานของการเปลี่ยนโฉมหน้าของรองเท้าบาสเกตบอลของโลกก็ว่าได้ เพราะมีจอร์แดนเพียงคนเดียวที่ได้เป็นแบรนด์สินค้าของครอบครัว เป็นชื่อที่คนหลากหลายรุ่นจากเด็กจนแก่รู้จัก
ความสำเร็จของไลน์รองเท้าจอร์แดน ทำให้ไนกี้มีความมั่นใจการแตกไลน์และพัฒนาสินค้าอย่างอื่นมากขึ้น
จนถึงวันนี้ ไนกี้ตัดสินใจทดสอบตลาดสินค้าใหม่อีกไลน์หนึ่ง ที่เรียกว่า Nike+SportBand มีหน้าตาเป็นนาฬิกาหรือสายรัดข้อมือ ไม่ค่อยแตกต่างจากนาฬิการุ่นเก่าของคาสิโอเท่าใดนัก
เจ้า Nike+SportBand ที่ว่านี้ ห่างไกลจากความเป็นนาฬิกาธรรมดาอย่างมากมาย แถมยังมีการบรรจุกำลังม้ามหาศาลไว้ในสายรัดข้อมือตัวนี้ด้วย
คุณสมบัติหลักของ Nike+SportBand คือการทำหน้าที่ 2 อย่างคือ อย่างแรก หน้าที่ในการเชื่อมโยงความเป็นรองเท้าของไนกี้ที่เป็นแบรนด์หลัก เข้ากับอุปกรณ์เสริมที่ขายใหม่นี้ได้อย่างเหมาะเจาะ สอดคล้อง อย่างที่สอง คือหน้าที่ในการเป็นเครื่องมือให้บริการผู้สวมใส่ในการตรวจจับความฟิตของร่างกายที่ทำงานบน web-based ได้อย่างน่าสนใจและทันสมัยเที่ยงตรง
ด้วยเหตุนี้ Nike+SportBand จึงเป็นอุปกรณ์ที่ทำการตรวจจับ ติดตาม สอดส่องอย่างใกล้ชิดทุกๆ วินาทีของเวลาที่ผ่านไปและอย่างต่อเนื่อง เมื่อผู้สวมใส่ใส่สายรัดข้อมือนี้ในระหว่างการทำกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางกายภาพ ตามจำนวนก้าวของเท้าที่ขยับเขยื้อน ระบุจำนวนแคลอรีที่เผาผลาญไปในแต่ละช่วงเวลา และยังมีความสามารถในการใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง
จากคุณสมบัติข้างต้น เห็นได้ว่า ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องเล่นตัวใหม่ของไนกี้ในไลน์ Nike+SportBand น่าจะเป็นสินค้าที่เหมาะสมกับฐานลูกค้าของไนกี้กลุ่มที่ห่วงสุขภาพของตนเอง และต้องการหามาตรฐานมาช่วยแจ้งความฟิตของร่างกายได้ตลอดเวลาอย่างน่าเชื่อถือ
หลักการทำงานของ Nike+SportBand คือ การบวกความเป็นไนกี้ในอุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างทันสมัย แม้ว่าขนาดของสายรัดข้อมือจะบางมากๆ ซึ่งเมื่อรวมเอาอุปกรณ์ Nike+SportBand เข้ากับรองเท้าของไนกี้ที่มีอุปกรณ์ที่อ่านข้อมูลกันได้ก็จะสามารถสื่อสารหรือหากันเจอผ่านระบบไร้สายและบลูทูธ ทำให้สามารถแสดงค่ามวลกายและความฟิตของร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เจ้าตัวเซ็นเซอร์นี้ ได้รับการพัฒนาขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงไม่ใช่แค่เซ็นเซอร์ธรรมดา แต่สามารถทำงานได้อย่างว่องไวกับรองเท้าของไนกี้ที่เสริมอุปกรณ์บางอย่างเข้าไป
ความสำเร็จของการจำหน่ายสินค้าของไนกี้ในไลน์ Nike+SportBand เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะความจริงที่ว่า ลำพังรองเท้าของไนกี้ก็แพงแสนแพงแล้ว ต่อให้ซื้อตอนที่ลดราคากระหน่ำก็ตาม การเพิ่มภาระให้กับลูกค้าด้วยการขายเจ้าอุปกรณ์เสริมนี้ อาจกลายเป็นการสร้างภาพทางลบให้กับไนกี้ได้ หากไม่ใส่ใจในจุดนี้
ดังนั้น ราคาของไลน์ Nike+SportBand จึงออกมาในราคาที่ไม่แพงมากเพียงประมาณ 59 ดอลลาร์เท่านั้น เพื่อแลกกับความใส่ใจในสุขภาพเพิ่มขึ้น และราคาของ Nike+Sensor ก็ต่ำกว่าเพียง 32.99 ดอลลาร์เท่านั้น
อุปกรณ์ที่ไนกี้จำหน่ายในส่วนของ Nike+SportBand นี้ มาจากการทำความตกลงกับบริษัทภายนอกชื่อ ชู พัช (Shoe Pouch) ซึ่งใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่พัฒนาอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของไนกี้ จนสามารถใช้ได้กับรองเท้าวิ่งทุกรุ่นของไนกี้
จากเดิมที่มีเพียงสีเดียว ปัจจุบัน Nike+SportBand มีหลายสี สวยๆ สดใส อย่างสีเหลือง-ดำ แดง-ดำ และชมพู-ดำ
ความกล้าในการทดสอบตลาดของไนกี้ เป็นสิ่งที่นักการตลาดทั่วโลกให้ความสนใจ และคงจะมีการติดตาม เพื่อดูว่าทางเลือกใหม่ของไนกี้นี้ ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ
|
|
|
|
|