|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แบงก์กรุงเทพยืดอกรับสินเชื่อปีนี้ไม่เข้าเป้าจากที่ตั้งไว้ 5% คาดโตได้แค่ 3-4% เหตุลูกค้าส่งออกฟุบ เอกชนแตะเบรกขยายการลงทุน แต่ยังมีลุ้นโค้งสุดท้ายของปีหวังขอมีเอี่ยวปล่อยกู้ 3 ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์"ฟอร์ด-ซูซูกิ-จีเอ็ม"ที่จะย้ายฐานมาลงทุนไทย ด้านการขายสินเอเซียยังไม่คืบรอคลังชี้ขาด
นายเดชา ตุลานันท์ รองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยถึงการขยายตัวสินเชื่อรวมของธนาคารทั้งปี 2552 ว่า ไม่น่าจะได้ตามเป้าหมายที่ธนาคารวางไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาที่ตั้งไว้ 5% เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่มีการชะลอตัวลง ส่งผลให้นักลงทุนทั้งคนไทยและต่างประเทศยังไม่มีขยายการลงทุนออกไป จึงไม่มีการขอหรือเบิกจ่ายสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ แม้ว่าธนาคารจะมีความต้องการที่จะปล่อยสินเชื่อ แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่ายอดการปล่อยสินเชื่อจะเติบโตได้ประมาณ 3-4% โดยได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าเกษตรประเภท ข้าว น้ำตาล ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้ามาช่วยให้ยอดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารได้ในระดับดังกล่าว
“ต้องยอมรับว่าสินเชื่อรวของธนาคารปีนี้ทั้งปีพลาดเป้าหมายแน่นอน เพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ ลูกค้าที่ทำธุรกิจส่งออกก็ได้รับผลกระทบ ซึ่งยอดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจนถึงขณะนี้ก็ยังถือว่าอยู่ในอัตราที่น้อยอยู่แต่ก็ไม่ถึงขั้นร้ายแรงจนน่ากลัวอะไร แต่เราหวังว่าสิ้นปีนี้ยอดสินเชื่อน่าจะโตได้ 3-4% และธนาคารก็จะไม่มีการปรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อปีนี้” นายเดชา กล่าว
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปี 2553 นั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการวางแผนและยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ในการกำหนดเป้าหมายของธนาคารนั้น จะต้องมีการวางแผนว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรในการทำธุรกิจ และมองถึงภาพรวมในอนาคตด้วย ซึ่งประเมินว่าอุตสาหกรรมการเกษตรที่เกี่ยวกับอาหารแปรรูป และอุตสาหกรรมรถยนต์ประเภทชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ น่าจะมีการเติบโตได้ดีในปีหน้า
สำหรับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ธนาคารมองว่ายังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากการฟื้นตัวในปัจจุบันไม่ได้เกิดจากภาคเอกชน แต่เกิดจากการอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งเงินส่วนนี้ไม่สามารถคงทนได้ตลอด ดังนั้น จึงต้องติดตามสถานการณ์ภายหลังจากหากมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่ขณะนี้มองว่ารัฐบาลไทยพยายามอย่างเต็มที่อยู่แล้วที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี สิ้นปีนี้ภาวะเศรษฐกิจน่าดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ขนาดใหญ่ เช่น บริษัทฟอร์ด ซูซูกิ และจีเอ็มมอเตอร์ ที่มีแผนจะย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยและมีมูลค่าโครงการดังกล่าวประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยในส่วนของธนาคารก็มีความพร้อมในการสนับสนุนสินเชื่อให้อยู่แล้ว และเชื่อว่าจะมีส่วนแบ่งในการปล่อยสินเชื่อด้วย ซึ่งการที่กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ทั้งสามมีแผนเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ไปร่วมประชุมจี 20 ซึ่งสามารถเรียกความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนได้
ย้ำขายACLรอคลังชี้ขาด
นายเดชายังกล่าวถึงกล่าวถึงกรณีที่ประธานธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า หรือ ICBC เข้ามาเจรจาการซื้อหุ้นธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) (ACL)กับกระทรวงการคลัง ว่าทราบข่าวมาพอสมควรถึงการเข้ามาเจรจาของ ICBC แต่ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ โดยเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจการตัดสินใจของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยธนาคารกรุงเทพก็พร้อมที่จะทำตามนโยบายที่กระทรวงการคลังตัดสินใจ
“ได้ยินว่าเขามาแต่เรายังไม่ได้คุยอะไร เพราะอยู่ที่กระทรวงการคลังว่าจะเอาอย่างไร ถ้ากระทรวงการคลังโอเค เราก็โอเค แล้วเราจึงค่อยโอเวอร์ดีล ซึ่งเข้าใจว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เขาอยากเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องการ 75% แต่ผมยังไม่แน่ใจ ส่วนจะดีลเสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เพราะธนาคารกรุงเทพก็เป็นช้างเท้าหลัง” นายเดชากล่าว
|
|
|
|
|