ซี.พี.กรุยทางลงทุนเชิงรุกเต็มสูบ เดินหน้าเพิ่มทุน เตรียมรวม 2 บริษัทที่ดินในเครือเข้าตลาดหลักทรัพย์ หวังเติบโตระยะยาว เพิ่มน้ำหนักพอร์ตปล่อยเช่า เล็งซื้อตึก-โรงแรมเข้าพอร์ตเพิ่ม เทงบร้อยล้านรีโนเวตออฟฟิศ เบรกพอร์ตโครงการพัฒนาเพื่อขาย หลังสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น
เส้นทางเดินของเครือซี.พี.ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ที่เน้นเดินกลยุทธ์ธุรกิจแบบคอนเซอร์เวทีฟหรือค่อยเป็นค่อยไป ลงทุนในอาคารสำนักงานให้เช่าเป็นหลัก เมื่อผนวกกับแลนด์แบงก์และรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่ม ก็ทำให้ซี.พี.เป็นหนึ่งในแลนด์ลอร์ดที่ได้ชื่อว่ามีเงินทุนหนาเต็มหน้าตัก มากที่สุดรายหนึ่ง และต่อจากนี้ชื่อของ 'ซี.พี.แลนด์' คงจะเป็นที่น่าจับตามองมากขึ้น หลังจากที่หัวเรือใหญ่ประกาศพร้อมเดินหน้านำ 2 บริษัทพัฒนาที่ดิน คือ ซี.พี.แลนด์ และซี.พี. พลาซ่า เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทันทีที่สถานการณ์ในตลาดทุนเปิดทาง
หลังจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ลามไปทั่วโลก จนทำให้ราคาสินทรัพย์ลดลง ทำให้ซี.พี.แลนด์ใช้เป็นจังหวะเข้าไปซื้ออาคารเก่าเข้ามาเพิ่มในพอร์ต ล่าสุดสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่ดิน บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ชนะการประมูลซื้ออาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารทหารไทยเดิม บริเวณสี่แยกพญาไท
ซึ่งธนาคารทหารไทยถือครองร่วมกับกองทุนอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่ง โดยบริษัทฯ จะใช้งบ 100 ล้านบาทในการรีโนเวตปรับโฉมใหม่ทั้งภายในและภายนอกเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ ชื่อว่า 'ซี.พี.ทาวเวอร์ 3' พื้นที่รวม 30,527 ตร.ม. รองรับผู้เช่าที่เป็นสำนักงาน โรงเรียนกวดวิชา ร้านอาหาร คาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปีหน้า ขณะนี้มียอดเช่าพื้นที่แล้วเกินครึ่งทั้งนี้อาคารดังกล่าวตั้งอยู่ในทำเลติด สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสพญาไท ใกล้แนวรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ จึงมีศักยภาพในการลงทุนสูง
สุนทรกล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อซื้ออาคารเก่าเพิ่มอีกหลายอาคาร โดยอยู่ในย่านซีบีดีทั้งหมด รวมถึงโรงแรมระดับ 4-5 ดาวทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเข้ามาเพิ่ม เพราะมองว่าสามารถรับรู้รายได้ได้เร็วกว่าการสร้างตึกใหม่ โดยในการลงทุนอาคารสำนักงาน บริษัทฯ วางกรอบเวลาในการคืนทุนไม่เกิน 10 ปี และได้เตรียมเงินลงทุนรวมกว่า 1,000 ล้านบาทในการรีโนเวทอาคารสำนักงานและโรงแรมของบริษัทฯ
นอกจากนี้บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างสัญญาเช่าพื้นที่รีเทลในอาคารสำนักงาน เช่น ซี.พี.ทาวเวอร์ 1 สีลม ที่จะทยอยหมดสัญญาถึงปี 2554 จากเดิมที่เป็นการเช่าซื้อ 25 ปีมาเป็นการจ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน หลังจากพบว่ามีการนำพื้นที่ไปให้เช่าช่วงต่อในราคาสูง ทำให้บริษัทฯ เสียประโยชน์ คาดว่าหลังจากปรับสัญญาเช่าแล้วจะทำให้รายได้จากเช่าเพิ่มขึ้น 3 เท่า
ทั้งนี้บริษัทฯ มีรายได้จากค่าเช่าปีละ 500-600 ล้านบาท โดยในช่วงที่ผ่านมาแม้ตลาดอาคารสำนักงานจะหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่รายได้จากค่าเช่าของกลุ่มซี.พี.ยังทรงตัว เนื่องจากเก็บค่าเช่าในอัตราไม่สูงนักมาตลอด และส่วนใหญ่เป็นผู้เช่าระยะยาว ในขณะที่รายได้จากกลุ่มโรงแรมคาดว่าจะหดตัวลง 50% เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ฟื้นตัวในปีนี้คาดว่ากลุ่มธุรกิจพัฒนาที่ดินของ ซี.พี. จะมีรายได้รวม 1,500 ล้านบาท เติบโต 5% จากปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเร่งการก่อสร้างโครงการเดอะซีซันส์ คอนโดมิเนียมที่ศรีนครินทร์ มูลค่า 700 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 50% จะเริ่มรับรู้รายได้ในปีหน้า ส่วนแผนการลงทุนในแลนด์แบงก์ย่านชานเมืองและต่างจังหวัดประมาณ 4-5 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท เช่น ถ.ประชาร่วมใจ มีนบุรี, สุราษฎร์ธานี, ขอนแก่น ได้ชะลอการลงทุนออกไปก่อน รวมถึงโครงการ เดอะ เฌอ คอนโดมิเนียมที่พัทยา ซึ่งร่วมทุนกับบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ของทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ บุตรสาวธนินท์ เจียรวนนท์ ที่หยุดพัฒนาโครงการและทยอยคืนเงินลูกค้าไปแล้วหลังจากสถานการณ์ตลาดชะลอตัว บริษัทฯ ได้ซื้อหุ้นคืนจากแมกโนเลียส์ทั้งหมด เพื่อให้กลับมาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ 100% ในที่ดินเหมือนเดิม เพื่อเป็นการปูทางเตรียมความพร้อมสู่การลงทุนที่มากขึ้นในอนาคต
สุนทรกล่าวว่า บริษัทฯ ได้ขอมติผู้ถือหุ้นเพิ่มทุนบริษัท ซี.พี.แลนด์ จาก 2,200 ล้านบาทเป็น 2,500 ล้านบาท และเมื่อสถานการณ์ตลาดดีขึ้น จะรวมซี.พี.แลนด์และซี.พี.พลาซ่าเป็นบริษัทเดียว ซึ่งจะทำให้มีมูลค่าสินทรัพย์รวมนับหมื่นล้านบาท และนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเพิ่มทุนอีก 1,000ล้านบาท กระจายหุ้นในสัดส่วน 30% ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้มีบุคคลภายนอกเข้ามานั่งในทีมบริหาร เมื่อผสานกับฐานเดิมทั้งสินทรัพย์ ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สุนทรเชื่อว่า จะเป็นการดันซี.พี.แลนด์ให้ก้าวไปสู่มิติใหม่ที่ทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
|