Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์21 กันยายน 2552
SCG กินรวบรับสร้างบ้าน ถึงคราวรับเหมารายย่อยสะเทือน             
 


   
www resources

โฮมเพจ เครือซิเมนต์ไทย

   
search resources

ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ.
Construction




เอสซีจีขยับก้าวรุกตลาดสะเทือนวงการรับเหมา จับมือเซกิซุยดึงระบบบ้านสำเร็จรูปจากญี่ปุ่นบุกตลาดรับสร้างบ้านไทยเต็มสูบ เจาะตรงรับงานลูกค้ารายย่อย-ดีเวลลอปเปอร์-บริษัทรับสร้างบ้าน

ความได้เปรียบของเอสซีจีในฐานะที่เป็นกลุ่มผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดและมีฐานลูกค้าและเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายมากที่สุดในไทย ทำให้เมื่อเอสซีจีขยับก้าวแต่ละครั้ง เพื่อต่อยอดธุรกิจ กลายเป็นเรื่องที่สะเทือนวงการ และความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดที่เอสซีจีเซ็นสัญญาร่วมทุนกับเซกิซุย เคมิคอลผู้นำระบบก่อสร้างบ้านสำเร็จรูปจากญี่ปุ่น เพื่อรุกตลาดรับสร้างบ้านไทยอย่างจริงจัง ได้กลายเป็นจิ๊กซอว์ที่เติมเต็มและตอกย้ำถึงความครบวงจร ซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับเอสซีจีมากยิ่งขึ้น

การร่วมทุนครั้งนี้เอสซีจีได้จัดตั้ง 2 บริษัท ภายใต้ชื่อ SCG-HEIM ได้แก่ บริษัท เซกิซุย-เอสซีจี อินดัสทรี ดูแลการผลิตส่วนประกอบของบ้าน โดยตั้งโรงงานที่หนองแค จ.สระบุรี โดยเซกิซุยฯ ถือหุ้น 51% และเอสซีจีถือหุ้น 49% และบริษัท เอสซีจี-เซกิซุย เซลส์ จำกัด ดูแลการขายและการบริการรับสร้างบ้านให้ลูกค้า โดยเอสซีจีถือหุ้น 51% เซกิซุยฯ ถือหุ้น 49% ซึ่งเซกิซุยทำธุรกิจพลาสติก ท่อน้ำพลาสติกสำหรับงานสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม และธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยเป็นผู้นำในตลาดบ้านสำเร็จรูประบบโมดูลาร์ที่ญี่ปุ่น และสร้างบ้านมาแล้วกว่า 4.5 แสนหลัง และเป็นครั้งแรกที่มีการขยายตลาดรับสร้างบ้านมานอกประเทศ

บ้านสำเร็จรูปในระบบโมดูลาร์จะมาจากการผลิตชิ้นส่วนที่โรงงาน ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จากนั้นนำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบติดตั้งที่หน้างาน ใช้เวลา 1-2 วัน ซึ่งรวดเร็วกว่าการก่อสร้างในระบบเดิม รวมถึงคุณภาพของการก่อสร้างที่มีความเที่ยงตรง เนื่องจากชิ้นส่วนกว่า 80% ของตัวบ้านผลิตสำเร็จรูปมาจากโรงงาน โครงสร้างบ้านสามารถต้านทานแรงแผ่นดินไหวและลมได้ มีนวัตกรรมระบบหมุนเวียนอากาศ ช่วยกรองฝุ่นละออง ทำให้อากาศภายในบ้านบริสุทธิ์ และเย็นทั่วถึงสม่ำเสมอ ช่วยประหยัดไฟจากเครื่องปรับอากาศ ทุกส่วนติดฉนวนพร้อมระบบ Air Tightness ปกปิดรอยต่อต่างๆ ของตัวบ้าน ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน และกันความเย็นออกไปภายนอก ซึ่งทำให้บ้านอยู่สบาย ทั้งนี้การก่อสร้างจะใช้วัสดุภายในประเทศกว่า 80-90%

กลุ่มเป้าหมายของระบบบ้านสำเร็จรูปดังกล่าว คือ ลูกค้าทั่วไป ดีเวลลอปเปอร์ และบริษัทรับสร้างบ้านในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง โดยเน้นการทำตลาดแบบ Customer Centric ไม่มีแบบบ้านมาตรฐาน แต่เน้นการออกแบบที่ตรงตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งระบบโมดูลาร์สามารถรองรับการต่อเติมบ้าน และการปรับบ้านให้เป็น Green House ที่สามารถผลิตพลังงานด้วยตัวเองในอนาคตได้ คุณภาพการก่อสร้างที่มีความเที่ยงตรง งบประมาณจึงไม่บานปลาย โดยตั้งราคาค่าก่อสร้าง 25,000 บาทต่อ ตร.ม. ซึ่งพิชิต ไม้พุ่ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า การทำตลาดของเอสซีจีในธุรกิจนี้ในช่วงแรกตั้งเป้าว่า จะให้เป็นตัวเลือกหนึ่งของผู้บริโภคเมื่อคิดจะสร้างบ้าน ซึ่งเอสซีจีมีบริการดูแลลูกค้าครบวงจรตลอดอายุการใช้งานของบ้าน ตั้งแต่การออกแบบตัวบ้าน ตกแต่งภายในและภายนอกตามงบประมาณที่ลูกค้าต้องการ บริการขออนุญาตก่อสร้าง ขอสินเชื่อ ซึ่งครบวงจรเช่นเดียวกับบริษัทรับสร้างบ้านทั่วไป พร้อมรับประกันโครงสร้างบ้าน รากฐานเป็นเวลา 20 ปี พร้อมรับประกันอุปกรณ์และระบบต่างๆ ภายในบ้าน รวมทั้งมีบริการหลังการขาย บริการตรวจเช็คระบบต่างๆ โดยตั้งเป้ายอดขาย 100 หลังภายปี 2553 ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 220 หลังต่อปี ในอนาคตจะตั้งโรงงานผลิตใหม่ตามภูมิภาคต่างๆ เพี่อเจาะตลาดต่างจังหวัดเพิ่ม ขั้นต้นตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์เพียง 10% ของจำนวนบ้านสร้างใหม่แต่ละปี

การนำระบบโมดูลาร์มารุกตลาดรับสร้างบ้านของเอสซีจีนอกจากจะเป็นการต่อยอด เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าและยอดขายให้กับวัสดุก่อสร้างของเอสซีจีแล้ว การขยับรุกธุรกิจใหม่ในครั้งนี้อาจจะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับกลุ่มผู้รับเหมาพอสมควร เพราะเป็นการพยายามเข้าไปมีบทบาทแทนที่ผู้รับเหมารายย่อยที่ใช้การก่อสร้างในระบบดั้งเดิม แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เวลา และคุณภาพงานที่ควบคุมได้ยาก ซึ่งปัจจุบันทั้งตลาดยังใช้ระบบการก่อสร้างแบบดั้งเดิมเป็นส่วนใหญ่   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us