บมจ.ฐิติกร บริษัทดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของไทย จะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก
(ไอพีโอ) ราคาหุ้นละ 11 บาท โดยเสนอขายระหว่าง 23-24 ก.ย.นี้ 100 ล้านหุ้น ราคาพาร์
1 บาท โบรกเกอร์คาดหุ้นเทรดวันแรกสูงกว่าจอง เป็นระหว่าง 13-20 บาท แม้รายย่อยเตรียมเทขาย
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK) กล่าวว่าวันนี้
(19 ก.ย.) บริษัทจะเริ่มเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อหุ้นบริษัท ผ่านผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
15 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อย เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบัน
ที่มีความต้องการสูงเกิน 10 เท่าของจำนวนที่เสนอขาย
อย่างไรก็ตาม หุ้นบริษัทจะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มไฟแนนซ์
ซึ่งเป็นกลุ่มที่นักลงทุนสนใจ ราคาหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นเหนือจองได้ แม้อาจจะมีนักลงทุนรายย่อยเทขาย
เก็งกำไรวันแรก แต่บริษัทไม่ห่วง เพราะส่วนใหญ่ นักลงทุนสถาบันสนใจซื้อหุ้น
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์แอสเซทพลัส ในฐานะที่ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นนี้ร่วมกับบล.ทรีนิตี้กล่าวว่าหุ้นบริษัท ฐิติกร คาดว่าจะเป็นหุ้นที่นักลงทุนสนใจอีกบริษัท เนื่องจากอยู่กลุ่มธุรกิจเช่าซื้อที่มี
อัตราเติบโตดี ณ ราคาจองซื้อ 11 บาท สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (พีอี) 10-11 เท่า
ซึ่งเขากล่าวว่าโบรกเกอร์บางแห่งคาดว่า เมื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกจะเก็งกำไร
ราคาน่าจะปรับตัวขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 13 บาท ค่า พีอี 14 เท่า ถือว่าเป็นระดับเหมาะสม
ไม่แพงเกินไป เมื่อเทียบหุ้นของบริษัท ไมด้า ปัจจุบันพีอีสูง กว่า 20 เท่า
เขากล่าวว่า บางโบรกเกอร์คาดว่าหุ้นฐิติกรจะปรับตัวขึ้นที่ 20 บาทได้ หากพิจารณาอัตราเติบ
โตบริษัทระยะยาว
"บริษัทคาดว่าหุ้นบริษัทนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เหมือนกับหุ้นของบริษัท
ไมด้าที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน แต่เมื่อเข้าเทรดวันแรกจะไม่ร้อนแรง เพราะหุ้นฐิติกรจะแตกต่างจากไมด้า
เนื่องจากหุ้นฐิติกรมีความสามารถทำกำไรจากธุรกิจเช่าซื้อ ขณะที่ไมด้ามีความสามารถทำกำไร
2 ทางได้แก่ ธุรกิจเช่าซื้อ และการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่เก็บจากลูกค้า
ฐิติกรต่ำกว่าไมด้า" นัก วิเคราะห์กล่าว
บริษัท ฐิติกร ทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ชำระแล้ว 400 ล้านบาท บริษัทส่วนแบ่งตลาดธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์อันดับ
1 ส่วนแบ่งตลาด 37% การที่ดอกเบี้ยตลาดเงินต่ำ ทำให้ฐานลูกค้ามากขึ้น
บริษัทดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยาน ยนต์ส่วนใหญ่ และให้บริการสินเชื่อรถยนต์มือสองบางส่วน
บริษัทพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรวม 6 พันล้านบาท แบ่งเป็น บริษัท ฐิติกร พอร์ตสินเชื่อ
3 พันล้านบาท บริษัทย่อยอีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ซี.วี.เอ ซึ่งให้สินเชื่อเช่าซื้อภาคกลางและภาคตะวันออก
พอร์ตสินเชื่อ 1.3 พันล้านบาท และบริษัท ชยภาค ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
1.3 พันล้านบาท
คู่ค้า 350 แห่งทั่วประเทศ และลูกค้า 1 แสนราย อนาคตบริษัทจะขยายอีก บริษัทมีสาขาให้บริการ
32 สาขา 17 จังหวัด ครอบคลุมทุกภาค มูลค่าตลาดรวมการขายรถจักรยานยนต์ที่ผ่านมา
4.55 หมื่นล้านบาท แนวโน้มดี เพราะราคาชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ต่ำลง เพราะผู้ผลิตชั้นนำของโลก
ส่วนใหญ่ย้ายฐานผลิตมาไทย
บริษัทตั้งเป้าหมายอัตราเติบโตพอร์ตสินเชื่อ 12-15% ต่อปี ขณะที่อัตราเติบโตยอดขาย
30% บริษัทจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 แห่งปีนี้ ช่วงครึ่งของปี บริษัทรายได้รวม 703
ล้านบาท กำไรสุทธิ 187 ล้านบาท และพอร์ตสินเชื่อรวม 6 พันล้านบาท สิ้นปีนี้ น่าจะมีผลประกอบการดีขึ้น
เนื่อง จากความต้องการใช้รถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น
บริษัทรายได้รวมปีก่อน 1.09 พันล้านบาท ไตรมาส1/46 รายได้รวม 346 ล้านบาท กำไรสุทธิ
107 ล้านบาท บริษัทมีเงินกู้สถาบันการเงิน 3.3 พันล้านบาท หนี้สินต่อทุน 8 เท่า
หลังขายหุ้นแล้ว หนี้สินต่อทุนจะลด
บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน 75% ขยายพอร์ตสินเชื่อบริษัท 25% เป็นทุนหมุนเวียน
บริษัท ซึ่งแนวโน้มของความต้องการใช้รถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ช่วง 7 เดือนแรกปีนี้
จำหน่ายได้แล้ว 1 ล้านคัน ทั้งปีคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.6 ล้านคัน คาดว่าพอร์ตสินเชื่อจะเพิ่ม
ขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% ครึ่งปีหลัง จากครึ่งปีแรก