Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 กันยายน 2546
TKเหนือIPOขาใหญ่-ย่อยแห่จองซื้อหุ้น             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้

   
search resources

แอสเซท พลัส, บล.
ทรีนิตี้, บล.
ฐิติกร, บมจ.
ปฐมา พรประภา
Motorcycle




บมจ.ฐิติกร บริษัทดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของไทย จะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (ไอพีโอ) ราคาหุ้นละ 11 บาท โดยเสนอขายระหว่าง 23-24 ก.ย.นี้ 100 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท โบรกเกอร์คาดหุ้นเทรดวันแรกสูงกว่าจอง เป็นระหว่าง 13-20 บาท แม้รายย่อยเตรียมเทขาย

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK) กล่าวว่าวันนี้ (19 ก.ย.) บริษัทจะเริ่มเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อหุ้นบริษัท ผ่านผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 15 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อย เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบัน ที่มีความต้องการสูงเกิน 10 เท่าของจำนวนที่เสนอขาย

อย่างไรก็ตาม หุ้นบริษัทจะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่นักลงทุนสนใจ ราคาหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นเหนือจองได้ แม้อาจจะมีนักลงทุนรายย่อยเทขาย เก็งกำไรวันแรก แต่บริษัทไม่ห่วง เพราะส่วนใหญ่ นักลงทุนสถาบันสนใจซื้อหุ้น

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์แอสเซทพลัส ในฐานะที่ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นนี้ร่วมกับบล.ทรีนิตี้กล่าวว่าหุ้นบริษัท ฐิติกร คาดว่าจะเป็นหุ้นที่นักลงทุนสนใจอีกบริษัท เนื่องจากอยู่กลุ่มธุรกิจเช่าซื้อที่มี อัตราเติบโตดี ณ ราคาจองซื้อ 11 บาท สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (พีอี) 10-11 เท่า

ซึ่งเขากล่าวว่าโบรกเกอร์บางแห่งคาดว่า เมื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกจะเก็งกำไร ราคาน่าจะปรับตัวขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 13 บาท ค่า พีอี 14 เท่า ถือว่าเป็นระดับเหมาะสม ไม่แพงเกินไป เมื่อเทียบหุ้นของบริษัท ไมด้า ปัจจุบันพีอีสูง กว่า 20 เท่า

เขากล่าวว่า บางโบรกเกอร์คาดว่าหุ้นฐิติกรจะปรับตัวขึ้นที่ 20 บาทได้ หากพิจารณาอัตราเติบ โตบริษัทระยะยาว

"บริษัทคาดว่าหุ้นบริษัทนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เหมือนกับหุ้นของบริษัท ไมด้าที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน แต่เมื่อเข้าเทรดวันแรกจะไม่ร้อนแรง เพราะหุ้นฐิติกรจะแตกต่างจากไมด้า เนื่องจากหุ้นฐิติกรมีความสามารถทำกำไรจากธุรกิจเช่าซื้อ ขณะที่ไมด้ามีความสามารถทำกำไร 2 ทางได้แก่ ธุรกิจเช่าซื้อ และการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่เก็บจากลูกค้า ฐิติกรต่ำกว่าไมด้า" นัก วิเคราะห์กล่าว

บริษัท ฐิติกร ทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ชำระแล้ว 400 ล้านบาท บริษัทส่วนแบ่งตลาดธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์อันดับ 1 ส่วนแบ่งตลาด 37% การที่ดอกเบี้ยตลาดเงินต่ำ ทำให้ฐานลูกค้ามากขึ้น

บริษัทดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยาน ยนต์ส่วนใหญ่ และให้บริการสินเชื่อรถยนต์มือสองบางส่วน บริษัทพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรวม 6 พันล้านบาท แบ่งเป็น บริษัท ฐิติกร พอร์ตสินเชื่อ 3 พันล้านบาท บริษัทย่อยอีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ซี.วี.เอ ซึ่งให้สินเชื่อเช่าซื้อภาคกลางและภาคตะวันออก พอร์ตสินเชื่อ 1.3 พันล้านบาท และบริษัท ชยภาค ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 1.3 พันล้านบาท

คู่ค้า 350 แห่งทั่วประเทศ และลูกค้า 1 แสนราย อนาคตบริษัทจะขยายอีก บริษัทมีสาขาให้บริการ 32 สาขา 17 จังหวัด ครอบคลุมทุกภาค มูลค่าตลาดรวมการขายรถจักรยานยนต์ที่ผ่านมา 4.55 หมื่นล้านบาท แนวโน้มดี เพราะราคาชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ต่ำลง เพราะผู้ผลิตชั้นนำของโลก ส่วนใหญ่ย้ายฐานผลิตมาไทย

บริษัทตั้งเป้าหมายอัตราเติบโตพอร์ตสินเชื่อ 12-15% ต่อปี ขณะที่อัตราเติบโตยอดขาย 30% บริษัทจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 แห่งปีนี้ ช่วงครึ่งของปี บริษัทรายได้รวม 703 ล้านบาท กำไรสุทธิ 187 ล้านบาท และพอร์ตสินเชื่อรวม 6 พันล้านบาท สิ้นปีนี้ น่าจะมีผลประกอบการดีขึ้น เนื่อง จากความต้องการใช้รถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น

บริษัทรายได้รวมปีก่อน 1.09 พันล้านบาท ไตรมาส1/46 รายได้รวม 346 ล้านบาท กำไรสุทธิ 107 ล้านบาท บริษัทมีเงินกู้สถาบันการเงิน 3.3 พันล้านบาท หนี้สินต่อทุน 8 เท่า หลังขายหุ้นแล้ว หนี้สินต่อทุนจะลด

บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน 75% ขยายพอร์ตสินเชื่อบริษัท 25% เป็นทุนหมุนเวียน บริษัท ซึ่งแนวโน้มของความต้องการใช้รถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ จำหน่ายได้แล้ว 1 ล้านคัน ทั้งปีคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.6 ล้านคัน คาดว่าพอร์ตสินเชื่อจะเพิ่ม ขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% ครึ่งปีหลัง จากครึ่งปีแรก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us