Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน15 กันยายน 2552
KBANKชี้รายใหญ่แห่ออกหุ้นกู้ สินเชื่อ8เดือนวูบ13%หันพึ่งปล่อยกู้ธุรกิจโยงรัฐลงทุน             

 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
Loan




กสิกรไทยรับสินเชื่อรายใหญ่ 8 เดือนแรกวูบตามเศรษฐกิจ 8 เดือนติดลบ 13% เหตุลูกค้าหันออกหุ้นกู้ระดมเงินทุนแทน เผยแผนช่วงที่เหลือรุกปล่อยกู้ให้กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการรัฐ หวังช่วยดันยอดสินเชื่อกระเตื้องโตทรงตัว 0% และคาดทั้งปีจะมีรายได้จากกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ 1.1 หมื่นล้านบาท ด้านเอ็นพีแอลยังคุมได้ในระดับไม่น่าเป็นห่วง

นายสุรศักดิ์ ดุษฎีเมธา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยว่า ในปี 2552 นี้ธนาคารตั้งเป้าหมายเติบโตสินเชื่อกลุ่มธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่ที่มียอดขาย ตั้งแต่ 400-5,000 ล้านบาท และสินเชื่อของกลุ่มธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่พิเศษที่มียอดขายตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไปในระดับทรงตัวที่ 0% โดยต้นปีที่ผ่านมาจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมสินเชื่อดังกล่าวได้ลดลงถึง 13% ทำให้ฐานสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 267,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2551 ที่ฐานสินเชื่ออยู่ที่ 300,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ สินเชื่อของกลุ่มธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของไทยและของโลกชะลอตัวลงอย่างมาก อีกทั้งมีลูกค้าบางส่วนได้ชะลอการใช้วงเงินกู้ โดยเฉพาะสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนที่มียอดขอน้อยลง ในขณะที่บางรายได้หันไประดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ จากการที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดอยู่ในระดับต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม ความต้องการออกหุ้นกู้ในขณะนี้ยังมีอยู่บ้าง แต่ลดลงมากแล้วเมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

“การที่สินเชื่อกลุ่มธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษหดตัวไป เป็นการลดลงตามการเติบโตของประเทศที่ลดลง ซึ่งเราก็ไม่ได้มีความกังวลมากนัก ลูกค้ายังมีการเบิกใช้สินเชื่อระยะยาว และการทำธุรกรรมเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศ (เทรด ไฟแนนซ์) เพิ่มขึ้นแทน โดยคาดว่าฐานสินเชื่อคงค้างสิ้นปีนี้น่าจะอยู่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยมีมาร์เก็ตแชร์ในปีนี้ก็อยู่ที่ 13% เท่ากับปี 2551” นายสุรศักดิ์ กล่าว

นายสุรศักดิ์กล่าวอีกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างช้าๆ และคาดว่าจะเริ่มกลับมาขยายตัวได้ในไตรมาสที่ 4 โดยการฟื้นตัวจะมีปัจจัยสำคัญจากการลงทุนของรัฐบาลและการส่งออกเป็นหลัก โดยสัดส่วนสินเชื่อในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง ค้าวัสดุก่อสร้าง การส่งออก และการท่องเที่ยว คิดเป็น 40-50% ของสินเชื่อธุรกิจลูกค้ารายใหญ่และขนาดใหญ่พิเศษทั้งหมด จึงคาดว่ารายได้จากดอกเบี้ยรับในปีนี้จะอยู่ที่ระดับครึ่งหนึ่งของรายได้ ดอกเบี้ยรวม ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียม และการบริหารจัดการเงินสด (แคช เมเนจเม้นท์)

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่กว่า 1% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำและสามารถควบคุมได้ดี จากเป้าหมายทั้งปีที่ธนาคารตั้งไว้ว่าจะควบคุมเอ็มพีแอลให้อยู่ที่ 3% โดยสาเหตุที่ธนาคารควบคุมเอ็นพีแอลได้ดี เนื่องจากธนาคารดูแลลูกค้าเป็นเซ็กเม้นท์ ประกอบกับเป็นกลุ่มลูกค้ามีคุณภาพดีด้วย ขณะที่ลูกค้าที่มีการขอปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจนั้น ก็ยอมรับว่ามีจำนวนพอสมควรแต่ก็ไม่ได้เป็นตัวเลขที่มากจนน่าเป็นห่วง ซึ่งธนาคารมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา หากลูกค้ามีปัญหาธนาคารก็จะมีการยืดระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ออกไปให้ประมาณ 1 เดือน ส่วนเรื่องการที่ลูกค้าประสบปัญหาการดำเนินธุรกิจจนถึงขั้นปิดกิจการ ธนาคารยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มี เนื่องจากธนาคารมีการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด

ด้านนายวศิน วณิชย์วรนันต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในการขยายสินเชื่อไปสู่กลุ่มธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่ ของธนาคาร ได้แก่ ธุรกิจที่ได้รับผลดีต่อเนื่องจากโครงการภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการถนนปลอดฝุ่น และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ที่จะส่งผลต่อความต้องการสินเชื่อในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและค้าวัสดุก่อ สร้างตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้จนถึงปี 2553 อีกทั้งการเปลี่ยนนโยบายรับจำนำสินค้าเกษตรมาเป็นการประกันราคาสินค้าของภาค รัฐที่จะส่งผลให้ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่ม ขึ้น เช่น ข้าวและยางพารา ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายสินเชื่อของธนาคาร เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท

สำหรับในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ ประมาณ 6,600 ล้านบาท และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้ประมาณ 11,000 ล้านบาท ทั้งนี้ธนาคารมีลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ประมาณ 7,000 ราย และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่พิเศษประมาณ 3,000 ราย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us