Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน9 กันยายน 2552
กสิกรฯทุ่มแคมเปญเรียกลูกค้า ลุยปล่อยกู้SMEลดดอกเบี้ย10%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
Loan
ปกรณ์ พรรธนะแพทย์




กสิกรไทยเข็นแคมเปญใหญ่กระตุ้นสินเชื่อเอสเอ็มอีส่งท้ายปี “เอสเอ็มอีมีเฮ”ลดดอกเบี้ยจ่าย 10% นาน 10 เดือน หวังสิ้นปีมีผู้สมัครใช้บริการ 30,000 ราย ยอดปล่อยกู้ 25,000 ล้านบาท ดันสินเชื่อทั้งปีโตตามเป้า 7-9 % ชี้สัญญาณเอ็นพีแอลเริ่มลดลง หลังเน้นกลยุทธ์ตามติดพฤติกรรมลูกค้า มั่นใจคุมได้ไม่ให้เกิน 4%

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารได้จัดแคมเปญใหญ่ประจำปี 2552 ที่เป็นสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ด้วยการออกแคมเปญเอสเอ็มอีมีเฮ ลดดอกเบี้ยที่จ่าย 10% นาน 10 เดือน ยอดเงินคืนสูงสุด 1 หมื่นบาท โดยตั้งเป้ามีผู้สมัครเข้าใช้บริการสินเชื่อประมาณ 3 หมื่นราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งแคมเปญนี้เปิดระหว่างวันที่ 10 ก.ย.-30 พ.ย.นี้

โดยผู้สมัครขอใช้บริการจะต้องเป็นลูกค้านิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจมียอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี โดยต้องขอวงเงินสินเชื่อระยะยาว (Loan) วงเงินอนุมัติขั้นต่ำ 3 แสนบาทสูงสุดไม่เกิน 12 ล้านบาท มีการผ่อนชำระเงินกู้โดยการตัดบัญชีแบบอัตโนมัติผ่านบัญชีออมทรัพย์ หรือกระแสรายวัน ที่ลูกค้าเปิดบัญชีไว้กับธนาคารกสิกรไทยเท่านั้น และจะต้องมีประวัติการชำระหนี้เงินกู้ที่ดีในเดือนที่ 1 ถึงเดือนที่ 10 นับตั้งแต่เดือนที่ลูกค้าได้เบิกรับเงินกู้ไปจากธนาคาร ซึ่งเมื่อลูกค้าปฏิบัติตามเงื่อนไขธนาคารจะคืนเงิน 10% ของดอกเบี้ยที่ชำระรายเดือน ยอดเงินคืนสูงสุด 15,000 บาท โดยเข้าบัญชีเงินฝากที่ลูกค้าเปิดไว้เพื่อหักชำระเงินกู้ 2 ครั้ง ภายใน 60 วัน หลังจากลูกค้าชำระเงินกู้งวดที่ 5 และงวดที่ 10

นายปกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า หากธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อแคมเปญเอสเอ็มอีมีเฮได้เพียง 50% ของเป้าหมายที่วางไว้ก็ถือว่าอยู่เกณฑ์ที่ดี และจะช่วยผลักดันให้ยอดการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารทั้งปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 7-9% หรือคิดเป็นวงเงินปล่อยกู้สุทธิ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ฐานสินเชื่อเอสเอ็มอีคงค้างสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 3.8 แสนล้านบาท จากปัจจุบันฐานสินเชื่ออยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท รวมทั้งธนาคารก็ยังมีลูกค้ารีไฟแนนซ์กว่า 30% ที่เข้ามาใช้บริการสินเชื่อกับธนาคาร เนื่องจากธนาคารสามารถตอบสนองความรวดเร็วแก่ผู้ประกอบการได้

นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ธนาคารมองว่ายอดสินเชื่อเอสเอ็มอีจะกลับมาเป็นบวกได้ รับกับภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ จะส่งผลให้ผู้ประกอบการรับเหมา และค้าวัสดุก่อสร้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี จะได้รับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว ประกอบกับในช่วงปลายปีของทุกๆปี จะเป็นไปตามวัฎจักร ที่อุตสาหกรรมการเกษตร จะใช้สินเชื่อมากขึ้น เพื่อนำไปซื้อพืชผลทางการเกษตรเพื่อเก็บเข้าสต็อกสินค้า โดยธนาคารมีกลุ่มลุกค้าอุตสาหกรรมก่อสร้าง การเกษตร และท่องเที่ยวคิดเป็น 40-50% ของฐานสินเชื่อเอสเอ็มอี ดังนั้นธนาคารจึงมั่นใจว่า

ตั้งเป้ารายได้ดบ.-ค่าฟีโต20%

อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้ตั้งเป้าเติบโตรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและค่าธรรมเนียมจากลูกค้าเอสเอ็มอีปีนี้ 1.8 หมื่นล้านบาท หรือเป็นการเติบโต 20% จากปี 2551 ที่มีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยธนาคารจะเน้นการเติบโตจากค่าธรรมเนียมเป็นหลัก ในขณะเดียวกันปีนี้ธนาคารได้เพิ่มสัดส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมเป็น 25% จากปีก่อนที่ 20% ขณะที่รายได้จากอัตราดอกเบี้ยปีนี้อยู่ที่ 75% จากปีก่อนที่ 80% ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าเอสเอ็มอีจะมีการจัดการในด้านการขอสินเชื่อเป็นหลัก จึงส่งผลให้รายได้จากอัตราดอกเบี้ยอยู่สูงกว่ารายได้จากค่าธรรมเนียม แต่ขณะนี้แนวโน้มรายได้จากค่าธรรมเนียมมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีกจากการออกแคมเปญต่างๆ ของธนาคาร

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ในปีนี้ตั้งเป้าควบคุมไม่ให้เกิน 4% จากปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 2% เนื่องจากธนาคารมีหน่วยงานที่ติดตามพฤติกรรมการใช้วงเงินของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเสี่ยง อาทิ วงเงินเต็มหรือวงเงินไม่หมุน จากนั้นจะรีบเข้าไปดำเนินการแก้ไขอย่างรวดเร็วหากพบปัญหา ซึ่งธนาคารอาจให้ขยายระยะเวลาชำระคืนหนี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us