โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ กำลังสร้างจุดขายใหม่บนความแตกต่างของโรงพยาบาลเด็ก
ที่ต้องการจะให้เป็นโรงพยาบาลเด็กที่มีความพร้อมและสมบูรณ์ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อก้าวออกจากประตูลิฟต์ ชั้น 2 ของโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ รอยเท้าสัตว์เล็กๆ
ตามพื้นห้อง พา "ผู้จัดการ" เข้าไปยังอาณาจักรของโรงพยาบาลเด็ก โรงพยาบาลในฝันของเด็กๆ
ที่ใหญ่โตกว้างขวางเต็มไปด้วยสีสันและความสวยงามน่ารัก ลบภาพโรงพยาบาลแบบ
เก่าในสายตาเด็กออกไปได้อย่างสิ้นเชิง
ป้ายลูกศรจะชี้บอกทาง 2 ทาง ป้ายแรก "ซาฟารีเวิลด์" เป็นโซนที่ ตกแต่งเป็นรูปสัตว์ป่า
ส่วนอีกทางจะเป็น "วอเตอร์เวิลด์" ตกแต่งด้วยชีวิตสัตว์และพืชใต้น้ำอย่างน่าตื่นตา
ความสวยงามของสถานที่ ความพร้อมของศูนย์ต่างๆ ในเรื่องเกี่ยวกับเด็ก ศักยภาพในเรื่องทีมงาน
ความทันสมัยของเครื่องมือทางการแพทย์คือจุดขายที่สำคัญของโรงพยาบาลแห่งนี้
ก่อนจะเป็นโรงพยาบาลเด็กครบวงจร ที่นี่เป็นเพียงศูนย์กุมารเวช ที่เปิดขึ้นในโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2544 โดยมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงชนิกา ตู้จินดา
เป็นประธานศูนย์ฯ ประกอบด้วย แผนกผู้ป่วยนอก กุมารเวชศาสตร์ทั่วไป ทารกแรกเกิด
โรคติดเชื้อ โรคภูมิแพ้ โรคไต โรคปอด โรคระบบทางเดินอาหาร โรคต่อมไร้ท่อ
โรคมะเร็งในเด็ก ฯลฯ
ต่อมาเริ่มมี "ศูนย์เด็กเล็กพิเศษ" ขึ้น เมื่อเดือนเมษายน 2545 บริการในเรื่องเด็กพิเศษ
และเด็กออทิสติก เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน เปิดศูนย์ต่อมไร้ท่อและเบาหวานในเด็กเดือนกุมภาพันธ์
2546 เปิดศูนย์ภูมิแพ้ และล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2546 เปิดศูนย์ธาลัสซีเมีย
และโลหิตวิทยา
การมีศูนย์หลากหลายครบวงจรหมายถึงความพร้อมในหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับเด็ก
ในขณะที่ตลาดโรงพยาบาลเด็กในปัจจุบันของโรงพยาบาลเอกชนยังไม่มี แนวความคิดในการตั้งเป็นโรงพยาบาลก็เลยเกิดขึ้น
"จำนวนเด็กเกิดต่อปีน้อยลง ในขณะเดียวกันพ่อแม่ก็ได้ให้ความสำคัญในความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของเด็กมากขึ้น
สิ่งเหล่านี้ภาคเอกชนยังไม่มีใครตอบรับอย่างเต็มที่ ดังนั้น น่าจะเป็นช่องว่างของเราที่จะลงมาเล่นในจุดนี้"
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงชนิกา ตู้จินดา ประธานโรงพยาบาลเด็ก ศรีนครินทร์
ได้เล่าถึงความเป็นมาในการก่อตั้ง
ความพร้อมในเรื่องศูนย์ต่างๆ เป็นเสมือนกลยุทธ์ทางด้านการตลาดที่ทำให้คนรู้จัก
มากขึ้น ปัจจุบันโรงพยาบาลเด็ก สมิติเวช ศรีนครินทร์ มีชื่อเสียงเรื่องของศูนย์เด็กพิเศษ
(Special Needs Child Center) ซึ่งในศูนย์นี้นอกจากจะมีคณะจิตแพทย์เด็กคอยให้การบำบัดรักษาทางด้านจิตใจ
แล้วยังมีเครื่องมือที่ทันสมัย (Hemo Encephelo Gram-HEG) สามารถตรวจเช็กได้ว่าเด็กมีสมองส่วนไหนที่เลือดไปเลี้ยงน้อยไป
และเครื่องมือนี้ ก็สามารถช่วยทำให้ให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ส่งผลให้อาการของโรคดีขึ้น
การพัฒนา ทางกายก็ดีขึ้น
ความพร้อมทางด้านศูนย์ปัญหาการเรียน (Learning Disorder Center) ประกอบ
ไปด้วยจิตแพทย์เด็ก เจ้าหน้าที่พยาบาล นักจิตวิทยาคลินิก ครูดนตรี ครูการศึกษาพิเศษ
ทั้งหมดทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อให้แนวความคิดสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน
เพื่อประโยชน์สูงสุดกับเด็กและครอบครัว
ศูนย์ธาลัสซีเมีย โลหิตวิทยา และมะเร็งในเด็ก (Thalassemia Hematology
Center) เป็นอีกศูนย์หนึ่งที่โรงพยาบาลให้ความสำคัญ ตัวเลขของคนไทยกว่า 25
ล้านคน เป็นพาหะของโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย ถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยไม่รู้ตัว
การตรวจเลือด ของคู่สมรสก่อนการแต่งงานเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อที่จะได้วางแผนป้องกันแต่เนิ่นๆ
และสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ ก็ยังมีวิทยาการทางการแพทย์ที่สามารนำเซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลือดจากพี่หรือน้องมาปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยหายขาดได้
"โรงพยาบาลเด็กที่สามารถรักษาเด็กทุกสาขาครบวงจรภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" คือเป้าหมายสำคัญของโรงพยาบาลแห่งนี้ทางผู้บริหารได้วางไว้
และคาดว่าในระยะเวลา 5 ปี เป้าหมายที่วางไว้ต้องเป็นจริง"
ความแตกต่างของโปรดักส์จะเป็นตัวทำตลาดอย่างหนึ่ง ที่กำลังได้รับความสนใจ
เช่น เมื่อมีปัญหาในกรณีคนไข้เด็กอาการหนัก ทั้งโรงพยาบาลในเครือของสมิติเวช
และโรงพยาบาลกรุงเทพ รวมทั้งโรงพยาบาลใกล้เคียงจะส่งเด็กมาที่นี่ทันที แผนการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลต่างๆ
จึงกำลังถูกวางอย่างรัดกุม
กลุ่มของโรงเรียนและผู้ปกครองคือเป้าหมายสำคัญในการทำตลาด โปรแกรมจัดสัมมนาในเรื่องต่างๆ
กับครู และผู้ปกครอง จึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการจัดสัมมนาใหญ่ทุกปี
โดยเชิญผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นพันคน ทุกอย่างฟรีหมด เพื่อเป็นการเปิด ตัวสู่ภายนอก
ให้ทุกคนได้รับรู้ในศักยภาพของโรงพยาบาลเด็กแห่งใหม่นี้